พูดภาษาฟุตบอลอเมริกัน
ตอนนี้คณะตะหานและตำหวดกำลัง ‘fumbling’ ล้มลุกคลุกคลานหาทาง
‘เอาผิด’ กับการที่มีมือดีฉายแสงเลเซอร์ข้อความจริงว่าใครแน่ที่
ก่อการร้าย ‘ฆ่าประชาชน’ ใครกัน ‘เผาบ้านเผาเมือง’ ใครเล่า ‘ตอแหล’ เมื่อปี ๕๓
พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผบก.น.๖
ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ สน.พระราชวัง, สำราญราษฎร์
และปทุมวัน พยายามทำ ‘damages control’ ลดระดับความเสียหายที่คณะทหารถูกเปิดโปงความจริงจากเหตุการณ์
‘ฆ่าประชาชน’ พฤษภา ๓๕ และ ๕๓
“สั่งการให้ออกตรวจตรา
หากมีเหตุเกิดขึ้นอีกให้นำตัวผู้ก่อเหตุมาซักถาม แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่ากระทำดังกล่าวมีความผิดหรือไม่อย่างไร”
ส่วน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตำแหน่งใหญ่กว่า
ย่อมปากกร้าวกว่า
“ฝากไปยังกลุ่มผู้ก่อเหตุว่า อย่าทำอะไรที่สร้างความขัดแย้งให้คนในชาติ
ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายอยู่ระหว่างพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดใดบ้าง”
แต่หนึ่งในผู้ก่อการที่ชี้ให้เห็นเหตุ พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า
ดักทางไว้แล้วว่า
“หากต้องการจะที่จะดำเนินคดีทางกฎหมายก็มาเอาผิดที่คณะ
หากหาข้อหาเอาผิดได้” เพราะสิ่งที่พวกเขาทำไป “ไม่มีที่ไหนได้รับความเสียหาย
เพราะแสงไม่ได้ทำอันตรายแก่พื้นผิว อีกทั้งไม่ได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญ
เพราะไม่ได้ส่องใส่หน้าต่างบ้านใคร
ไม่มีเสียงรบกวน
และไม่ได้ทำให้รถติดเพราะเป็นช่วงกลางคืนแล้ว ถ้าการกระทำในนามของความจริงไปกระทบต่อจิตใจของเขา
(ผู้มีอำนาจ) บ้าง ก็ต้องให้เป็นไปตามนั้น เพราะ ๑๐ ปีที่ผ่านมา
เหตุการณ์ก็กระทบจิตใจญาติของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บไปตั้งเท่าไร”
‘ช่อ’ แจงด้วยว่า
“นี่จะเป็นการคืนความยุติธรรมให้กับคนที่สูญเสีย นำตัวผู้กระทำความผิดมาสู่กระบวนการยุติธรรม
ซึ่งสิ่งนี้จะนำไปสู่ความสมานฉันท์ของคนในสังคมได้” นั่นไม่เพียงประกาศความจริงให้คนที่อายุไม่ถึงยี่สิบได้ทราบ
ยังมี “คนแชร์ประสบการณ์ต่างๆ มากมาย
มีคนแชร์คลิปเก่าๆ” แสดงให้เห็นว่าประชากรไทย ‘ความจำไม่สั้น’
ความจริงอยู่ตรงนั้นไม่ได้ไปไหน “ไม่มีอะไรที่จะต้องดิสเครดิตรัฐบาล
สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือยอมรับความจริง” ไม่เช่นนั้นจะต้อง ‘ฆ่าปิดปาก’
ประชาชนอีกไม่รู้จบสิ้น
ต้องชมความรอบคอบของพรรณิการ์
