วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 23, 2563

ตรรกะอะไรของ ‘ตุลาการรัฐประหาร’ ที่อาจเป็น ‘บัญชา’ (ของใครกัน)

เป็นอันทราบกันดีว่า ศาลรัฐธรรมนูญ คสช. หรือตุลาการรัฐประหาร มีคำสั่ง ๗ ต่อ ๒ ให้ยุบพรรคการเมืองฝ่ายค้านปากกล้าอีกพรรคหนึ่งไปแล้วตามบัญชา(ของใครกัน)*  นอกจากได้ตัดเสียงตรงข้ามแล้วไม่ปริ่มน้ำ

จึงต้องมาไล่เรียงดูว่าตุลาการทั้ง ๗ หรือกระทั่งทั้ง ๙ ไม่เหลือเยื่อใยใดแล้วกับ หลักการยุติธรรมเมื่อจะต้องจัดการกำจัดและสกัดกั้น กระแส ต่อต้านผลพวงอำนาจรัฐประหาร และปฏิกิริยาต่อความเหลื่อมล้ำภายในระบอบปกครองไทย

อธิบายประโยคท้ายนี้ได้ว่าภายใต้ระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนี้ พยางค์หลังกำลังครอบครองขอบข่ายทางการเมืองมากขึ้นทุกวัน เช่น สำนักงานทรัพย์สินส่วน (องค์) พระมหากษัตริย์ และกองกำลังทหารราชวัลลภรักษาพระองค์

ส่วนพยางค์หน้ากำลังสูญเสียสัญญลักษณ์ต่างๆ ไปอย่างรวดเร็ว (และเป็นปริศนา ที่คนส่วนมากรู้คำตอบอยู่ในใจ) เช่น หมุดคณะราษฎร อนุสาวรีย์ปราบกบฏบวรเดช ค่ายพหลโยธิน อนุสาวรีย์จอมพล ป.พิบูลสงคราม และในไม่ช้า โฉมหน้าอาคารราชดำเนินกลาง

มาดูความเป็น ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญรายตัว ก่อนอื่น ๕ คนพ้นวาระไปนานแล้ว แต่ได้รับการต่ออายุหลายครั้งให้อยู่ต่อเป็นคู่ขวัญของ คสช.ได้ตัดสินคดีสำคัญๆ อันทำให้การสืบทอดอำนาจรัฐประหารเป็นมาอย่างราบรื่น ได้แก่

การตีตกคำร้องที่ว่าร่าง พรบ.ประชามติฯ ขัดรัฐธรรมนูญ การวินิจฉัยว่ารัฐมนตรีในรัฐบาล คสช.ที่ถือหุ้นสัมปทานรัฐ ไม่มีความผิด เพราะถือมาก่อนเป็นรัฐมนตรี หรือกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐเพราะเป็นหัวหน้าคณะยึดอำนาจ ใหญ่ที่สุดแล้ว

และล่าสุดร่าง พรบ.งบประมาณปี ๖๓ ไม่โมฆะ (ทั้งที่ตัวอย่างเคยมีมาแล้ว) แม้จะผ่านได้เพราะเสียบบัตรโหวตแทนกัน ก็ให้ไปเสียบใหม่ ส่วนความพยายาม (ตามที่มีส่วนบุคคล ชง) ให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ด้วยข้อหาไร้เดียงสา ล้มสถาบันก็ตีตกไป

มาถึงการยุบพรรค อนค.ด้วยข้อหาที่คณะกรรมการเลือกตั้งชงเอง แม้จะ รีบร้อนใช้เวลาเพียง ๙ วัน (ทำการ) จัดส่งให้ ตลก.ลงดาบฟันโดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา หรือคือไม่ยอมให้ผู้ถูกร้องมีโอกาสชี้แจงต่อสู้ แล้วศาลฯ รับว่าทำได้

พอลงมติด้วยตัวเลข สวย๗ ต่อ ๒ ปลอดภัยต่อข้อครหา (ขณะที่คดี อิลลูมินาติ ไม่ฟัน ยกคำร้องเพริดแพร้ว เอกฉันท์) นั่นใช้วิธีตีความมาตรา ๗๒ แบบหมาป่ากับลูกแกะว่า “การกู้เงินของผู้ถูกร้องมีเจตนาเลี่ยงการรับบริจาคเงิน” ตามมาตรา ๖๖
 
ตลก.อ้างว่าเงินที่ได้มาจากการกู้หัวหน้าพรรค ๑๙๑.๒ ล้านบาทมากเกินไปกว่าค่าใช้จ่าย แล้วยังไม่ตรงกับที่มาตรา ๖๒ ระบุไว้ ซึ่งฝ่ายผู้ถูกร้องตีความว่าในเมื่อกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ก็แสดงว่าไม่ห้าม และ เงินกู้ เป็น หนี้ ไม่ใช่ รายได้

