อะไรมันจะระคายเคืองถึงขนาดศาลรัฐธรรมนูญต้องแถลง
ว่าพวกข้าไม่ใช่องค์กรเถื่อนนะ รัฐธรรมนูญ ๖๐ บัญญัติการจัดตั้งไว้ในหมวด ๑๑ มาตรา
๒๐๐-๒๑๔ พร้อมทั้งแจงอำนาจวิเศษตามมาตรา ๒๑๑ วรรคสี่ ว่า “เด็ดขาด
มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล
องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ...จึงไม่มีปัญหาทางกฎหมาย ในประเด็นเรื่องการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญ
และการทําหน้าที่ รวมถึงการใช้อํานาจของศาลรัฐธรรมนูญ...แต่ประการใด”
น่าจะเพราะร้อนตัว เมื่อขณะนี้มี
ตลก.ชุดใหม่ ๔ คนผ่านการจัดตั้งตามรัฐธรรมนูญ ๖๐ เต็มพิกัด
กับคนเก่าอีกสี่คนที่ตกค้างมาแต่ยุค คสช. ทั้งในส่วนที่ตั้งโดยอำนาจรัฐประหาร
(ต่ออายุ) และตั้งด้วยอิทธิพลของอำนาจสืบทอดจากรัฐประหาร
ส่วน ตลก.คนที่เก้ายังสรรหาไม่เสร็จ แต่ก็เพิ่งมีคำพิพากษาออกมาแบบหน้าตาคล้ายๆ
ผลงาน ตลก.ชุดตู่ตั้ง นั่นคือการวินิจฉัยเกี่ยวกับสมาชิกภาพ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ๒ คน
คือธรรมนัส พรหมเผ่า และสิระ เจนจาคะ ว่าทั้งคู่ยังเป็น ส.ส.ต่อไปได้
ธรรมนัสนั้นหลุดข้อหากรณีภรรยาถือครองหุ้นในบริษัทตลาดคองเตย
(๒๕๕๑) ซึ่งทำสัญญาเช่าพื้นที่กับการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่ง ส.ส. ๕๔
คนเห็นว่าสุ่มเสี่ยงต่อการมีผลประโยชน์ทับซ้อน จึงเข้าชื่อกันให้ประธานสภาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
แต่คดีที่สำคัญและเป็นการกระทำผิดที่ร้ายแรงยิ่งกว่า
เกี่ยวกับการที่ธรรมนัสเคยถูกศาลออสเตรเลียตัดสินจำคุก ๔ ปี
โทษฐานลักลอบนำเข้ายาเสพติดเพื่อการค้าเฮโรอิน จับได้คาหนังคาเขา
มีหลักฐานในสำนวนของตำรวจและศาลแจ้งชัด
แต่ธรรมนัสแก้ตัวอย่างดื้อๆ ด้านๆ
ว่าของกลางที่ตำรวจออสซี่จับได้นั้นเป็น ‘แป้งมัน’
แม้นว่า “สื่อออสเตรเลีย ยันผลแล็บ คดี ‘ธรรมนัส’ เป็นเฮโรอีนไม่ใช่แป้ง” คดีนี้ ตลก.รธน.ยังไม่ได้วินิจฉัย
จะเชื่อธรรมนัสหรือสื่อออสซี่ คอยดูกัน
(https://www.pptvhd36.com/…/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%…/120656
และ https://prachatai.com/journal/2020/07/88416)
อีกรายที่ ส.ส.ฝ่ายค้าน ๕๗
คนยื่นให้ประธานสภาส่ง ตลก.รธน.วินิจฉัย ว่าควรไล่สิระออกจากสมาชิกภาพหรือไม่
ที่ไปทำกร่างจ้วงจาบตำรวจภูธรที่ภูเก็ต ตอนลงพื้นที่ (ซึ่งไม่ใช่ ‘constituency’
ตนเป็นตัวแทน) เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างคอนโดที่นั่น
นอกจาก “ใช้วาจาไม่เหมาะสม” เฉ่ง พ.ต.ท.ประเทือง
ผลมานะ รองผู้กำกับ สภ.กะรน กับนายกเทศมนตรี ไม่มีดีแล้ว
สิระยังวางอำนาจจวกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น “ไม่จัดเจ้าหน้าที่ไปดูแล” ตน ปรากฏว่า
ตลก.รธน.ชุดนี้เห็นพ้อง ๗ ต่อ ๑ ไม่ยี่หระ
บอกว่า “การกระทำดังกล่าวของสิระเป็นเพียงต้องการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ
มีการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด ซึ่งการแสดงพฤติกรรมและการใช้ถ้อยคำของสิระ
เป็นเพียงการไม่เห็นด้วยกับการทำหน้าที่” เท่านั้น
และในแง่กฎหมาย “จึงยังฟังไม่ได้ว่าสิระใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็น
ส.ส. ก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่นหรือพรรคการเมืองในการปฏิบัติราชการ”
เรื่องกิริยามารยาทสามหาวเพียงไร ไม่เกี่ยว ใครรับไม่ได้ไปฟ้องเรื่องจริยธรรมเอา
ในเมื่อ ตลก.ให้ท้ายขนาดนี้
สิระเลยยิ่งกร่างใหญ่ ประกาศฟ้องดะ ส.ส.๕๗ คนที่ลงชื่อร้องเรียนตน “งานนี้ถ้าพบความผิดจริงผมเอาคืนแน่ ไม่ใช่เรื่องการจองเวรจองกรรม แต่เป็นเยี่ยงอย่างไม่ให้ไปกระทำกับรายต่อไป”
หลายคนจองตั๋วดูกันไว้แล้ว แม้จะต้อง ‘streaming’ ออนไลน์
จุดที่ต้องจับจ้องตรงที่ ดูสิ
ตลก.ใหม่สี่คนนี้จะตัดสินคดีการเมืองแบบเห็นอกเห็นใจรัฐบาลประยุทธ์ (๑+๒) และพวก
เหมือน ตลก.รุ่นเก่าอีกสี่คนไหม ตลก.ใหม่มาจากศาลฎีกา ๓
และจากผู้ทรงคุณวุฒิสายข้าราชการบำนาญ (เกษียณ) กระทรวงต่างประเทศอีกหนึ่ง
โดยเฉพาะคนที่สี่นี่ผลการแจงทรัพย์สินออกมาแล้วว่า
นายนพดล เทพพิทักษ์ รวยมาก่อนแล้วระหว่างรับราชการ กต. มูลค่าเกือบ ๙๖ ล้านบาท
มาอยู่ศาลรัฐธรรมนูญจะจนลงหรือรวยขึ้นต้องคอยดูอีกเหมือนกัน เพราะ ตลก.ต่ออายุโดย
คสช.บางคนที่พ้นหน้าที่แล้ว รวยน่าดู
อย่าง บุญส่ง กุลบุปผา นี่ทรัพย์สินเกือบ
๑๐๘ ล้าน แต่นั่นส่วนข้างมากอยู่ในชื่อเมีย ทั่นอาจตกถังข้าวสารมาแต่แรกก็ได้ แม้ตัวเองจะเคยมัวหมองต้องสงสัย
ส่งลูกไปเรียนนอกแล้วยังให้กินเงินเดือนเลขาศาล คนอื่นๆ จะเป็น ชัช ชลวร หรือ
นุรักษ์ มาปรานีต ก็เบาะๆ แค่ ๗๖ ล้าน (กว่าครึ่งของเมีย) กับ ๓๐ กว่าล้าน
รวยกว่าใครๆ คือ จรัญ ภักดีธนากุล
คนนี้เก๋ากึ๊กมากในหน้าที่ ตลก. ฟู่ฟ่าเล็กน้อยก็ตอนมี ‘คลิปฉาว’ เรื่องทุจริตสอบคัดเลือกเจ้าหน้าที่ศาลเมื่อปี
๕๓ พ้นจากตำแหน่งเมื่อ เมษา ๖๓ มีทรัพย์สินทั้งสิ้น ๒๐๖ ล้านกว่าๆ
เป็นของภรรยาเสียส่วนใหญ่ อาจจะประเภทตกถังข้าวสารด้วยเหมือนกัน
ถึงอย่างนั้น ต่อนี้ไปน่ามีการสอดส่องที่มาที่ไปทรัพย์สินคู่สมรสของ
ตลก.ด้วยมั้ย เดี๋ยวนี้ ตลก.รธน.เรียกได้ว่าเป็นพ่องของทุกองค์กร อยู่สูงมาก
ทำอะไรบ้างหลังบ้านชาวบ้านไม่มีโอกาสเห็น