วันอาทิตย์, สิงหาคม 30, 2563

หากรัฐบาลแพ้คดีคิงส์เกท ต้องชดใช้เงินหลายหมื่นล้านบาท ต้องเอาคืนจากพลเอกประยุทธ์โดยการยึดทรัพย์ เหมือนที่เคยทำกับนายกยิ่งลักษณ์ว่าปล่อยปละละเลยในคดีรับจำนำข้าว

11m
 
หลายคนถามว่ากรณีรัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ตั้งแต่ปี 2562-2564 รวม 389 ล้านบาท เพื่อใช้ในการต่อสู้คดีที่รัฐบาลถูกบริษัท คิงส์เกท คอนโซลิเดเต็ด ยื่นฟ้องต่ออนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ซึ่งหากแพ้คดีรัฐบาลอาจจะต้องรับผิดชดใช้เงินหลายหมื่นล้านบาท กรณีนี้จะเอาคืนได้จากพลเอกประยุทธ์ได้หรือไม่ ขอตอบดังนี้
การใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของพลเอกประยุทธ์ถือได้ว่าเป็นความโง่อย่างสมบูรณ์แบบเพราะอำนาจดังกล่าวมีอยู่แล้วตามมาตรา 125 และ 126 ของ พรบ. แร่ พ.ศ. 2510 อันเป็นอำนาจของอธิบดีจึงไม่จำเป็นต้องไปใช้อำนาจของหัวหน้าเผด็จการให้ถูกฟ้อง แต่ความซวยของคนไทยคือนายมีชัยได้เขียนรัฐธรรมนูญมาตรา 279 นิรโทษกรรมการกระทำของ คสช. ทั้งหมด ทำให้รัฐบาลไม่อาจไปเรียกร้องค่าโง่คืนจากพลเอกประยุทธ์ในฐานะหัวหน้า คสช. ได้
อย่างไรก็ตาม การที่มาตรา 44 กำหนดให้หัวหน้า คสช. ต้องรายงานการออกคำสั่งให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว หากบุคคลทั้งสองเห็นว่าเป็นการออกคำสั่งที่ไม่ชอบจะต้องทักท้วงหรือขอให้แก้ไข แต่การที่บุคคลทั้งสองปล่อยปละละเลยทำให้คำสั่งดังกล่าวถูกนำไปใช้จนก่อให้เกิดความเสียหาย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายคืนให้รัฐตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
ดังนั้น หากรัฐบาลต้องไปชดใช้ค่าเสียหายให้คิงส์เกทถึงแม้จะไม่อาจเรียกร้องคืนจากพลเอกประยุทธ์ในฐานะหัวหน้า คสช. ก็ยังเรียกร้องจากพลเอกประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีและประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เหมือนที่เคยกล่าวหานายกยิ่งลักษณ์ว่าปล่อยปละละเลยในคดีรับจำนำข้าว
วัฒนา เมืองสุข
30 สิงหาคม 2563