ที่นายกฯ ขี้ ‘ตู่’ พล่อยอีกว่า ‘แผ่นดินจะลุกเป็นไฟ’ ถ้าพวกต้านยังจะคอยเอาชนะคะคาน ไม่ใช้ตรรกะแบบ ‘วิปฝ่ายค้าน’ ของเพื่อไทย “เมื่อรู้ว่าแพ้จะรบไปทำไม” ก็คงเพราะมั่นใจแล้วว่าพวกนี้ปักใจได้เป็น ‘ฝ่ายค้าน’ อีกสมัยหลังเลือกตั้งครั้งหน้า
แต่เอ๊ะ รึว่ามันมีเลศมีนัยอะไรที่ชาวบ้านไม่รู้ ขนาดพรรคร่วม ‘ลูกเมียน้อย’ (พ่อแอบเจียดมรดกให้ ไม่ต้องตามทวงหน้าเชิงตะกอนอย่างแม่เลี้ยงของแดง) ยังรีบกลับหลังหันทันควัน หลังจากลูกพรรค ‘เฮี้ยว’ จะไม่เอาเรือดำน้ำ
‘อู๊ดด้า’ ห้ามทัพ “ต้องคุยกันก่อน เชื่อมีทางออกที่ดีทั้งเรื่องมิติเศรษฐกิจและมิติความมั่นคง หลังจากก่อนหน้านี้ที่ประชุมพรรคย้ำชัดว่าจะโหวตคว่ำ #ประชาชนไม่เอาเรือดำน้ำ #เรือดำน้ำมีไว้ทำไม” จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ ไม่อยากไปเป็นฝ่ายค้านสมัยหน้า
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคามพูดอย่างวัวรู้งาน เหมือนสอนรุ่นน้องๆ “รอให้สถานการณ์สุกงอม สังคมมีความชัดเจน ผู้ชุมนุมมีพลังสูงกว่านี้ เราอาจจะยื่นตอนนั้นก็ได้” เล่นการเมืองมานานถนัดนักละทางหนีทีไล่
“รอไว้รบเมื่อตอนที่คิดว่ามีโอกาสจะชนะดีกว่า” แต่น้องๆ เขาคงมองว่า โอกาสชนะสำหรับรุ่นแก่เก่าเหงางึกคงชาติหน้าตอนสายๆ และสำหรับรุ่นใหม่ไฟแรงอาจจะตอนปลายๆ อายุขัยใกล้มอดมั้ง พวกเขาจึงตั้งหน้าดันแก้ รธน. ม.๒๗๒ เสียแต่วันนี้
ไอ้ ม.๒๗๒ นี่เป็นกลไกในรัฐธรรมนูญเพื่อ คสช.โดย คสช. ให้มี ‘นายกฯ คนนอก’ ได้ โดยให้สมาชิกสองสภาเข้าชื่อรวมกัน ๓๗๖ คน เสนอชื่อใครก็ได้ที่ไม่อยู่ในรายชื่อสามคนของแต่ละพรรคการเมือง เป็น ‘แคนดิเดท’ นายกฯ
แล้วให้สมาชิกสองสภาลงมติสองในสาม หรือ ๕๐๐ คนอนุมัติ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นบทบาทอันสุดยอดของ สว.ตู่ตั้ง หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า เหตุผลที่พรรคก้าวไกลอ้างต้องแก้ไขมาตรานี้ ก็เพื่อที่จะได้ไม่ให้ประชาชนต้องใช้น้ำอดน้ำทนกับประยุทธ์อีก ๕-๖ ปี
ข้อสำคัญ เขาเห็นกันว่าถ้าตัดทอนอำนาจ สว.ในการเป็นกำลังสำคัญ ‘สืบทอดอำนาจ’ พวกรัฐประหาร ก็จะทำให้ขวากหนามประชาธิปไตยเบาบางลงไปบ้าง จะได้ลุยกันต่อหักร้างถางพงได้ แต่พี่ๆ ผู้ช่ำชองในพรรคเพื่อไทยไม่ชอบแบบนั้น
วันก่อนโหวต ‘unanimously’ ๙๙.๙๙% นั่นเลยเชียว ‘ไม่เอาด้วย’ อ้างว่า “ผิดหลักการของพรรค” ที่จะแก้แค่มาตรา ๒๕๖ เพื่อให้มีการเลือกตั้ง สสร.เท่านั้น ส่วนกรณี สว.ยังคงมีอำนาจ ‘ขวาง’ แก้รัฐธรรมนูญและ แต่งตั้งนายกฯ จากคนที่ตั้งพวกตนมา ‘ชั่งมัน’
เรื่องมาบานปลายตรงที่พี่ใหญ่โดนน้องๆ ‘สวดเยอะ’ โดยเฉพาะพวก ‘หนูๆ’ ที่เป็นแฟนคลับของน้องๆ นั่น ‘สับยับ’ ก็เลยได้ช่อง ‘ไทยโพสต์’ ของโรจน์ งามแม้น ‘เสี้ยมแยะ’ ช่วยโหมประโคมคารมคมกริบ ซัดฝ่ายค้านด้วยกันของ ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ
ตอบโต้คำวิพากษ์จาก รังสิมันต์ โรม ส.ส.ก้าวไกล เรื่องพรรคเพื่อไทยยื่นขออภิปรายตามมาตรา ๑๕๒ โดยไม่มีการลงมติ ว่านั่นเปิดช่อง “ให้รัฐบาลได้ใช้เวทีนี้ในการชี้แจงและฟอกตัว ทั้งที่ควรต้องยื่นญัตติ ตาม ม.๑๕๑ คือเปิดอภิปรายและลงมติไม่ไว้วางใจมากกว่า”
แทนที่จะเถียงเขาด้วยประเด็นหลักการ ประเดิมชัยซัดนอกเรื่อง “อยากถามกลับไปว่าไปรับงานใครมาหรือเปล่า หากอยากโวยวายควรโวยกับพรรคตัวเองเท่านั้น เช่นใครแอบไปเปิดซุปเปอร์ดีลกับใคร เพื่อหลอกเพื่อนและเอาตัวรอด”
ลำเลิกไปถึงเรื่องที่พรรคก้าวไกลถอนตัวจากการร่วมยื่นญัตติแก้ ม.๒๕๖ ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นพ้องกับกรรมาธิการชุดของพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ก้าวไกลบอกว่าถอนเพราะญัตตินี้มีข้อจำกัดไม่ให้แตะหมวด ๑ และ ๒ อันหลังนี่เรื่องอำนาจ สว.
