โตโต้ ปิยรัฐ - Piyarat Chongthep
Yesterday at 8:11 AM ·
....เรื่องมันมีอยู่ว่า...
.
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 63 เวลาราว 17.00 น. เศษ ในขณะที่ผมกำลังเดินอยู่รอบๆบริเวณเวทีชุมนุมต่อต้านเผด็จการของกลุ่ม นักศึกษา ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ) อยู่นั้น ได้เกิดเหตุ ชายวัยรุ่น เสื้อสีดำ เดินชูพระบรมฉายาลักษณ์ ร.9 ( https://www.facebook.com/Prachatai/posts/10157645792856699 ) อย่างสงบ จู่ๆพวกน้องที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของงานในวันนั้นต่างตกอกตกใจ ไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์เช่นนั้นอย่างไร ผมเห็นเหตุการณ์จึงอาสาเข้าไปช่วยพูดคุย และสอบถามถึงสิ่งที่ผู้ที่ยืนชูรูปอยู่นั้นต้องการสื่อสาร
.
ผมขอตัดตอนเหตุการณ์ชุลมุนหลังจากที่ผมเข้าไปถึงตัวน้อง พร้อมๆกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศ พันตำรวจเอกนายหนึ่ง มาถึงยังห้องประชุม
..
ที่บรรยากาศภายในห้องประชุมของสำนักงานอธิการบดี ห้องหนึ่ง ภายในห้อง เป็นไปอย่างตรึงเครียด มีผมกับน้องเขา เป็นประชาชนอยู่กันเพียงสองคน นอกนั้น เต็มไปด้วย เจ้าหน้าที่ทั้งใน และนอกเครื่องแบบ จำนวน 5 นาย เป็นอย่างน้อย แต่ไม่นาน เจ้าหน้าที่จาก i-Law ซึ่งมาสังเกตการณ์อยู่ในงานครั้งนี้ด้วยก็บังเอิญเห็นเหตุการณ์เข้า และเสนอตัวอาสาเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้ทันที จึงได้รับอนุญาตให้เข้ามาร่วมในที่ประชุม
..
ขณะ ที่เจ้าหน้าที่พร้อมที่จะคุย แต่น้องกลับไม่ยอมตอบ อะไร มากกว่าคำถามของน้อง "ผมทำอะไรผิด ผมแค่พูดความจริง" ผมจึงจำเป็นต้องอาสาเป็นตัวกลาง สื่อสารระหว่างน้องเขา กับ เจ้าหน้าที่ ซึ่งเห็นชัดว่าเริ่มมีทีท่าเคร่งเครียด
..
น้องแสดงท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น และอนุญาตให้ผมเป็นผู้ไว้วางใจของน้อง ในสถานการณ์ที่อยู่ต่อหน้า ตำรวจหลายนาย โดยทั้งตัวผม และน้องเองต่างก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราในหนทางเบื้องหน้า แต่ผมกลับมองเห็นความแน่วแน่ นิ่งเฉย และพร้อมกับทุกอย่างจากนัยตาของน้อง
.
กลับมามองดูตัวเอง ผมเองต่างหากที่ ดูขี้ขลาด หวาดกลัว และดูเป็นคนใช้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
.
พอมีเวลานั่งคิด นอนคิด จึงตอบตัวเองว่า ผมต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกขี้แพ้ไปมากกว่านี้ มันจึงเป็นสาเหตุที่ผมจำเป็นที่จะต้องนำเรื่องราว และ ความประสงค์ของน้องคนนี้มาสื่อสารส่งต่อไปสู่ผู้คนในทางสาธารณะ
..
ผมขอเรียกน้องว่า ภูมิ เป็นชื่อที่น้องยินดีให้เปิดเผย สถานะตอนนี้ภูมิยังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ และ แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนมีปัญหาทางจิต ในส่วนสติ และปัญญาของภูมิยังดีเยี่ยมอีกด้วย และเชื่อว่าดีกว่าผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้หลายๆคน
.
