วันศุกร์, พฤษภาคม 08, 2563

ข่าว ‘พี่เตี้ย มช.’ จากไปดาวหมาแน่แล้ว กลบข่าวเยอรมนีแทบมิด


มีการตั้งข้อสังเกตุว่าข่าว พี่เตี้ย มช.จากไปดาวหมาแน่แล้ว กลบข่าวเยอรมนีแทบมิด ทั้งนี้ประเมินด้านเยอรมนีเอาจากสื่อสังคม และการนำเสนอเรื่องพี่เตี้ยจากสื่อสายหลัก ทั้งที่การตายของพี่เตี้ยไม่น่าจะมีดราม่าอะไรมาก

พี่เตี้ยมิได้สูงส่งอย่างกัปตันฟูหรือคุณทองแดง แต่พี่เตี้ยก็โด่งดังมากในหมู่ชาว มช. หนึ่งเพราะร่วมวิ่งขึ้นดอยในงานรับน้องใหม่ทุกปีนับแต่ พ.ศ.๒๕๕๙ จนมีนักศึกษาและบุคคลากรมหาวิทยาลัยใช้ชื่อตั้งเพจเฟชบุ๊ครับเงินบริจาคช่วยสุนัขจรจัดในมหาวิทยาลัย

เนื่องจากพี่เตี้ยเองก็เป็นสุนัขจรจัดมาก่อน ความที่เป็นสุนัขแสนรู้ชนิดเป็นดาวมหาวิทยาลัย ทุกรุ่นทุกสมัยชื่นชม เพจพี่เตี้ย มช.จึงมีผู้บริจาคเป็นทุนเลี้ยงดู ให้สวัสดิการสุนัขใน มช.อย่างสมบูรณ์พูนสุข ทุกฤดูหนาวมีเสื้อใส่กันครบ แล้วยังเหลือออกไปช่วยสุนัขนอกมหาวิทยาลัยด้วย

พี่เตี้ยนี่รู้จักทักทายคนใน มช.ไปทั่วหมด ทำให้เมื่อเขาหายหน้าไปเมื่อวันที่ ๕ พฤษภา ก็มีการรณรงค์ค้นหา ถึงกับตั้งเงินรางวัล ๑ หมื่นบาทแก่ผู้ให้เบาะแส จนกระทั่งค่ำวันที่ ๑๐ มีผู้พบศพอยู่ข้างทาง สันนิษฐานว่าอาจตายมาแล้วสองสามวัน

สถานีตำรวจภูธรช้างเผือกเข้าไปทำคดีหาสาเหตุการตาย และนำศพส่งให้สัตวแพทย์ชันสูตร โดยทางเพจพี่เตี้ยซึ่งได้รับการติดต่อสอบถามรายละเอียดจากชุมชน มช.จนล้น ต้องแถลงขออภัยความล่าช้าและแจ้งแต่เพียงว่าศพพี่เตี้ยไม่ได้ถูกใส่ถุงทิ้งในป่าตามที่ลือกันแต่อย่างใด

ทางเรานี่ก็รอรายงานลึกและลับจากเพจ อีจัน อยู่ แต่เมื่อถึงเวลาปิดต้นฉบับยังไม่ปรากฏออกมา จึงสรุปว่า  ไม่มีอะไรดราม่าพี่เตี้ยอาจวิ่งไล่รถคันใดคันหนึ่งแล้วเข้าไปพันล้อเสียชีวิตก็ได้ ผู้เขียนมีประสบการณ์กับ คอร์กี้แสนรักในลักษณะนี้ จนทำให้ไม่เลี้ยงหมาอีกเลย

อย่างไรก็ดี ข่าวพี่เตี้ยกระฉ่อนทั้งไทยรัฐ ชัดลึก สปริงนิวส์ และไทยซีบีเอส ขณะที่ข่าวร้อนแรงอย่างยิ่งซึ่งเกิดในเมืองการ์มิสช์-ปาร์เต็นเคิร์ชเนอร์ นั้น “แรงมาก...ใครทำ คนเยอรมันทำรึป่าว คนเยอรมันไม่น่ารักรึป่าว” ดังคอมเม้นต์ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง

ตามรายงานของนิตยสาร บิลด์พลัสซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้มีตากล้องคนหนึ่งถูกตำรวจบาวาเรียควบคุมตัวเนื่องจากพยายามถ่ายภาพพระมหากษัตริย์ไทยขณะเดินทางกลับถึงสนามบินพร้อมพระราชินี หลังจากเสด็จไปประกอบราชพิธีในกรุงเทพฯ

