ดูท่าจะบูมนะนี่ ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศเดือนแรกต้นปีนี้ ๒.๐๘ ล้านคน มาแรงสามอันดับแรกเป็นมาเลเซีย ตามด้วยรัสเซีย และเกาหลีใต้ แต่ที่ ‘น่าสนใจ’ คือสองอันดับต่อมา อินเดียและจีน จำนวนแสนกว่ากับ ๙ หมื่นกว่า
ที่ว่าน่าสนใจเพราะมี ‘ทุน’ อินเดียกับจีนตามมาลงซื้อกิจการรองรับนักท่องเที่ยวของพวกเขาด้วย ‘ประชาชาติธุรกิจ’ ให้รายละเอียดเรื่อง “ทุนใหม่อินเดียรุกคืบพัทยา แข่งจีนทุ่มซื้อสถานบันเทิง-โรงแรม” ทำให้เอะใจ ว่าบูมแบบนี้แบ่งให้ต่างชาติด้วยใช่ไหม
รู้ๆ กันมานานแล้วว่า ‘ทุนจีน’ ยึดครองหลายพื้นที่ย่านธุรกิจไทย เพียงแค่ ๕ ปีที่แล้ว ใครเลยจะนึกว่าห้วยขวางเป็นไชน่าทาวน์แห่งที่สองของ ‘ม่านกู่’ (บางกอก ในภาษาจีน) เมื่อเร็วๆ นี้เองย่านพาหุรัดได้รับการขนานนามจาก กทม.ว่า ‘ลิตเติ้ลอินเดีย’
ตอนนี้กำลังจะมีลิตเติ้ลอินเดียแห่งที่สองที่พัทยาเหนือ ขณะที่พัทยาใต้เทียบได้กับจักรวรรดิจีนน้อยๆ แห่งที่สามมานานพอสมควร ที่นั่นเต็มไปด้วยธุรกิจจีนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีน ชนิดว่าตามมาเก็บเบี้ยเข้าพกจากมณฑลไท้กั๋วเอากลับไปบ้านเกิด
ย่านพัทยาเหนือตรงรอยต่ออำเภอนาเกลือเดี๋ยวนี้เต็มไปด้วยสถานบันเทิง ผับ บาร์ และโรงแรมที่หน้าตาเป็นภารตะชัดเจน “jannaat Club pattaya (จานาท คลับ) เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ ๓๐ มิ.ย. ๖๕, Raas Club, Karma Club และ Nashuaa club”
ล้วนเป็นคลับหรูขนาดใหญ่สไตล์แขก “ในวอล์กกิ้งสตรีต ๖-๗ แห่ง เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นของกลุ่มทุนอินเดีย ที่เข้ามาร่วมหุ้นกับนักธุรกิจท้องถิ่นของไทย” ทุนอินเดียที่มาลงเก็บเกี่ยวดอกผลในไทยที่พัทยานั้น เป็นสถานบันเทิง ๖๐% ที่เหลือโรงแรม
“เม็ดเงินทุนคนอินเดียจะกระจายลงทุนตั้งแต่หลัก ๑๐-๑๐๐ ล้านบาทขึ้นไป” แล้วยังกำลังตามมาอีกมาก “ส่วนใหญ่เข้ามาซื้อกิจการ จะไม่ลงทุนก่อสร้างเองตั้งแต่เริ่มต้น จะนิยมเทกโอเวอร์กิจการที่มีใบอนุญาตทุกอย่างเรียบร้อย”
แม้นว่ากิจการเหล่านั้นมีส่วนสร้างรายได้ให้ประเทศไทยไม่มากก็น้อย เป็นส่วนหนึ่งของวงเงินกว่า ๔ หมื่นล้านบาทก็ตาม แต่ว่ากำไรหรือผลประกอบการย่อมจรลีออกนอกไปสู่ต้นตอแหล่งทุน ก็เลยน่ากังขาอยู่ว่าเบ็ดเสร็จแล้ว ได้หรือเสียมากกว่ากัน
(https://www.prachachat.net/local-economy/news-1213512=IwAR05s)