วันจันทร์, สิงหาคม 24, 2563

รธน. หมวด ๒ ของเขาแรง จนทำให้ฟากประชาธิปไตย ‘แว้งมากัดกันเอง’

เสร็จแล้วรัฐธรรมนูญอาจไม่ได้แก้ก็เพราะติดที่ หมวด ๒ นี่ละ นอกจากถูกพรรคร่วมรัฐบาล ตีกัน ไว้แล้ว ยังถูกแนวร่วมกันเอง ตีก้นให้ด้วย ดูเหมือนพรรค ก้าวไกล จะโดนหนักฐานที่อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่พุ่งชนหัวทิ่มหัวตำให้สมกับเป็น ไอค่อน คนรุ่นใหม่

ขณะที่ เพ็นกวิน ยกระดับเพดานการอภิปราย หมวดพระมหากษัตริย์ ไปเกือบโต่ง สศจ.ก็ยกระดับการตำหนิติติงไปที่คณะ ก้าวหน้าโดยเฉพาะ ปิยบุตร แสงกนกกุล จนดูคล้ายกับว่า แว้งมากัดกันเองทั้งที่เป็นเวลาจะต้อง มัดหวายให้แน่น

ในฐานะ สื่อไกลปืนเที่ยง ที่มองจากมุมกว้างภายนอก หากจะบอกว่าฟากประชาธิปไตยนี่มีแต่คนเก่งๆ ทั้งนั้น แต่ความเก่งของท่านทั้งหลายไม่เคยสามารถประสานรวมเป็นพลังอันหนึ่งอันเดียว ให้เอาชนะฟากตรงข้ามได้เลย

เรามักจะด่าว่าฝ่ายเผด็จการ (ทั้งตัวนำๆ และฝูงที่ตาม) ว่าโง่งั่ง (ซึ่งก็จริง) ทว่า ผู้ชนะ เป็นพวกเขามาตลอดประวัติศาสตร์ เพิ่งสร้างในระยะทศวรรษกว่าๆ นี่ละ น่าจะหวนคิดกันบ้างว่าทำไมล่ะ ฤๅนิยามคำว่า เก่ง และ ฉลาด มันเปลี่ยนไปเสียแล้ว

หรือว่าแท้จริงธรรมชาติของเราไม่พร้อมที่จะไปด้วยกันเป็นหมู่ใหญ่ เมื่อถึงจุดเข้าด้ายเข้าเข็มก็เกิดปัญหาขัดขากันเองเสมอ ในเมื่อวัฒนธรรมการติติงทำให้คนเก่งกับคนเก่งไม่ยอมกัน นี่ก็แค่รำพึงรำพันตามประสา ผู้ตาม ที่ชักจะ คว้างละล้าละลัง

พริษฐ์ ชีวารักษ์ โพสต์ว่า “ผมเสียใจมากที่ทราบว่าหลายพรรคการเมืองจะไม่แก้รัฐธรรมนูญในหมวดสอง...ทั้งที่เป็นหมวดที่มีปัญหามากและเป็นรากเหง้าของปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นในหลายสิบปีที่ผ่านมา” เขาบอกว่ามาตรา ๖ คือแก่นแข็งของปัญหา

เพราะว่ามาตรานี้ “ขัดต่อหลักนิติรัฐ...แท้จริงแล้วควรใช้หลักการที่เคยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับคณะราษฎร ก็คือให้สภาผู้แทนราษฏรพิจารณาความผิดของกษัตริย์ เพราะกษัตริย์ย่อมต้องรับผิดชอบต่อประชาชน”

เขาเรียกร้อง “ให้ทุกพรรคการเมือง” แต่ก็จำเพาะไปลงที่พรรคฝ่ายค้าน “โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ให้ไม่ละเลยการแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวดสอง” แล้วแถมท้ายว่าสอบถามไปที่ก้าวไกลแล้วยังยืนยันว่าจะแก้หมวดสอง ถ้าเสียงพอ

ก้าวไกลเขาขอรอไปอภิปรายในชั้นแปรญัตติ หากแต่เป็นข่าวออกมาแล้วว่าก้าวไกลไม่แก้ จากที่โฆษกพรรค วิโรจน์ ลักขณาอดิสร บอกว่าพรรคของเขายังไม่ได้ยื่นแก้หมวดนี้ เนื่องจากพรรคไม่เห็นด้วยที่ ล็อค หมวด ๑ และ ๒ ไว้ จึงถอนตัวจากญัตติร่วมของฝ่ายค้าน

และจากที่ Karnt Thassanaphak ชี้ให้ไป “ฟัง/อ่านที่ ชัยธวัช ตุลาธน - Chaithawat Tulathon ให้สัมภาษณ์” ว่า “ไม่ได้จะแก้ตอนนี้ แต่ต้องการปลดล็อคเรื่องแก้ได้/ไม่ได้ก่อน” แถลงของพรรคก้าวไกลยังยึดมั่น ตั้ง สสร.และ ปิดสวิตซ์ สว.

