วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 17, 2563

วิธี ‘เหมาจ่าย’ ๒.๗ แสน ให้ สว.ไปนอกเนี่ย เทียบไม่ติดเหมาจ่ายรถตำแหน่ง


ที่ เบื๊อก แดงทำพร้อป จัดฉากรอไว้รับช่วงพี่ตู่ส่งไม้อำนาจ เรื่องกวาดฝุ่นกองทัพ ไล่นายพลเกษียณออกจากบ้านหลวงแล้วต้องรีบยกเว้นบางคน นั่นไม่ทำให้ทหารเกษียณคนไหนสะทกสะท้าน นอกจากที่เป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน

ซึ่งตอนนี้ก็มีคนเดียว คือ พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่แถลงแล้วว่าจะคืนบ้านภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม พร้อมทั้งแจ้งว่า “ขอลาออกจากกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ และหน้าที่ความรับผิดชอบอื่นที่มีต่อพรรค”

ใครจะว่า อนค.โป๊ะแตก รณรงค์เรื่องปฏิรูปกองทัพแล้วมาจ๊ะเอ๋รองหัวหน้าพรรคคนสำคัญก็ว่าไป แต่ผลจากการที่พงศกรประกาศเช่นนั้น เป็นการตบหน้าบรรดานายทหารเกษียณทั้งหลายที่ไม่ได้อยู่ในข้อยกเว้น ว่าจะแสดงความรับผิดชอบอย่างเขาไหม

เป็นการเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้ดีทีเดียว แม้นว่าจะดียิ่งกว่านี้ ถ้าทำตามข้อแนะของ ยิ่งชีพ (เป๋า) @yingcheep แห่ง ไอลอว์ให้สร้าง “ตัวอย่างกดดันคนอื่นๆ” ด้วยการ “โชว์สปิริต เรียกราคาตัวเองกลับมา...

เอาเงินเดือนทหารของตัวเอง เดือนละ ๗ หมื่น บวกเงินเดือน ส.ส. เดือนละแสนกว่า มาจ่ายคืนราชการเป็นค่าเช่าบ้านย้อนหลังสี่ปี” ที่จริงไม่ต้องระบุก็ได้ว่าเอาเงินมาจากไหน แต่ถ้าบอกว่าเงินเดือนทหารก็เป็นการแสดงสัญญลักษณ์ที่ดูดี


คนอื่นๆที่เห็นได้ทันทีทันใด นอกจากทหารเกษียณอื่นๆ ในสภาผู้แทนฯ และองค์กรต่างๆ เกลื่อนกราดแล้ว สถานที่ชุมนุมของทหารเกษียณเป็นก๊วนศฤงคาร ก็คือสมาชิกวุฒิสภา ตู่ตั้งที่กำลัง ชงเรื่องจัดงบประมาณให้ไปดูงานเมืองนอก
 
วันชัย สอนศิริ ผู้มีวัตรปฏิบัติทางการเมืองคอยเช็ดรองเท้าให้คณะ ผลพวง คสช. ที่ครองอำนาจรัฐบาลกันอยู่ขณะนี้ (เรียกว่า ตู่ ๒’) เพิ่งเปิดเผยผลประชุมวิป สว.ที่รวบรัดกันไว้ตั้งแต่วันที่ ๕ ก.พ. “จัดสรรงบประมาณในการเดินทางไปราชการต่างประเทศของคณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภา”

อ้างว่า “คำนึงถึงความจำเป็นของการเดินทางไปต่างประเทศ” ทั้งที่ตระหนักรู้กันอยู่ดีว่าประเด็นข้าราชการไปดูงานเมืองนอกนี้เป็นส่วนสำคัญที่จะต้องทำการปฏิรูป แต่ก็อดกันไม่ได้ เพราะ “มีคณะกรรมาธิการบางคณะที่มีข้อตกลงและความร่วมมือด้านต่างประเทศเอาไว้”