ภูมิ บอกเล่าต่อหน้านายตำรวจ และ รักษาการอธิการบดี ว่า "แต่เดิมผมก็เหมือนคนทั่วๆไป รูปที่เห็นอยู่นี้ซื้อมาในราคา 250 จากสวนจตุจักร ผมรัก ผมชอบผมก็ชื้อ แต่พอวันหนึ่งผมได้เห็นความจริงอีกด้าน มันเลยเป็นคำถามในใจผมมาตลอด และผมก็แสวงหาข้อเท็จจริงด้วยตัวผมเองไม่มีใครมาสั่งผมได้"
.
ภูมิยังกล่าวอีกว่า "ผมเป็นคนไม่ได้เชื่ออะไรง่ายๆ ผมอ่านข้อมูลจากพวกเขาแค่ไหน ผมก็อ่านข้อมูลจากอีกฝ่ายเท่ากัน ผมอ่านเท่ากันทุกตัวอักษร แต่ผมพบว่า ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเนื้อไม่มี มีแต่น้ำ"
..
คุยกันมาถึงตรงนี้ ผมเชื่อแล้วว่า ภูมิ เป็นคนมีอุดมการณ์สูง ไม่มีอะไรที่จะหยุดความตั้งใจของเขาได้ ผมจึงตั้งคำถามกับเขาอย่างตรงไปตรงมาว่า "ภูมิพี่เคารพในการตัดสินใจของภูมิ และพี่นับถือในความกล้าหาญ แต่ภูมิรู้ใช่หรือไม่ว่า ภูมิกำลังเผชิญหน้ากับอะไร"
.
ภูมิตอบผมอย่างชัดถ้อยชัดคำในทันทีเมื่อจบประโยคของผม ภูมิตอบว่า "ผมรู้พี่ ผมรู้ ผมรู้ไงผมถึงต้องทำเพราะพวกพี่ไม่กล้า แกนนำไม่มีใครกล้า ผมคนตัวเล็กตัวน้อยถึงต้องออกมาพูดเอง ถ้าพวกคุณไม่กล้าพูด ผมจะพูดเอง ถึงตายก็ยอม"
.
นั่นคือใจความสำคัญ ที่ภูมิตั้งใจจะสื่อสาร ผมขอจบสาระสำคัญ ในเหตุการณ์ครั้งนี้เพียงเท่านี้ก่อน หวังว่าทุกคนที่อ่านมาถึงจุดนี้ คงจะเข้าใจ
.
ปล. ฟางเส้นสุดท้ายของภูมิ คือเหตุการณ์ อุ้มหาย วันเฉลิม
.
โตโต้ ปิยรัฐ จงเทพ
5 ส.ค. 2563
.....
...ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มีเยาวชนคนหนึ่ง ได้นำรูป รัชกาลที่ 9 พร้อมมีข้อความกำกับว่า “ประชาธิปไตย พระราชทาน” มายืนถืออยู่ด้านนอกบริเวณที่ชุมนุม และถูกเจ้าหน้าตำรวจเข้ามาเชิญตัวไปพูดคุย ทั้งนี้ผู้ถือรูปดังกล่าวระบุด้วยว่า การวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ตามระบบประชาธิปไตยนั้น เป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งปัจเจกชนคนหนึ่งสามารถทำได้ และสถาบันกษัตริย์ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของรัฐ เจ้าหน้าที่ต้องชี้แจงให้ได้ว่าสิ่งที่ตนทำมีความไม่เหมาะสมอย่างไร และใครเป็นคนกำหนด
ต่อมามีรายงานว่าเมื่อเวลา 18.55 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปล่อยตัวผู้ถือป้ายออกมาจากห้องพูดคุย โดยตำรวจได้ขอข้อมูลไป สอบถามเหตุผลที่มายืนถือรูปดังกล่าว พร้อมกับบันทึกการให้ถ้อยคำไว้