วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 11, 2563

แรงสั่นสะเทือนให้หลัง ‘จ่าคลั่งยิงเหี้ยม’ เพิ่งจะเริ่ม


แรงสั่นสะเทือนให้หลังของอุบัติการณ์ จ่าคลั่งยิงเหี้ยมที่โคราช อาจจะเพิ่งเริ่มต้น เมื่อเรื่องที่ชาวบ้านวิจารณ์รัฐบาลมะงุมมะงาหรา คลี่คลายปัญหาชักช้า มิหนำซ้ำระดับผู้นำทำเหมือนดูหนัง สนองตอบต่อสถานการณ์อย่างไม่เหมาะสม

โดยเฉพาะตัวนายกฯ ที่เริงร่า ชูนิ้วมือทำสัญญลักษณ์มีนิฮ้าร์ทประดุจออกปราศรัยหาเสียง แล้วก็มีผู้ศรัทธาระดับสาวกออกมาฟาดหัวฟาดหางแทน ดังเช่นอาจารณ์จุฬาฯ คนหนึ่งในคณะนิเทศศาสตร์ ใช้นามบนเฟชบุ๊คว่า Rungnapar Pitpreecha

เกิดความไม่พอใจที่มีคนวิจารณ์มีนิฮ้าร์ทของนายกฯ มาก โพสต์ตอบโต้แทนว่า “มีนิฮ้าร์ทแล้วไง #มาพ่องเพิ่งอะไร #น่ามคาน” จึงมีคนไปส่องบทสนทนาของคุณเธอพบต้นสายความไม่พอใจที่ว่า “มีคนบางจำพวก มานไม่พอใจการแถลงข่าวของนายกวันนี้ แล้วหาเรื่องด่า...
 
ด่าอยู่นั่น รับไม่ได้บ้าง มีนิฮ้าร์ทพ่องบ้าง” พอเพื่อนถาม “เป็นสาวกส้มเหรอครับ” หล่อนตอบว่า “ใช่ค่ะ สงสัยจะเป็นมาตั้งแต่แดง ตรรกะเสียมากๆ” นี่เองทำให้เจ้าของบัญชีทวิตเตอร์ @kamphaka เก็บมาย้อนให้บ้าง “สลิ่มไทยเรียน ตปท.อยู่ ตปท.มากี่ปีๆ ก็ยังคงเป็นสลิ่ม

ไม่สามารถเป็นเสรีชนที่มีอารยะได้เพราะเวลาไปก็พกเอากะลาส่วนตัวไปด้วยคนละใบๆ ไม่เคยปล่อยไม่เคยวางกะลานั้นเลย สรรพวิชาที่เรียนก็เรียนเอาปริญญามาเฉยๆ แล้วบอกว่ามันไม่เหมาะกับเมืองไทยเรียนให้รู้เท่านั้น #มาพ่องเพิ่งอะไร”

ไม่เท่านั้น มีนิสิตนิเทศฯ รุ่น ๔๕ เข้าไปถามว่า “ถ้าเป็นนายกยิ่งลักษณ์หรืออภิสิทธิ์ทำกิริยาเช่นนี้ อาจารย์จะเห็นดีเห็นงามด้วยไหมคะ” คนที่เป็นอาจารย์เพื่อนสนทนาเจ้าของแฮ้สแท็กพ่องเพิ่งอะไรนั่นตอบว่า “คงต้องดูสถานการณ์นะคะ

พีอาร์ของผู้นำจะได้ผล ต้องประกอบกับผลงานและความจริงใจของผู้นำค่ะ” เลยได้คำตอบกลับจากผู้อ้างเป็นนิสิตนิเทศฯ รุ่น ๕๐ ไปอีกว่า “แปลว่าถ้าดิฉันจริงใจและมีผลงาน ดิฉันก็สามารถชูมีนิฮ้าร์ทให้มวลชนผู้ร่วมงาน ในวันเสียชีวิตของคนในครอบครัวอาจารย์ได้...ใช่มั้ยคะ”

ล่าสุดถึงคราวผู้บัญชาการกองทัพซึ่งถ่อไปโคราชด้วยชุดเหรียญตราเต็มหน้าอกแต่กลับก่อนได้เห็น วิสามัญคราวนี้มายืนเกาะโพเดี้ยมน้ำตาคลอบ้าง อ้าง “ไม่ย่อท้อ...ไม่ลาออก” เพราะเหตุ “เกิดจากความขัดแย้งส่วนตัว ไม่ใช่เกิดจากความผิดพลาดในการสั่งการทางทหาร” (@WassanaNanuam)
 
นอกจากนั้นยังตัดข้อผูกพันของคนร้ายกับกองทัพ “ประณามคนร้ายเป็นอาชญากร ไม่ใช่ทหารตั้งแต่วินาทีที่ยิงคนเสียชีวิต” ส่วนเรื่องคนร้ายปล้นอาวุธนั่น “ยอมรับว่ามาตรการดูแลคลังอาวุธหละหลวมจริง” ก็เลยประกาศ “ไม่ยอมแพ้”

จะอยู่ต่อเพื่อแก้ไข (@Thairath_News) ที่จริงข้อเรียกร้องให้ทำตามมาตรฐานชาติตะวันตก เมื่อผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบ ผิดพลาด แล้วเสียหายขนาดนี้ ล้วนลาออกกันทั้งนั้น แต่ก็เป็นที่คาดหมายได้ว่าไม่มีอย่างนั้นในไทย

ขนาดผู้ชุมนุมเคยตายเป็นร้อยด้วยกระสุนจริงจากทหารเป็นกองพัน ยังลอยหน้ากันได้ นี่ตาย ๓๐ คนจากน้ำมือทหารคลั่งคนเดียวอย่าได้หวังให้ต้องพิจารณาตัวเอง แค่ “ออกไปยืนหันหลัง พร้อมเช็ดน้ำตาที่คลอๆ มาตลอดการแถลงขอโทษและเสียใจ” ก็พอแล้ว

ยังมีกรณีผู้สื่อข่าวสำนัก อีจันคนหนึ่งของขึ้น หลังจากที่โดนวิพากษ์หนักว่ารายงานใกล้ชิดเหตุการณ์ละเอียดยิบ “หยุดรายงานบ้างเถอะ สูญเสียเพิ่มเพราะคุณรายงานนี่แหละ” เลยได้รู้รายเบื้องลึกจากการระบายความอัดอั้นตอบโต้โดยนักข่าวคนนั้น

ว่าเขาเป็นผู้ที่บินโดรนส่วนตัวภายในบริเวณเกิดเหตุ เพื่อหาพิกัดคนร้ายในช่วงท้ายๆ ของเหตุการณ์ จนพบว่าไปหลบซ่อนในมุมหนึ่งของห้องเย็น ทำให้การวิสามัญเป็นผลสำเร็จ “ต่างจากคุณที่นั่งอยู่บ้านเฉยๆ​ ดูไล้ฟ์เฟซบุ๊ก​ ดูการถ่ายทอดสด​นักข่าว​

แล้วกระดิกนิ้ว​ยัดเยียด​คำว่า​ ไร้​จรรยาบรรณ​ ให้”