ทั้งนี้ใช้วิธี เหมาจ่ายหัวละ ๒ แสน ๗ หมื่น มี สว.ที่เป็นกรรมาธิการ มี เสรีภาพในการรับเงินนี้ ๒๔๗ คน เท่ากับจะต้องสิ้นเปลืองงบประมาณไปอีก ๖๗ ล้าน ๕ แสนบาท แต่วันชัยก็ไม่วายพูดเอาบุญคุณว่ามีบางคนขอสละสิทธิ “เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณให้ประเทศ”

โถ พ่อเจ้าประคุณ ประหยัดนิดประหยัดหน่อยก็ยังอุตส่าห์ทำ คงเห็นว่าบ้านเมืองสิ้นเปลืองไปมหาศาลแล้วกับไอ้การเหมาจ่ายให้ข้าราชการเนี่ย ดูจากเรื่อง ค่าตอบแทนรถประจำตำแหน่งตามกระทรวงต่างๆ สำหรับปี ๖๓ นี่รวมกันมากกว่า ๗๘๘ ล้านบาทเชียวละ

ที่ประชุมวิป สว.จึงระบุรายละเอียดเรื่องของตนยิบ ว่าจะต้องขออนุมัติเดินทางล่วงหน้า ๑๕ วัน ต้องมีจดหมายเชิญจากต่างประเทศ ต้องเลี่ยงวันที่ลาไปไม่ให้ตรงกับการประชุมสภา (แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็หยวน) ฟังดูดีๆ ทั้งนั้น ถ้าไม่นึกถึงว่า

วุฒิสภาชุดนี้ทำงานตามสั่งของผู้ตั้ง (คสช.) เห็นกันมาแล้วหลายกรณี โดยเฉพาะการโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ แล้วก็เคยมีหลายคนเคยแสดงตนว่าเป็นสภาของผู้วิเศษ รู้หมด แตะต้องไม่ได้ อ้างว่าเป็นแบบไทยๆ ไม่เหมือนใคร

ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นอย่างยิ่งจะต้องไปดูงานที่ไหน แล้วระเบียบยิบยับที่นั่งคิดกันออกมารวมถึง อนุญาตให้ “พำนักอยู่ประเทศนั้นต่อไปเพื่อกระทำภารกิจส่วนตัว โดยไม่เดินทางไปหรือกลับพร้อมคณะเดินทาง หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจตามกำหนดการ

ให้สมาชิกวุฒิสภาผู้นั้นดำเนินการด้วยตนเอง” ข้อนี้พอเอาเข้าจริงไม่แน่ใจว่าตีความกันไปทางไหน ดำเนินการเองนี่หมายถึงการติดต่อที่พัก ที่เที่ยว วิธีเดินทาง แต่ยังอยู่ในจำกัดของงบประมาณเหมาจ่ายรายหัว หรือว่าแยกจ่ายเอง

เพราะการเดินทาง ไปก่อน หรือ กลับทีหลัง มันก็ใช้ตั๋วเครื่องบินเดียวกันนี่นา แนะให้ตัดขาดกันไปเลย คือกลับมาก่อนแล้วค่อยไปเองใหม่ หรือไปเอง (จ่ายเองก่อน) แล้วอยู่ต่อเพื่อทำงาน ค่าตั๋วเครื่องบินหักคนละครึ่ง อย่างนี้ไม่คลุมเครือดี

ปิดท้ายสุดของระเบียบ สว.ไปต่างประเทศนี้ระบุว่า งบประมาณเหมาจ่ายรายหัวนี้ “จะสามารถเบิกจ่ายได้เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ มีผลใช้บังคับ”


มิน่าเล่า สว.หลายคนเป็นเดือดเป็นร้อนเหลือเกินเมื่อตอนเกิดวิกฤต เสียบบัตรแทนกัน ต้องรอกฤษฎีกาตัดสิน แล้วงบประมาณยังไม่ผ่าน