แรงสั่นสะเทือนให้หลังของอุบัติการณ์ ‘จ่าคลั่งยิงเหี้ยม’ ที่โคราช อาจจะเพิ่งเริ่มต้น
เมื่อเรื่องที่ชาวบ้านวิจารณ์รัฐบาลมะงุมมะงาหรา คลี่คลายปัญหาชักช้า มิหนำซ้ำระดับผู้นำทำเหมือนดูหนัง
สนองตอบต่อสถานการณ์อย่างไม่เหมาะสม
โดยเฉพาะตัวนายกฯ ที่เริงร่า ชูนิ้วมือทำสัญญลักษณ์มีนิฮ้าร์ทประดุจออกปราศรัยหาเสียง
แล้วก็มีผู้ศรัทธาระดับสาวกออกมาฟาดหัวฟาดหางแทน ดังเช่นอาจารณ์จุฬาฯ คนหนึ่งในคณะนิเทศศาสตร์
ใช้นามบนเฟชบุ๊คว่า Rungnapar Pitpreecha
เกิดความไม่พอใจที่มีคนวิจารณ์มีนิฮ้าร์ทของนายกฯ
มาก โพสต์ตอบโต้แทนว่า “มีนิฮ้าร์ทแล้วไง #มาพ่องเพิ่งอะไร
#น่ามคาน” จึงมีคนไปส่องบทสนทนาของคุณเธอพบต้นสายความไม่พอใจที่ว่า
“มีคนบางจำพวก มานไม่พอใจการแถลงข่าวของนายกวันนี้ แล้วหาเรื่องด่า...
ด่าอยู่นั่น รับไม่ได้บ้าง
มีนิฮ้าร์ทพ่องบ้าง” พอเพื่อนถาม “เป็นสาวกส้มเหรอครับ” หล่อนตอบว่า “ใช่ค่ะ
สงสัยจะเป็นมาตั้งแต่แดง ตรรกะเสียมากๆ” นี่เองทำให้เจ้าของบัญชีทวิตเตอร์ @kamphaka เก็บมาย้อนให้บ้าง “สลิ่มไทยเรียน ตปท.อยู่ ตปท.มากี่ปีๆ ก็ยังคงเป็นสลิ่ม
ไม่สามารถเป็นเสรีชนที่มีอารยะได้เพราะเวลาไปก็พกเอากะลาส่วนตัวไปด้วยคนละใบๆ
ไม่เคยปล่อยไม่เคยวางกะลานั้นเลย สรรพวิชาที่เรียนก็เรียนเอาปริญญามาเฉยๆ แล้วบอกว่ามันไม่เหมาะกับเมืองไทยเรียนให้รู้เท่านั้น
#มาพ่องเพิ่งอะไร”
ไม่เท่านั้น มีนิสิตนิเทศฯ รุ่น ๔๕
เข้าไปถามว่า “ถ้าเป็นนายกยิ่งลักษณ์หรืออภิสิทธิ์ทำกิริยาเช่นนี้
อาจารย์จะเห็นดีเห็นงามด้วยไหมคะ”
คนที่เป็นอาจารย์เพื่อนสนทนาเจ้าของแฮ้สแท็กพ่องเพิ่งอะไรนั่นตอบว่า “คงต้องดูสถานการณ์นะคะ
พีอาร์ของผู้นำจะได้ผล
ต้องประกอบกับผลงานและความจริงใจของผู้นำค่ะ” เลยได้คำตอบกลับจากผู้อ้างเป็นนิสิตนิเทศฯ
รุ่น ๕๐ ไปอีกว่า “แปลว่าถ้าดิฉันจริงใจและมีผลงาน
ดิฉันก็สามารถชูมีนิฮ้าร์ทให้มวลชนผู้ร่วมงาน ในวันเสียชีวิตของคนในครอบครัวอาจารย์ได้...ใช่มั้ยคะ”
ล่าสุดถึงคราวผู้บัญชาการกองทัพซึ่งถ่อไปโคราชด้วยชุดเหรียญตราเต็มหน้าอกแต่กลับก่อนได้เห็น
‘วิสามัญ’ คราวนี้มายืนเกาะโพเดี้ยมน้ำตาคลอบ้าง
อ้าง “ไม่ย่อท้อ...ไม่ลาออก” เพราะเหตุ “เกิดจากความขัดแย้งส่วนตัว ไม่ใช่เกิดจากความผิดพลาดในการสั่งการทางทหาร”
(@WassanaNanuam)
นอกจากนั้นยังตัดข้อผูกพันของคนร้ายกับกองทัพ
“ประณามคนร้ายเป็นอาชญากร ไม่ใช่ทหารตั้งแต่วินาทีที่ยิงคนเสียชีวิต” ส่วนเรื่องคนร้ายปล้นอาวุธนั่น
“ยอมรับว่ามาตรการดูแลคลังอาวุธหละหลวมจริง” ก็เลยประกาศ “ไม่ยอมแพ้”
จะอยู่ต่อเพื่อแก้ไข (@Thairath_News) ที่จริงข้อเรียกร้องให้ทำตามมาตรฐานชาติตะวันตก เมื่อผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบ
‘ผิดพลาด’ แล้วเสียหายขนาดนี้ ล้วนลาออกกันทั้งนั้น
แต่ก็เป็นที่คาดหมายได้ว่าไม่มีอย่างนั้นในไทย
ขนาดผู้ชุมนุมเคยตายเป็นร้อยด้วยกระสุนจริงจากทหารเป็นกองพัน
ยังลอยหน้ากันได้ นี่ตาย ๓๐ คนจากน้ำมือทหารคลั่งคนเดียวอย่าได้หวังให้ต้องพิจารณาตัวเอง
แค่ “ออกไปยืนหันหลัง พร้อมเช็ดน้ำตาที่คลอๆ มาตลอดการแถลงขอโทษและเสียใจ”
ก็พอแล้ว
ยังมีกรณีผู้สื่อข่าวสำนัก ‘อีจัน’ คนหนึ่งของขึ้น
หลังจากที่โดนวิพากษ์หนักว่ารายงานใกล้ชิดเหตุการณ์ละเอียดยิบ “หยุดรายงานบ้างเถอะ
สูญเสียเพิ่มเพราะคุณรายงานนี่แหละ” เลยได้รู้รายเบื้องลึกจากการระบายความอัดอั้นตอบโต้โดยนักข่าวคนนั้น
ว่าเขาเป็นผู้ที่บินโดรนส่วนตัวภายในบริเวณเกิดเหตุ
เพื่อหาพิกัดคนร้ายในช่วงท้ายๆ ของเหตุการณ์ จนพบว่าไปหลบซ่อนในมุมหนึ่งของห้องเย็น
ทำให้การวิสามัญเป็นผลสำเร็จ “ต่างจากคุณที่นั่งอยู่บ้านเฉยๆ ดูไล้ฟ์เฟซบุ๊ก
ดูการถ่ายทอดสดนักข่าว
แล้วกระดิกนิ้วยัดเยียดคำว่า ‘ไร้จรรยาบรรณ’ ให้”