แต่ศาลฯ ทั่นว่าเงินกู้นั้นเป็น รายรับ“เป็นการทำสัญญากู้ยืมเงินที่ไม่เป็น (ไป) ตามปกติทางการค้า และไม่เป็นไปตามปกติวิสัยเข้าข่าย ต้องห้ามตามมาตรา ๖๖ (บริจาคเกินสิบล้าน) ทั้งๆ ที่ตัวบทไม่ได้ระบุนี่ละ มิน่ามีคนเรียกว่า สาน-รัด-ทำ-นวย

ห้าคนที่ คสช.ต่ออายุและศาลช่วยกันดึงเกมการสรรหาชุดใหม่นี่ ๔ ใน ๕ พร้อมใจฟัน อนค.คราวนี้ ยกเว้น ชัช ชลวร ที่ช่วงหลังๆ นี่จะโหวตสวน ธงเป็นตัวถ่วงดุลให้ ตลก.ดูดี อีกหนึ่งเสียงที่โหวตตามเหตุผลปุถุชนทั่วไปให้ อนค.ไม่ผิด คือ ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ

ทวีเกียรตินี้เป็นหนึ่งในสองผู้พิพากษาที่ได้มาจากการสรรหาปกติตามรัฐธรรมนูญ ๕๐ ซึ่งถูกคณะรัฐประหารฉีกทิ้ง แต่ก็ปฏิบัติหน้าที่มาตลอดระยะเวลาที่ คสช.ครองเมือง ส่วนอีกสอง ตลก.ที่เฮไปกับ ๔ ตลก.ต่ออายุ เข้าสู่ตำแหน่ง ผ่านทาง สนช.ที่ คสช.แต่งตั้ง

คือ นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ กับ ปัญญา อุดชาชน คนอ่านคำพิพากษานั่นแหละ โดยมีวรวิทย์ กังศศิเทียม ตลก.ตกค้างเข้ามาเสริมอีกคนครบ ๗ ตามตัวเลขเข้มแข็ง (ถ้า ๕ ต่อ ๔ หรือ ๖ ต่อ ๓ จะทำให้ดูหน่อมแน้มไป)

สำหรับสี่ ตลก.ตู่ต่ออายุ ในทีมเจ็ดผู้วิเศษ ‘Magnificent Seven’ ได้แก่ นุรักษ์ มาประณีต ประธานฯ จรัญ ภักดีธนากุล อุดมศักดิ์ นิติมนตรี และบุญส่ง กุลบุปผา คุ้นๆ ทั้งนั้นทั้งชื่อและรูปพรรณ ตุลาการรัฐประหาร


ตานี้ พอย้อนไปดูคำตัดสินของศาลฯ บรรดานักกฎหมายที่ไม่ได้เป็นลิ่วล้อ ขนหน้าแข้ง หรือแม้แต่ติ่งเผด็จการร้องอ๊ะ ว่าไม่ใช่เลย อจ.พนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณะบดีนิติศาสตร์บอกไม่มีทาง เงินกู้ จะกลายเป็น ประโยชน์อื่นใดดั่งศาลฯ ว่าไม่ได้

ส่วน สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. (a Future Forwards’ enthusiast but Yingluck’s nemesis?) ว่าถ้าตัดสินอย่างนี้ “ยังมีอีก ๑๖ พรรคการเมืองที่ปรากฏรายการ เงินกู้ และ... เงินยืม โดยใช้ชื่อรายการแตกต่างกัน”

ที่เข้าข่ายต้องยุบพรรคตามตรรกะนวรรตกรรมใหม่ของ ตลก.รัฐธรรมนูญ ฉะนั้น เป้นหน้าที่ กกต.ต้องเร่งรีบ “ดำเนินทุกอย่างให้เสร็จสิ้นใน ๙ วันทำการ” ไม่ต้องแจ้งข้อหา ไม่มีไต่สวนหาข้อเท็จจริง เพื่อ “รับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้เลย”

ขืนไม่ทำหรือทำช้า (เกินไป) ควรโดน “ศรีสุวรรณ (จรรยา) ร้อง ปปช. และแจ้งความ (ม.) ๑๕๗ ประพฤติมิชอบ (ในหน้าที่) ได้เลยครับ”

 
สำหรับ *‘บัญชา(ของใครกัน) ขออนุญาตยกยอดให้ไปอ่านดูโพสต์ Andrew MacGregor Marshall พลางๆ ก่อน ที่ https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10157559050266154&set ทั้งภาษาอังกฤษและไทย

หลักๆ เขาบอกว่า สถาบัน กลัวสั่นคลอน เพราะเดี๋ยวนี้มีคอมเม้นต์ออนไลน์ทาง โซเชียล เยอะ เรื่องรถ (และเรือ) ติดรอ ขบวน แถมเรื่องเปลี่ยนชื่อค่าย อนุสาวรีย์หาย ฯลฯ มาซ้ำ ทำให้ แดงหย่ายออกมาประกาศสงครามไซเบอร์กับคนรุ่น อนาคตใหม่

และเค้าว่าอีกแระ ว่าแดงนี้เป็นตัววางแทนที่ ไอทู้บหากว่า ลุงตูบแกเบลอเกินแก้