Pravit Rojanaphruk
@PravitR
จากประสบการณ์ หากเกิดรัฐประหาร การต่อสู้ขัดขืนในที่สาธารณะใน 48 ชั่วโมงแรก หรือวันแรกสำคัญมาก ถ้าคนออกมาน้อยเหมือนปี 2557 ก็ตัวใครตัวมันยกประเทศให้เขาไปอีก 5 ปี 10 ปี #ป #ไม่เอารัฐประหาร
...
คู่มือการต่อต้านรัฐประหาร (Anti – Coup) ของ Gene Sharp
2014-05-22
ที่มา ประชาไท
แนวทางการต่อต้านรัฐประหารโดยทั่วไป
แนวทางการต่อต้านโดยทั่วไปสามารถกำหนดไว้ล่วงหน้าได้ก่อนมีการรัฐประหาร แนวทางต่าง ๆ ดังกล่าวจะกำหนดองค์ประกอบพื้นฐานสำหรับการต้านรัฐประหารอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้เป็นคำแนะนำวิธีการต่อต้านสำหรับประชาชน แนวทางต่าง ๆ ประกอบด้วยดังนี้
- ปฏิเสธรัฐประหารและประณามผู้นำรัฐประหารว่าไม่ชอบชอบธรรม เป็นรัฐบาลที่ควรถูกปฏิเสธเท่านั้น การประณามผู้ก่อรัฐประหารว่าไม่ชอบธรรมควรได้รับการสนับสนุนจากผู้นำทางคุณธรรม ผู้นำทางการเมือง และผู้นำทางศาสนา เจ้าหน้าที่และสมาชิกของสถาบันทางสังคมทุก ๆ ภาคส่วน (ประกอบด้วยสถาบันการศึกษา สื่อมวลชน ผู้ให้สัญญาณการติดต่อสื่อสาร) และรัฐบาลระดับชาติ ระดับท้องถิ่น ในระดับภูมิภาค และในระดับจังหวัด (รวมถึงประมุขของรัฐและเชื้อพระวงศ์) ปฏิเสธที่จะให้ความชอบธรรมใด ๆ แก่ผู้ก่อรัฐประหารในทุกกรณี รวมไปถึงปฏิเสธไม่ให้เกิดการเจรจาต่อรองระหว่างพวกรัฐประหารและผู้นำทางการเมืองที่มีความชอบธรรม
- ตระหนักว่าทุกคำประกาศและคำสั่งจากคณะรัฐประหารเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และต้องปฏิเสธไม่ปฏิบัติตาม
- ทุกการต่อต้านต้องไม่ใช้ความรุนแรงอย่างเด็ดขาดเพื่อทำให้การต่อต้านรัฐประหารมีประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่มากได้ ไม่ตอบโต้การยั่วยุด้วยความรุนแรงหรือการกระทำใด ๆ ที่ไม่สมเหตุสมผล
- ปฏิเสธและไม่ยินยอมให้มีความพยายามของคณะรัฐประหารในการจัดตั้งหรือเข้าควบคุมกลไกรัฐและสังคม
- ไม่ให้ความร่วมมือกับผู้ก่อรัฐประหารในทุกทาง หลักการนี้ใช้กับประชาชนทั่วไป ผู้เชี่ยวชาญและข้าราชการ อดีตผู้นำรัฐบาลและพรรคการเมือง แผนกต่าง ๆ ของรัฐบาลกลาง ในระดับรัฐ ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่นทุกหน่วย รวมไปถึงพนักงานและข้าราชการ ทีมงานสื่อและผู้ให้บริการติดต่อสื่อสาร พนักงานในระบบคมนาคม ตำรวจ ทหารและหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพ ผู้พิพากษาและพนักงานตุลาการ พนักงานสถาบันทางการเงินทั้งภาครัฐและเอกชน และพนักงานและสมาชิกของสถาบันอื่น ๆ ในสังคมทั้งหมด