อีกทั้งดันต่อไปเรื่อง ยกเลิกบทเฉพาะกาล ม.๒๖๙-๒๗๒ และ ม.๒๗๙ นั่นคือตัดอำนาจ สว.ออกไป และไม่ให้มีบทรับรองประกาศและคำสั่งของ คสช.ว่าต้องตามรัฐธรรมนูญอยู่อีก สองอย่างนี้สามารถทำได้ในสมัยประชุมนี้ของสภาผู้แทนฯ

แต่ว่า “จำเป็นจะต้องใช้เสียง ๑ ใน ๕ ของ ส.ส. ที่มีอยู่ ซึ่งเท่ากับ ๙๘ เสียง ปัจจุบันพรรคก้าวไกลมี ส.ส. อยู่เพียง ๕๔ เสียง” ฟังแล้วก็สมเหตุสมผลดีอยู่ การจะดันให้พวกเขา “เป็นผู้กล้า ท้าทาย ไปยืนเสี่ยงปากเหว” (คำของ Atukkit Sawangsuk) พูดได้ทำไม่ง่าย

“ต่อให้พรรคก้าวไกลมี ๙๙ เสียง เสนอได้ ก็แค่สะใจเท่านั้น (ต่อให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล ก็ถูกรัฐประหาร) สิ่งที่จะต้องทำและที่จะเป็นไปคือ การรณรงค์เผยแพร่ให้กว้างขวาง อย่างที่สั่นสะเทือนอยู่ เป็นการเปลี่ยนแปลงจากด้านล่าง”

ต่อกรณี คนที่ลี้ภัยทั้งติติงและกระแนะกระแหน ปิยบุตรอย่างหนักในช่วงนี้ อธึกกิตว่า “เขาไม่เคยมองความเป็นจริงที่คนในประเทศต้องเผชิญ ไม่เคยมองความเสี่ยง ความจำเป็นที่จะต้องหลบเลี่ยงรักษาสถานะเพื่อต่อสู้ต่อไป”

ซึ่งเจ้าตัวออกมาตอบเป็น ‘thread’ ทวิตเตอร์ ๗-๘ ทวี้ตต่อกัน ไม่เพียงแจ้งว่า สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เข้าใจผิด ที่เอาข่าวเก่าของแนวหน้ามาโจมตีนั้น “ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก” ในเมื่อความจริงเขาทำความเห็นแนบญัตติ กมธ. ชุด พีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ไปแล้วว่าขออภิปรายหมวด ๒

“ผมรู้ตัวเสมอว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ ผมคิด ตัดสินใจ และมีวิธีการแบบของผม...ประเมินสถานการณ์ที่ผมเห็นทุกวัน ด้วยข้อมูลที่ผมมีที่นี่ หากทำอะไร ไม่ทำอะไร แล้วผลที่ตามมาคืออะไร คนที่อยู่ในประเทศจะได้รับผลกระทบอะไร”

มันควรจะมีการยับยั้งชั่งใจ มองให้รอบด้านก่อนจะวิพากษ์สาดเสีย จนผู้ถูกด่าเห็นว่าเพียงต้องการ ‘humiliates’ ให้สะใจแฟนคลับที่แห่โหมประโคมว่า “ทรงพระเจริญ”

หากยังเป็นกันอย่างนี้ละก็ รังแต่ทำให้มิตรร่วมอุดมการณ์ ต้องดักดานกับการเป็น ผู้แพ้ ร่ำไปด้วย

(https://twitter.com/Piyabutr_FWP/status/1297582090012094464, https://twitter.com/Piyabutr_FWP/status/1297582090012094464, https://twitter.com/somsakjeam/status/1297440975636267010 และ https://www.facebook.com/baitongpost/posts/3319936101421529)