มันก็ต้องตามหลักการของพรรคนั้นเขาเด๊ะ แต่ ส.ส.กรุงเทพฯ ของเพื่อไทยกลับด่าเขาว่า “ใช้วิธีเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น...ทำลายจิตใจพวกเรามามาก อย่าทำให้เราต้องลุกขึ้นมาสู้กับมิตรเลย...มิเช่นนั้นน้ำใจของเราที่มีต่อคุณอาจเหือดแห้งและหมดไปในเร็วๆ นี้”
ดูแล้ว มันไม่ได้แค่ ‘อาจ’ ดูท่ามันหมดเกลี้ยงกันไปแล้ว นอกจากประเดิมชัยจะใส่แหลกให้รัฐบาลยิ้ม ว่าฝ่ายค้าน ส.ส.น้อยหดหายไปเยอะเพราะ “บางพรรคย้ายพรรคไปเป็นสิบๆ คน จึงทำให้กำลังของส่วนรวมอ่อนแอไปมากเพราะนักการเมืองที่ไร้อุดมการณ์”
ทำยังกับเพื่อไทยไม่มีใครไปไหนเลยงั้นแหละ แต่ก็เถอะคนที่ช่วยให้สะบั้นกันไปไม่ใช่ใครอื่น วัฒนา เมืองสุข นั่นเอง จากที่แขวะแรงว่าการปิดสวิทช์ สว.ของก้าวไกลทำไม่ได้ ถ้าไม่มีเสียง ๘๔ สว.เห็นด้วย แล้วยังว่า “คือการปั่นกระแสหลอกต้มประชาชน”
เท่านั้นไม่พอ วัฒนาเอาอีกเมื่อโดน ‘ประชาชนปลดแอก’ โหมประณามว่าการไม่ยอมปิดสวิทช์ สว.เป็นการต่ออายุเผด็จการ คราวนี้วัฒนาของขึ้นหนัก “พรรคอื่นก็ไม่มีสิทธิมาตำหนิหรือต่อว่าพรรคเพื่อไทย...หากจะเรียกตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย
ต้องเคารพสิทธิและความคิดผู้อื่นให้เป็นก่อน ไม่ใช่สร้างภาพหลอกต้มกองเชียร์ไปวันๆ ทุเรศว่ะ” มิน่าตู่ถึงได้ยิ้มอย่างแสยะ
(https://www.brighttv.co.th/news/politics/wattana-switch-off-senators, https://prachatai.com/journal/2020/08/89223 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_2322815)
หมายเหตุ :
มีคนถามว่า ถ้าปิดสวิตเอา สว. 250 คนที่คณะรัฐหารตั้งมาออกไป (เอาทั้งตัวคนและอำนาจโหวตนายกออกไป)
แล้วจะเอาเสียง สว.ที่ไหนไปแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
ปัดโธ่ ก็กลับไปใช้ สว.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 ไปพลางก่อนไงในช่วงที่เราแก้รัฐธรรมนูญ
ซึ่งที่มาก็เป็นการเลือกตามกลุ่มอาชีพ และจำนวนก็ลดลงจาก 250 เหลือเพียง 200 ด้วย
ทุกเรื่องมีทางไปของมัน
เพียงแต่เราต้องตัดแขนขาเผด็จการออกไปก่อนเท่านั้น เพราะระหว่างที่เราแก้รัฐธรรมนูญ
หากประยุทธ์บิดพลิ้วหนีการแก้รัฐธรรมนูญโดยการยุบสภา อย่างน้อยมันก็ไร้เสียงและอำนาจของ
สว. ที่จะมาโหวตมันกลับมาเป็นนายกอีกแล้ว
เมื่อนั้น การเลือกนายกก็จะใช้แค่เสียง สส. ซึ่งเรามีโอกาสกลับมาเป็นรัฐบาลได้ไม่ยาก