(อาจเพราะเจอะเจอ ‘วิชามาร’ ของคณะทหารมาเยอะ) ที่ไม่วายทิ้งท้ายว่า สิ่งที่ทำนั้นทั่วโลกเขาทำกันเกร่อแม้ในทางการเมือง
“โดยไม่ได้เป็นการเจาะจงหรือตั้งใจเชื่อมโยงกับการฉายข้อความในประเทศเยอรมนีแต่อย่างใด”
(https://www.facebook.com/Thornsasivimolkul/posts/3115549271799840 และhttps://www.bbc.com/thai/thailand-52628876?at_campaign=64)
แต่จะเอาความเที่ยงธรรมหรือคำสัตย์กับคณะทหารชุดนี้ไม่ได้
ทักษะในเชิงเล่ห์เหลี่ยมและเล่นลิ้นเยอะกว่าการบริหารงานสาธารณะหลายร้อยเท่า ข้อหาเคยโยงใยกับ
@PixelHELPER ในเยอรมนีเกิดขึ้นได้ ขนาด ‘ผังล้มเจ้า’
โกหกหน้าด้านๆ ยังทำมาแล้ว
อีกอย่าง
พวกเขาต้องโหมเรื่องนี้สุดกู่เพื่อเบี่ยงเบน ‘เป้า’ ทัวร์ลงไปจากกิจกรรม ‘กินบนหลังประชาชน’ อันเป็นนิจสิน หลังจากสำนักข่าวอิศราที่น่าจะเป็นคนกันเอง
ดันเปิดความจริงอีกเรื่องสดๆ ร้อนๆ ว่า ครม.ของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา
“เพิ่มค่าตอบแทนของคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ
ขึ้นจากเดิมร้อยละ ๒๐” อันนี้เอาคำของ ‘ไอลอว์’ มาใช้โคว้ต เพราะอิศราเขียนแบบเลียบค่าย วกไปวนมา เวิ่นเว้อ
(รักจะเกาะความจริงแต่กล้าๆ กลัวๆ)
ซึ่งก็คือเพิ่มบำเหน็ดแก่คณะบุคคลากรที่
คสช.ตั้งไปทำหน้าที่เขียนฉากสร้างความชอบธรรมให้แก่การ ‘สืบทอดอำนาจ’
นอกจากเพิ่มตังค์ให้แล้วยังปักหมุดให้ติดหมัดแม่นมั่น เป็น ‘เงินเดือน’
ประจำตราบจนจบชีวิตหรือยกเลิกองค์กร
คณะกรรมการยุทธศาสตร์นั้นมีไม่น้อยกว่า ๓๕
คน ตั้งแต่นายกฯ ลงไปถึงผู้ทรงคุณวุฒิ ส่วนกรรมการปฏิรูปเบาะๆ เข้าไป ๑๒๐ คน แต่เดิมจะได้ค่าตอบแทนต่อคนครั้งละตั้งแต่
๑๒,๐๐๐ บาทไล่เรียลงไปถึง ๙๐๐ บาท (ถ้าเป็นแค่ผู้ช่วยเลขาณุการ)
แต่นี้ต่อไปได้เพิ่มอีก ๒๐%
โดยไม่ต้องนับจำนวนครั้งที่เข้าประชุม แต่เหมารวมเอาเป็นเดือน
อ้างว่าที่ผ่านมางานเยอะ ต้องประชุมมากกว่าเดือนละ ๒ ครั้ง
ซึ่งต้องคอยจ้องว่าจำนวนเฉลี่ยของการประชุมต่อเดือนจะออกมาเท่าไร
เดาเอาว่า โอเค คำนวณค่าเฉลี่ย ๕
ครั้งต่อเดือน ระดับเบี้ยเลี้ยงหมื่นสองจะได้เพิ่มเป็นเดือนละ ๑๒,๐๐๐ x ๕ = ๖๐,๐๐๐ บาท คูณ ๒๐ เปอร์เซ็นต์เท่ากับล้านสอง ส่วนระดับกรรมการซึ่งเดิม
๙ พันต่อครั้ง เงินที่ได้รับใหม่ต่อเดือนเพิ่มเป็น ๙,๐๐๐ x ๕
= ๔๕,๐๐๐ บาท x ๒๐ = ๙๐๐,๐๐๐
ใครคล่องคณิตศาสตร์ช่วยคิดตัวเลขโดยรวมทั้งสิ้น
รายจ่ายพิเศษของรัฐให้กับผู้วิเศษแห่งชาติไม่รู้กี่ร้อยหรือพันเหล่านี้ดูแล้วกัน
ว่ามันจะออกมาเดือนละกี่สิบกี่ร้อยล้าน ตัวเลขมันมากและซับซ้อนเสียจนผู้เขียน ‘งง’ ตื้อไปหมด