“นี่ถ้าเราแปะป้ายบนเฟชบุ๊คว่า ‘รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์’ อีกคน จะทำให้มีรัฐประหารเร็วขึ้นไหมหนอ” สลิ่มชายขอบรายหนึ่งรำพัน ด้วยเห็นบรรดาสลิ่มเปลี่ยนภาพอวตารกันใหญ่ ท่ามกลางกระแสลือว่า ‘เขาเอาแน่’
จะให้เหตุผลอย่างค่อนข้างวิชาการว่า ‘ทำไม’ ต้องอาศัย Thanapol Eawsakul อธิบาย ว่าเหลืออีก ๔๑ วันจะถึง ๓๐ กันยา ๖๓ ที่ อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.จะเกษียณ ยังไม่เห็นเตรียมการ ‘ไปต่อ’ อะไรให้ชาวบ้านเห็น เขายกตัวอย่าง ประยุทธ์ จันทร์โอชา
“ถ้าไม่มีรัฐประหาร ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ก็เป็นทหารเกษียณต็อกต๋อย ไม่ได้เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารและนายกรัฐมนตรีให้คนเกลียดไปจนถึงรุ่นหลาน” เพราะ “รัฐประหารคือหนทางเดียวในการต่อท่ออำนาจ” เมื่อ ๒๙ ปีก่อน ‘พ่อจ๊อด’ ก็ทำมาแล้ว
พวกสลิ่มข้างรั้วบอกว่า แหมไม่น่าเลย กำลังจะไปได้ดี ทั้ง ปชป.และภูมิใจไทยพร้อมใจก็ยอมแก้รัฐธรรมนูญ (แบบมีเงื่อนไข ห้ามแตะอะไรบางอย่างสองอย่าง) แล้วเชียว มาเกิดเหตุแบ่งขั้วรุนแรงอีกครั้ง คราวนี้ระหว่างพวก เอากับไม่เอา ‘ธนาธร’
เมื่อก่อนพวกไม่เอานี้เกลียด ‘ทักษิณ’ กันนักหนา ไม่แต่เพราะเขามี ‘เสื้อแดง’ แข็งขัน เป็นมวลชนหนุนหลัง แล้วยังหาว่า ‘ล้มเจ้า’ ธนาธรก็โดนแบบเดียวกัน จะจริงไม่จริงอย่างไรไม่สำคัญสำหรับพวกนี้ ไม่งั้นจะได้ชื่อว่า ‘สลิ่ม’ รึ
ธนาธรถูกตราหน้าว่า ‘ล้มเจ้า’ มาแต่อ้อนแต่ออก จนกระทั่งโดนยุบพรรค และตัดสิทธิทางการเมืองแล้ว ก็ยังไม่วายถูกกล่าวหา ‘ให้ท้าย’ มวลมหาเยาวชน มีความพยายามจะบอกว่าเขาเป็น ‘ท่อน้ำเลี้ยง’ ทั้งที่ไม่มีหลักฐานความจริงใดมายัน
แต่คนรุ่นใหม่ที่กำลังเบ่งบานกันอยู่ขณะนี้ ตั้งแต่มิลเล็นเนียลและมัธยมปลาย เดี๋ยวนี้ลงไปถึงมัธยมต้น (ม.๑) แล้วนั้น ยอมรับด้วยความฮึกเหิมว่ายึดธนาธรเป็น ‘โมเดล’ สำหรับประชาธิปไตยอย่างทันโลก ที่พวกเขาเรียกร้องต้องการ
การที่พวกอำมาตย์กำจัดธนาธรและคณะก้าวหน้าออกจากการเมืองในสภา ทำให้เขาสามารถทำการเมืองทั้งนอกสภาและขอบสภาได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งคือการเป็นกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณางบประมาณ ๒๕๖๔
วานนี้เขาอภิปรายซักถามเรื่องงบประมาณส่วนราชการในพระองค์ เหตุใดจึงสูงขึ้นๆ กว่าประมาณการทุกๆ ปี ติดๆ กันเป็นเวลาถึง ๖ ปี (ตามแผนงบฯ ปี ๒๕๖๑ ถึง ๖๗) รวมทั้งสิ้นเพิ่มขึ้นถึง ๖๗ เปอร์เซ็นต์นั่นเชียว จัดว่า ‘โตเร็วมาก’
