“รุ่งอรุณเริ่มแล้วชีวิตใหม่...อุ่นเอยอุ่นไอแสงแห่งระวี...ซึ้งใจจดจำน้ำมิตรไมตรี
ไม่มีพรมแดนขีดคั่นแบ่งคน ปรารถนาถึงวันสดใสในสากล สิ้นการเบียดเบียน
เหยียดชั้นแบ่งชน ทุกคนต่างมีศักดิ์ศรี”
คำร้องข้างต้น คัดสรร ตัดตอนจากเนื้อเพลงของ
ธีรศักดิ์ อัจจิมานนท์ มาใช้สะท้อนอารมณ์ทางการเมืองต่อผลที่กำลังตามมา จากการยุบพรรคอนาคตใหม่โดยศาลรัฐธรรมนูญ
คสช.เมื่อวาน (๒๑ กุมภา) ดัง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคกล่าว
ว่า “การเดินทางยังไม่สิ้นสุดลง นี่ไม่ใช่เวลาที่จะเสียใจ
ยังเร็วไปที่ร้องไห้ ไม่ใช่เวลาเช่นนั้น เพราะอนาคตใหม่เป็นมากกว่าพรรคการเมือง” ในการแถลงข่าวสองชั่วโมงให้หลังการอ่านคำตัดสินโดย
นายปัญญา อุดชาชน
นั่นคือนับแต่นี้ ‘อนาคตใหม่’ ได้เปลี่ยนเป็น ‘คณะ’
โดยกรรมการบริหารทุกคนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ๑๐ ปี ที่เป็น ส.ส.
๑๑ คน และไม่ได้เป็นอีก ๕ คน จะร่วมกัน “ทำงานรณรงค์ทางการเมือง ผลักดันวาระประชาชนนอกสภาต่อไป”
ส่วน
ส.ส.ของพรรคที่รอดเงื้อมมือตุลาการรัฐประหารไปได้ ๖๕ คน จะไปเข้าสังกัดพรรคใหม่
โดยมี ‘ทิม’ พิธา
ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานกรรมาธิการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ รับไม้เป็นหัวหน้าทีม
และร่วมกับฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งจะเริ่มในวันที่ ๒๔ กุมภานี้
จึงนับเป็นการ ‘เริ่มชีวิตใหม่’ ของขบวนการประชาธิปไตยแท้ๆ (มากกว่าไทยๆ)
ดังธนาธรโพสต์ “ขอโทษพี่น้องประชาชน” ที่ไม่สามารถทำตามสัญญาต่างๆ ได้ ในนามพรรค เช่น
จะหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. จะร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ และจะปฏิรูปกองทัพ
แต่จะทำต่อไปในนาม ‘คณะอนาคตใหม่’ “รณรงค์เคลื่อนไหวสังคม ปักธงความคิด
และผลักดันวาระที่ก้าวหน้า...พวกเราทุกคนร่วมเดินหน้าต่อไปด้วยกัน อย่าเปลี่ยนใจ -
อย่าหมดไฟ - อย่าหยุดฝัน”
สมดังที่ อจ.วาสนา วงศ์สุรวัฒน์
คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ว่า “พรรคอนาคตใหม่เป็นแค่ปลายยอดของภูเขาน้ำแข็งอันมหึมาของการตื่นรู้...ใครคิดว่ายุบพรรคนี้แล้วเผด็จการจะปลอดภัย
ก็นับว่าเข้าใจผิดอย่างมหันต์”
เพราะว่า “สึนามิกำลังมา” หรือที่ ปิยบุตร
แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคเปรียบเทียบกับ ‘ไฟลามทุ่ง’
“จากผลแห่งการกระทำ ‘นิติสงคราม’ ของ ตลก. “กำจัดศัตรูทางการเมือง ตอกลิ่มความขัดแย้งมากกว่าเมื่อ ๑๐ ปี
ที่ผ่านมา
เพราะความคิดแบบอนาคตใหม่จะเจริญงอกงามเติบโตกว้างไกลไปยิ่งกว่าเดิม
เพราะธนาธรและผมจะออกไปโลดแล่นรณรงค์การเมืองยิ่งกว่าเดิม หากผู้มีอำนาจคิดว่า
นี่คือการตัดไฟแต่ต้นลม แต่ผมยืนยันว่าพวกเขาคิดผิดครับ”
ไฟที่ว่าจะลามทุ่งนี้ กองแรกจุดแล้วโดย “นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
จำนวนประมาณ ๓๐๐ คนรวมตัวกัน ณ อุทยานป๋วย ๑๐๐ ปี รวมตัวกันจุดเทียนแสดงจุดยืนเพื่อประชาธิปไตยไทย
และไว้อาลัยแด่ความอยุติธรรม”
The
Reporters รายงานด้วยว่า “นักศึกษากล่าวเน้นย้ำว่าการแสดงออกในครั้งนี้
มิใช่เพื่ออนาคตของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เพื่ออนาคตของเราทุกคน” จากนั้นเมื่อเวลาราวสามทุ่มครึ่ง
“นักศึกษาได้จุดเทียนและร้องเพลงมอญดูดาว
พร้อมยืนไว้อาลัยให้กับระบบกฎหมายที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง”
พร้อมกันนั้นมีแถลงการณ์ของ ‘องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์’ ให้กำลังใจแก่สมาชิกพรรคอนาคตใหม่
กับ “เรียกร้องให้ประชาชนทุกท่าน อย่าหมดศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย”
และยึดมั่นต่อระบอบนี้อย่างหนักแน่น
นอกจากนั้น ‘สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย - Student Union of
Thailand’ ยังนัดชุมนุม Flash Mob กัน ณ
ลานโพธิ์ ธรรมศาสตร์เย็นวันเสาร์ ๒๒ กุมภา เวลา ๕ โมงครึ่ง “ร่วมกันจุดเทียนทวงคืนความยุติธรรม”
ด้วยคำขวัญ “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ”
ประดุจดังว่าขบวนการนักศึกษาได้คืนชีพกลับมาใหม่อีกแล้ว
ใครต่อใครหลายคน รวมทั้ง Jom Petchpradab
ได้นำบทกลอนชิ้นหนึ่งของ จิตร ภูมิศักดิ์ ออกเผยแพร่อย่างสอดคล้องอารมณ์ ว่า
“อย่ายอมอยู่อย่างสยบ และสั่งซบใต้ตีนใคร
หยัดอยู่สู้ด้วยใจ อันทรหดและอดทน
หนทางพิสูจน์ม้า และเวลาพิสูจน์คน
ใครถอยและใครทน พิสูจน์ได้เมื่อภัยมา
หยัดอยู่สู้ด้วยใจ อันทรหดและอดทน
หนทางพิสูจน์ม้า และเวลาพิสูจน์คน
ใครถอยและใครทน พิสูจน์ได้เมื่อภัยมา
พบภัยถ้าไม่สู้ แต่ซ้ำลู่เป็นอ้อคา
มวลชนจะตีตรา ถึงหลานเหลนว่าเดนคน
จงเดินอย่าเดินเดี่ยว จงเดินร่วมกับมวลชน
แรงใจของคนจน ที่เอาจริงจะค้ำจุน”
มวลชนจะตีตรา ถึงหลานเหลนว่าเดนคน
จงเดินอย่าเดินเดี่ยว จงเดินร่วมกับมวลชน
แรงใจของคนจน ที่เอาจริงจะค้ำจุน”