ทว่าเหตุการณ์ที่การ์มิสช์-ปาร์เต็นเคิร์ชเนอร์ครั้งนี้ไม่มีการจับกุมหรือแม้แต่ดำเนินคดี โฆษกตำรวจไม่แน่ใจว่ามีการกระทำในทางอาญาเกิดขึ้น นายกเทศมนตรี เอลิซาเบ็ธ ค้อช ตอบผู้สื่อข่าวในฐานะที่เป็นทนายความมาก่อนได้รับตำแหน่งหมาดๆ ว่า

“ฉันไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ร้ายแรงต่อกิจการค้าของนคร” จึงไม่มีการยื่นคำฟ้องร้องเรียนต่อการกระทำของกลุ่มนักกิจกรรมเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่ไปยืนประท้วงกันหน้าโรงแรมแกรนด์ ซอนเน็นบิช ที่ประทับของกษัตริย์ไทย พระราชินี และนางสนมกำนัล ๒๐ คน (ตามข่าวฮือฮาทั่วโลกก่อนหน้านี้เล็กน้อย)

ต่อการประท้วงด้วยการฉายสไล้ด์ภาพขนาดยักษ์ขึ้นไปบนกำแพงโรงแรม และผนังด้านหน้าอาคารตึกที่ทำการนคร ซึ่งอยู่ในย่านธุรกิจศูนย์กลางเมือง ข้อความบนภาพสไล้ด์เหล่านั้นมีทั้งภาษาเยอรมัน อังกฤษ และไทย
 
คำแปลกูเกิ้ลจากภาษาเยอรมันเป็นอังกฤษระบุว่าล้วนเป็นข้อความที่ ‘unpleasant’ ต่อกษัตริย์ไทย ดังเช่น "Why does Thailand need a king who lives in Germany?" ข้อความอื่นๆ แรงกว่านี้ องค์กรไม่ค้ากำไรของเยอรมนีชื่อ มูลนิธิพิกเซิ่ลเฮ้ลเปอร์ประกาศทางเว็บไซ้ท์ของตนว่าเป็นผู้จัดการประท้วงนี้

สมาชิกของมูลนิธิชื่อ เดิร์ก-มาร์ติน ไฮ้เซิ่ลมันน์ ซึ่งเป็นศิลปินงานฉายไฟสไล้ด์เพื่อการรณรงค์สิทธิมนุษยชน มาแล้วจนเป็นที่รู้จักดีในเยอรมนี เป็นคนผลิตสไล้ด์ต่อต้านกษัตริย์ไทยดังกล่าว งานสไล้ด์ประท้วงแบบเดียวกันด้วยการ์ตูนเคยต่อต้านการสอดแนมของหน่วยงานความมั่นคง และการขายอาวุธให้แก่ซาอุดิอาราเบีย

ความหนักหน่วงของเหตุประท้วง ณ โรงแรมซอนเน็นบิช และอาคารที่ทำการนครการ์มิสช์-ปาร์เต็นเคิร์ชเนอร์นี้ อยู่ที่เจาะจงให้ร้ายกษัตริย์ไทย แต่นายกเทศมนตรีของเมืองบอกว่า “มันไม่ได้เป็นหน้าที่ของเรา ต่อการที่กษัตริย์ไทยจะทรงใช้ชีวิตในโรงแรมซอนเน็นบิชหรือไม่”

อันเป็นสัญญานว่าการประทับของพระเจ้าอยู่หัวและข้าราชบริพารจำนวนมาก โดยจับจองห้องพักโรงแรมทั้งชั้นเช่นนี้ มีเหตุให้เกิดความไม่พอใจแก่คนท้องถิ่น แล้วผู้บริหารนครยังมิได้ให้ความสำคัญ อย่างตรงข้ามสิ้นเชิงกับการถวายความจงรักภักดีในประเทศไทย

รัฐบาลน่าจะกราบบังคมทูลชักชวนพระองค์นำพระราชินี พระสนม และข้าราชบริพารจำนวนร้อยๆ กลับมาประทับในประเทศไทยเสียดีกว่า แม้จะทรงปฏิบัติพระองค์ตามพระราชอัธฌาสัยเพียงใด อยู่ในประเทศไทยก็ยังช่วยกันปิดๆ ป้องๆ ได้

มิฉะนั้นดูเหมือนว่าการกระทบกระทั่งให้ทรงหม่นหมองพระราชหฤทัยในต่างประเทศ มีแนวโน้มจะเกิดบ่อยขึ้น ที่ว่ากันว่าพระราชทรัพย์สามารถทำให้ผู้ให้บริการต่างๆ ไม่ใส่ใจทั้งพระกรณีกิจส่วนพระองค์และการเมืองในประเทศไทยก็ตาม

ณ จุดนี้ชักจะไม่แน่เสียแล้ว