- ยืนกรานรักษาสังคมให้ดำเนินไปตามปกติ ภายใต้รัฐธรรมนูญ กฎหมาย นโยบายของรัฐบาลที่ชอบธรรม และสถาบันอื่น ๆ ของสังคมที่อยู่ก่อนมีการรัฐประหาร สังคมต้องดำเนินต่อไปเช่นนี้จนกว่าผู้คนจะถูกลากออกจากที่ทำงาน ที่ทำการ หรือสถานที่ปฏิบัติกิจกรรม และแม้ว่าผู้คนจะถูกลากออกมาแล้ว ก็ให้ดำเนินกิจกรรมตามปกติในที่อื่น ๆ ต่อไป หลักการนี้สำคัญเป็นพิเศษกับเจ้าหน้าที่ และพนักงานของหน่วยงานและแผนกต่าง ๆ ของรัฐบาลทุกระดับ
- เตรียมแผนสำรองให้องค์กรการเมืองและองค์กรทางสังคมที่ชอบธรรมสามารถทำงานได้ สร้างองค์กรสำรองที่อาจต้องรับงานต่อจากหน่วยงานที่ถูกโจมตีหรือถูกปิดโดยคณะรัฐประหาร
- ปฏิเสธการให้ข้อมูลสำคัญแก่พวกรัฐประหารและผู้สนับสนุนพวกเขา ตัวอย่างเช่น สามารถถอดรื้อป้ายสัญญาณจราจร ป้ายชื่อถนน ไฟจราจร ป้ายบ้านเลขที่ และอื่นๆ เพื่อชะลอการทำงานของคณะรัฐประหารและปกป้องประชาชนจากการจับกุม
- ปฏิเสธการให้สิ่งของและอุปกรณ์ที่จำเป็นแก่พวกรัฐประหาร ซ่อนของเหล่านี้เมื่อเวลาเหมาะสม
- ต่อสู้ด้วยการใช้ “การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์” และเป็นมิตรต่อทหารและผู้ที่ทำงานให้กับคณะรัฐประหาร พร้อมกับดำเนินการต่อต้านไปพร้อมกัน อธิบายเหตุผลที่ออกมาต่อต้าน ยืนยันเจตนาในการไม่ใช้ความรุนแรงกับพวกเขา และหาทางลดความน่าเชื่อถือของพวกเขา และพยายามโน้มน้าวให้พวกเขาทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ต่อต้านรัฐประหาร ความช่วยเหลือเหล่านี้อาจมาในรูปแบบของการจงใจอ่อนข้อเมื่อปราบปราม นำเอาข้อมูลมาให้ผู้ต่อต้าน และทำให้ทหารอยากละทิ้งฝ่ายตรงข้าม มาเข้าร่วมกับผู้ต่อต้านโดยไม่ใช้ความรุนแรงเพื่อเสรีภาพ พยายามโน้มน้าวทหารและผู้ทำงานให้คณะรัฐประหารด้วยการพูดถึงความจำเป็นแทนที่จะยึดติดอยู่กับรัฐธรรมนูญและข้อกฏหมาย
- ปฏิเสธไม่ช่วยเผยแพร่การกระจายข่าวโฆษณาชวนเชื่อให้คณะรัฐประหาร
- ถ่ายทอดกิจกรรมและการปราบปรามของคณะรัฐประหารด้วยการเขียน เสียง และภาพยนตร์ สำรองการถ่ายทอดและกระจายข้อมูลให้กว้างขวางไปสู่ผู้ต่อต้าน ชุมชนระหว่างประเทศ และผู้สนับสนุนคณะรัฐประหาร
แปลจาก: คู่มือการต่อต้านรัฐประหาร (Anti – Coup) ของ Gene Sharp
...
ฉบับยาว
https://www.aeinstein.org/wp-content/uploads/2013/11/Against-the-Coup-Thai.pdf