เร็วยิ่งกว่าการเติบโตของ “อัตราเงินเฟ้อ เติบโตเร็วกว่าจีดีพี เติบโตเร็วกว่าการเพิ่มขึ้นของงบประมาณโดยภาพรวม (๓.๑%)...ในสภาวะวิกฤต ทุกหน่วยงานพยายามตัดลดงบประมาณเพื่อพี่น้องประชาชน หากส่วนราชการในพระองค์ยอมตัดงบประมาณลง ย่อมทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์สูงเด่นขึ้น”
ธนาธรกล่าวด้วยว่าพระมหากษัตริย์มิได้ทรงจัดทำงบประมาณด้วยพระองค์เอง แต่ส่วนราชการในพระองค์ผู้จัดทำแถลงต่อสภาเพียง ๒ นาฑี ไม่มีการอธิบายว่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเพราะอะไร “ในขณะที่ประเทศกำลังยากลำบาก เก็บภาษีไม่เข้าเป้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นในอัตราที่น่าใจหาย”
เขายกตัวอย่างงบประมาณปี ๖๔ ของส่วนราชการในพระองค์ใช้โดยตรง ๘,๙๘๐ ล้านบาท เพิ่มจากปีนี้ ๑,๒๙๕ ล้านบาท ซึ่งถ้ารวมงบประมาณที่ไปถึงส่วนราชการในพระองค์ในทางอ้อม ผ่านกระทรวงทบวงกรมอื่นๆ มียอดรวมถึง ๒๙,๐๐๐ ล้านบาท
“แต่การที่ส่วนราชการในพระองค์ไม่ต้องมีเอกสารชี้แจงแบบละเอียด ไม่ต้องมาชี้แจงต่อกรรมาธิการ ไม่ต้องชี้แจงในชั้นอนุกรรมาธิการด้วย ทำให้เราไม่สามารถตรวจสอบความเหมาะสม ประสิทธิภาพ หรือความถูกต้องได้”
มันเป็นเรื่องผิดหลักการทำงาน “เพราะเงินไม่ว่าจะไปที่หน่วยงานไหน ก็มาจากภาษีประชาชน” จึงมีคนคอมเม้นต์ต่อไปว่า “ข้อเรียกร้องของนักศึกษาธรรมศาตร์ที่ให้ ปรับลดงบประมาณแผ่นดินที่จัดสรรให้กับสถาบันกษัตริย์ ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศประชาชน” จึงฟังขึ้น
โดยเฉพาะเมื่อสำนักบริหารหนี้สาธารณะเปิดเผยว่า รัฐจะจัดเก็บรายได้ “ต่ำกว่า ๙% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือกว่า ๓ แสนล้านบาท และเงินคงคลังอาจจะมีไม่เพียงพอในการใช้จ่ายของประเทศ” ผอ.แพตริเซีย มงคลวานิช แจ้งว่า
คณะรัฐมนตรีเพิ่ง “เห็นชอบให้กระทรวงการคลังกู้เงินปีงบ ๒๕๖๓ อีก ๒.๑๔ แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้กรณีที่รายจ่ายมากกว่ารายได้” มิหนำซ้ำการกู้เพิ่มนี้ “เป็นคนละส่วนการกู้เพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณ ๒๕๖๓ จำนวน ๔.๖๙ แสนล้านบาท ซึ่งมีการกู้ไปจนเต็มหมดแล้ว”
(https://www.posttoday.com/finance-stock/news/631093, https://prachatai.com/journal/2020/08/89129 และ https://www.facebook.com/ThanathornOfficial/posts/918985981838410)
ความจริงที่รู้กันดีบ่งว่า รัฐประหารหลายครั้งจะอ้าง ‘เพื่อสถาบันกษัตริย์’ เสร็จแล้วตามมาด้วยเศรษฐกิจของประเทศและสมบูรณ์ของประชาชน พบกับความย่อยยับด้วยน้ำมือของผู้ยึดอำนาจ การยึดอำนาจโดยประยุทธ์เป็นตัวอย่างจะแจ้งที่สุด
มิพักจะต้องฉุกคิดอย่างประหวั่นพรั่นพรึงว่า จะมีเด็กๆ นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต้องบาดเจ็บและล้มตายกันกี่สิบ กี่ร้อย หรือกี่พันคนกันอีก