ไหนว่าคลังไทย ‘เข้มแข็ง’ มีชื่อเสียงมานานว่าบริหารเงินชาติได้เยี่ยม
ขนาดโดนคณะรัฐประหารถลุงแล้วถลุงอีกเป็นเวลากว่า ๕ ปี ก็ยัง ‘ปั๋ง’ กระทั่งระบบธนาคารพาณิชย์ก็ยัง “มีเงินกองทุนทั้งสิ้น
๒.๘๔๕ ล้านล้านบาท...
ขณะที่เงินสำรองของระบบธนาคารพาณิชย์อยู่ในระดับสูงที่
๗๐๑๒ แสนล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ๓.๒๔ หมื่นล้านบาท”
นี่ฝ่ายตรวจสอบและวิเคราะห์ความเสี่ยงสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยบอกนะ
แต่ว่าเหตุที่นาย ธาริฑธิ์ ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ผู้อำนวยการอาวุโสออกมาแถลง เนื่องจากภาพรวม “สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในปีที่ผ่านมาลดลงมาอยู่ที่
๒.๐%” เป็นผลจาก “สินเชื่อธุรกิจ (๖๔.๑% ของสินเชื่อรวม) หดตัว ๐.๘%”
แยกแยะได้ว่า สินเชื่อขนาดใหญ่หด ๑.๙%
ขนาดกลางและย่อมหดมากกว่าที่ ๒.๑%
แม้แต่สินเชื่อที่ผลประกอบการดี คือภาคอุปโภคบริโภคอันเป็น ๓๕.๙% ของสินเชื่อรวม ซึ่งขยายตัวถึง ๗.๕%
แต่ก็น้อยกว่าปีก่อนในประเภทที่อยู่อาศัยและรถยนต์
มิน่า ‘ไอทู้บ’
สุดที่รักถึงออกมาบอกประชาชนรอก่อนนะ ปี ๒๕๗๕ โน่นละ
ทุกคนจะซื้อบ้านของตนเองได้ หวังว่าคงจะไม่ใช้ภูมิปัญญาตะหานด้านอสังหาริมทรัพย์
ที่เพิ่งโป๊ะแตกหลังจากเกิดเหตุจ่าคั่งยิงกราดตายไป ๓๐ ด้วยแค้นที่โดนผู้พักยัก
มันเป็นจังหวะพอดีกับที่ราชกิจจาฯ แจ้งว่ากระทรวงคลังกำลังเงินขาดมือ
ไม่พอเอาไปโปะกระเป๋ารั่วจากรัฐบาลที่แล้วใช้อย่างอีรุ่ยฉุยแฉก
จนขาดดุลต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลนี้ ดีนะไม่โดนนายกฯ คนนี้บ่น คงจะเพราะนายกฯ
คนก่อนชื่อเหมือนกัน
คลัง “ทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term
Loan) ในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๓ ครั้งที่
๑” คราวนี้ “เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒...วงเงินกู้รวม ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท” จากธนาคารรัฐ (ออมสินและกรุงไทย) โดยจ่ายดอกเบี้ยปีละสองงวด
ไปจนกระทั่งจ่ายหมดทั้งต้นและดอกกลางปี ๖๔
อาการ ‘short of flows’ ของคลังนี่ก็ปะเหมาะ (เคราะห์ดีหรือร้ายไม่รู้นะ) รองนายกฯ
ที่ว่าเก่งเศรษฐกิจแบบ ‘มือเก่า’ (แต่บริหารงานเหมือนเพิ่งหัดขับ)
เพิ่งแย้มให้ประชากรทราบว่า เงินรายได้จากการประมูลคลื่นความถี่ 5G ที่เสร็จไปหลัดๆ นี่
“ทางรัฐบาลพิจารณาจะนำเงินดังกล่าวไปใช้ ให้เกิดประสิทธิภาพในการพัฒนาระบบโทรคมนาคมและภาคดิจิทัล”
แปลไทยเป็นไทยได้ความว่า เงินที่ได้มา ๑๐๐,๕๒๑.๑๗ ล้านบาทนี้ ไม่ส่งเข้าคลังนะ “จะมอบหมายให้นาย
อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะไปดูข้อกฎหมาย”
ให้ตายสิ รัฐบาลชุดนี้
ซึ่งเป็นชุดเดียวกับที่แล้วซึ่งถลุงงบฯ จนคลังขอด ต้องกู้มาโปะหนี้
เลยไม่มีเหลือเฟือให้ถลุงได้ ก็ยังพยายามหาช่องผันเงินจากรายได้ประมูลล้อตใหญ่
เอาไปถลุงต่ออีก สม (คบ) คิด จาตุศรีพิทักษ์ เปรยว่า
“อาจจะเก็บเงินไว้ที่
กสทช. ไว้ที่กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคม” นี่เหมือนวิธีสร้างเขื่อนเป็นสิบๆ แห่งต้นทางแม่น้ำโขง
เพื่อผันน้ำเอาไปใช้การเกษตรของตน อย่างที่ ‘แม่ลูกจันทร์’ ไทยรัฐ ว่า
“คู่แข่งแย่งตลาดข้าวไทยไม่ใช่มีแค่เวียดนาม
ข้าวหอมกัมพูชากับข้าวหอมพม่าเริ่มส่งออกตีตลาดข้าวไทย
จีนซึ่งเคยเป็นลูกค้าประจำข้าวไทย ตอนนี้มีนํ้าปลูกข้าวเหลือเฟือผลิตข้าวเพียงพอต่อความต้องการ
(แล้ว) ยังมีสต๊อกข้าวในมือกว่า ๑๒๐ ล้านตัน วันนี้พี่เบิ้มจีนส่งออกข้าวแย่งลูกค้าในตลาดแอฟริกา”
เสียอีกแน่ะ