วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 06, 2563

ตชด.ยุคนี้ต่างกับ ๖ ตุลา ๑๙ ยืนยัน "ไม่มีคำสั่งให้สลายการชุมนุม" แต่ไม่รู้เอกสารหลุดได้ไง เลยต้องย้อนยุคไปใช้ 'แฟ็กซ์' แทน 'ไลน์' Five Five

ที่จริงช่วงนี้
แดง ไม่น่าปากเปรอะให้ห่าลง ในเมื่อทีต้องโดนหนักขณะนี้คือตำหวด หรือเป็นตะหานไม่ยอมน้อยหน้า เที่ยวแขวะพวกชังชาติให้เขาขุดกำพืดออกมาประจานเรื่อง แม่เลี้ยง ตัวอ่อนๆ แย่งสมบัติพ่อ ว่าอะไรกันเป็นแค่ ผบ.ทบ.พอยึดอำนาจรวยถึงสี่พันล้าน

ก็เนอะ ยังดีที่ไม่มีใครพูดตรงๆ ว่าเขาชังพวก ชาติชั่วมากกว่า รวมทั้งที่เป็นหูเป็นตา เป็นใจ ให้บ่อนถอดกล้องวงจรปิด ขนย้ายหลักฐานการพนันจนเหลือโต๊ะตัวเดียว ซ้ำมีเวลาพอทำความสะอาดปัดกวาดร่องรอย จนเมื่อ ผบ.นครบาลไปตรวจไม่เจออะไรเลย

เมื่อคืนวาน @moui ทวี้ตแจ้งว่าฟังทนายเดชา “@dechaforpeople เขาว่ามีคนบอก ถ้า ตร.ไม่ตามจับผู้ร้ายในคดีนี้ จะมีคลิปหลุดมาเรื่อยๆ จนถึงจังหวะยิงกันในบ่อนเลย” เบื้องต้นก็คลิปขณะเร่งถอดกล้องวงจรปิด ไปออกที่ สปริงนิวส์ เสียด้วย

อาจถือว่าไม่หนักเท่าไหร่ตรงเรื่องที่กรรมาธิการพัฒนาการเมืองของสภาผู้แทนฯ เรียกตำรวจ ตชด.ไปชี้แจงกรณีเอกสารหลุด ว่ามีการเตรียมสถานที่ไว้ควบคุมตัวพวกนักเรียนนักศึกษาที่ออกมาชุมนุม ซึ่งวิธีจัดการเวลานี้เป็นการแจ้งข้อหาฝ่าฝืน #พรกฉุกเฉิน

คนที่โดนรายล่าสุด “นับเป็นคดีที่ ๑๑ แล้ว” คือ บอล ธนวัฒน์ วงค์ไชย ได้รับหมายเรียกจาก สภ.เมืองลำพูน จากการเข้าร่วมกิจกรรมแสดงออกทางการเมือง #คนลําพูนก็จะไม่ทนโว้ย เมื่อวันที่ ๒๔ ก.ค. ขระเดียวกัน ส.ส.ฝ่ายค้านก็ย้อนรอย ฟ้องกลับบ้าง

ส.ส.พรรคก้าวไกล วิโรจน์ ลักขณาอดิสร ทวี้ตว่าจะเอาบันทึกการประชุมคำให้การของตำรวจ ตชด.มาเปิดสาธารณะ เพื่อให้ “ทุกท่านใช้เป็นหลักฐานในการแจ้งความดำเนินคดี กับตำรวจที่ไปคุกคามนักเรียน นักศึกษาโดยพลการ”

เขาแนะด้วยว่าใช้ “ม.๓๙๒, ม.๓๙๗ และ ม.๑๕๗ ครับ เพราะ ตร.ยืนยันแล้วว่า ไม่มีคำสั่งให้ตำรวจทำอย่างนั้นครับ” เนื่องจาก “ส.ส. @wirojlak ถามถึงเรื่องการส่งตำรวจไปคุกคามนักเรียนมัธยม โดยระบุว่าอาจผิด ม.๑๕๗

ส่วน ส.ส. @AmaratJeab (อมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล) ฉายคลิปที่ตำรวจบุรีรัมย์ไปเถียงกับผู้จัดชุมนุม ตำรวจจาก ตชด.ที่มาชี้แจง ตอบว่าไม่เคยได้รับคำสั่งให้ทำเช่นนั้น ถ้าใครไปคุกคามไม่แสดงตัวให้แจ้งตำรวจ ๑๙๑ มาตรวจสอบว่าจริงไหม”

@iLawFX รายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ตำรวจยืนยันถึงการชุมนุมของนักเรียนนักศึกษา “ที่ผ่านมาอยู่ในกรอบของสิทธิเสรีภาพ ไม่มีคำสั่งให้สลายการชุมนุมหรือจับกุม (เพราะถือ) เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ตำรวจหลีกเลี่ยงจะไม่ใช้กำลังกับเยาวชน”

