จากที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ กัดติด ผบช.น. จัดแถลงข่าว เอา ‘สกาย’ ชาวสิงค์โปร์เพื่อนของผู้เสียหายไปเล่าความต่อสาธารณชน หลังจากที่ต้องไปให้ตำรวจไทยรุมซักไซร้ ‘สอบปากคำ’ แล้วมีข่าวกระเส็นกระสายออกมาว่า อาจจะโดนข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงาน ก็ได้นะ
ตอนนี้ทุกอย่างมาลงที่ผู้เสียทรัพย์ ๒ หมื่น ๗ พันบาทนั้น มีของต้องห้ามเข้าประเทศไทยไว้ในครอบครอง ๓ อัน จึงดดนปรับอันละ ๘ พัน รวม ๒๔,๐๐๐ บาท แต่ตำหวดไทยฟัดไป ๒๗,๐๐๐ บาท ไม่รู้ว่าอีก ๓ พันบาทนั่นค่าอะไร
นายสกายตอบคำซักไซร้ของชูวิทย์ว่า ไอไม่รู้นี่บุหรี่ไฟฟ้าเป็นของผิดกฎหมาย ไอซื้อมาจากห้วยขวางเทอร์เรซ ที่นั่นวางขายกันโจ๋งครึ่ม ก็นึกว่าเหมือนกัญชา ที่หาซื้อตามที่เปิดเผยที่ไหนก็ได้เพราะถูกกฎหมาย ทำเอาชูวิทย์หัวเราะเอิ๊ก
ส่วนทางตำรวจจัดแถลงบ้าง ว่าในเมื่อฝ่ายสาวไต้หวันมีของผิดกฎหมายในครอบครองก็ต้องจับกุมสิ ดีเท่าไหร่นะไม่ได้ใส่การลงโทษความผิด “จำคุกไม่เกิน ๕ ปี” เข้าไปด้วยดังที่ พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ รองโฆษก สคบ. (สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค) แจง
“ผู้ครอบครองหรือรับฝากไว้ จะมีความผิดฐานช่วยซ่อนเร้น ช่วยจัดจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใด” อย่างนี้หมายความว่าคนขาย คนให้ไม่ว่ากัน คนซื้อ คนรับ นั่น ‘ชิบหาย’ (คำอุทานของนายสกาย)
ให้รายละเอียดตรงนี้นิดว่านายสกายแกถูกชูวิทย์ถามว่า ไอ้การยอมจ่ายเงินให้กับเจ้าพนักงานแบบนี้ในสิงคโปร์เป็นอย่างไร เขาบอกว่าไม่ได้ ที่นั่นห้ามให้สินบนเด็ดขาด ขืนให้ก็ชิบหาย แต่ขณะเดียวกันไม่มีการนำออกขายโจ๋งครึ่มอย่างไทย
ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี (ผบช.กมค.) ออกมาชี้แจงเหมือนกันเรื่อง พรบ.ศุลกากร การนำเข้าเครื่องไฟฟ้าสูบควัน ที่ฝรั่งเรียกว่า ‘Vape pen’ และน้ำมันสำหรับสูบ เป็นความผิดต่างๆ นานา
แต่ว่าเหตุที่เกิดจนอื้อฉาว ผู้เสียเงินค่าปรับเขาไม่ได้นำเข้า แต่ซื้อมาจากห้วยขวางที่วางขายกราดเกลื่อน แต่เจ้าพนักงานบังคับใช้กฎหมายเฉพาะผู้ที่มีอยู่ครอบครอง ซึ่งอาจเรียกได้ว่า ‘รู้เท่าไม่ถึงการ’ ไม่ยักสนใจผู้ขาย
หรือแม้แต่ที่เป็นข่าวว่า ตำรวจด่านห้วยขวางนั่นแหละ ได้ค่าปรับแล้วเอาไปแบ่งกันในคืนนั้นเลย
(https://www.khaosod.co.th/crime/news_7486794 และ https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_7487856)