ส่วนเอกสารที่ว่าหลุดออกมานั้น พล.ต.ต.ณัฐ สิงห์อุดม รอง ผบช.ตชด.รับว่า “เป็นเอกสารจริง” และมีการเตรียมพื้นที่ไว้รองรับการควบคุมตัวแกนนำกับผู้ชุมนุมไว้ด้วย แต่นั่นเป็นการเตรียมพร้อมปกติ “ไม่ใช่การร้องขอของ ผบ.ตร.หรือนายกฯ” (@weeranan)

ไอลอว์เสริมว่าตำรวจยืนยันไม่ใช่เอกสารชั้นความลับอะไร “เป็นการปฏิบัติปกติ (แต่ก็)...เป็นเรื่องภายใน” ไม่รู้หลุดออกไปได้อย่างไร “ช่วงหลังใช้วิธีส่งไลน์กันเพื่อความสะดวก จึงต้องเปลี่ยนกลับไประบบเดิมคือใช้แฟ็กซ์” เสียละสิ

โอว ตชด.ยุคนี้ไม่เด็ดดวงเหมือนช่วง ๖ ตุลา ๑๙ ที่ส่งกำลังเข้าล้อม ม.ธรรมศาสตร์แล้วยิงเอาๆ เหมือนยิงนกพิราบในกรง แต่ ตชด.ก็ยังไปไม่ถึง ก้าวไกล หรือ ก้าวหน้าแหมพอถูกจับได้คาหนังคาเขา ก็เลยคิดจะย้อนอดีตกลับไปสมัย ออเจ้า เหรอ

โอเค ยังไงก็พอฟังได้บ้างหละ แต่ที่ฟังไม่ขึ้นเอาเลยเป็นลิงแก้แหต้องนี่ คดีอยู่วิทยายิ่ง แถ แถลง ยิ่งเข้าเนื้อตัวเอง ตอนนี้อัยการซัดกันไปซัดกันมาหาบันไดลงไม่เจอ มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบเสร็จแล้วสรุปว่า รองอัยการสูงสุดทำถูกต้องแล้วที่สั่งไม่ฟ้อง

แต่ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ออกมาพูดถึงหลักการทำงานของอัยการว่า “ดีที่สุดในโลก...ตราชูเอียงตรงนี้ไม่ได้อยู่ที่ระบบ แต่ต้องไปดูตรงบุคลากรว่าได้สั่งคดีตามกฎหมายเเละระเบียบถูกต้องโดยชอบหรือไม่”

นายอรรถพล ใหญ่สว่าง พูดอย่างนี้ก็ต้องตีความว่า การสั่งคดีของนายเนตร นาคสุข รองฯ ปฏิบัติหน้าที่แทนอัยการสูงสุด เป็นการบิดเบี้ยวสิท่า ข้ออ้างของอัยการที่ว่ามาเปิดการพิจารณารับฟังหลักฐานใหม่ตามคำร้องเรียนของฝ่ายจำเลย หลายปีให้หลัง

“คำสั่งดังกล่าวจึงอาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย” ต้องถือว่า “อัยการสูงสุด (ร.ต.ต. พงษ์นิวัติ ยุทธภัณฑ์บริภาร) ได้สั่งให้ยุติการพิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหา” ไปแล้ว “คำสั่งฟ้องที่สั่งไว้มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย”

มิหนำซ้ำประธานตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ประยุทธ์ตั้ง วิชา มหาคุณ “ยืนยันว่า ขณะนี้หมายจับของนายวรยุทธ (บอส) ยังอยู่” ในเมื่อทางอัยการเองแถลงว่า “มีข้อมูลใหม่” ก็เลยทำให้ “ยังถอนหมายจับไม่ได้” การสอบสวนของกรรมการยังดำเนินต่อไป (อีกหลายยก)

แต่เท่าที่สอบไปแล้วน่าสนใจตรงคำให้การของนายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม ผู้ตรวจวัดความเร็วของรถเฟอรารี่ที่บอสขับชนดาบตำรวจวิเชียรตาย ว่าแค่ ๗๖ กิโลต่อชั่วโมง ทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง เขาว่าได้ตรวจตามหลักวิชาการแล้วนะ

คือ “วิเคราะห์จากภาพที่เกิดขึ้น ตรวจสอบความเร็วจากหน้าปัดนาฬิกาที่โชว์บนคลิป และใช้สูตรปกติ ส่วนจะใช่หรือไม่ขึ้นอยู่ดุลพินิจของคณะกรรมาธิการ...แต่ผมคำนวณบนสมมติฐานของผม” เองนะ พูดอย่างเชื่อมั่นในหลักการของตน

เสียแต่ว่าขณะทำหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในคดีนั้น ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพขณะนั้นหมดอายุไปแล้วน่ะสิ

(https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/892458 และ https://www.facebook.com/307513345840/p)