+++ผู้ใช้ทวิตเตอร์ “นิรนาม_” ถูกจับกุมดำเนินคดีพ.ร.บ.คอมฯ ก่อนศาลไม่ให้ประกันตัว อ้างเป็นเรื่องร้ายแรง+++ #saveนิรนาม
วันที่ 19 ก.พ. 63 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับการร้องเรียนจากผู้ใช้ทวิตเตอร์ในบัญชีชื่อ “นิรนาม_” (@ssj_2475) (ไม่ประสงค์จะเปิดเผยชื่อสกุล) ซึ่งระบุตนเป็นหนุ่มอายุ 20 ปี อาศัยอยู่ในจังหวัดชลบุรี ว่าได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นห้องพัก และพาตัวไปยังสภ.เมืองพัทยา โดยไม่มีหมายจับ ก่อนถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เหตุทวิตภาพและข้อความที่เกี่ยวกับรัชกาลที่ 10 ล่าสุดเขาถูกนำตัวฝากขังต่อศาลพัทยา และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว อ้างคดีเป็นเรื่องร้ายแรง
.
ข้อมูลจากครอบครัวของหนุ่มผู้ใช้ทวิตเตอร์ดังกล่าว ระบุเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเช้าวันที่ 19 ก.พ. เวลา 10.30 น. ได้มีผู้มากดออดเรียกหน้าประตูห้องของครอบครัว เมื่อเปิดออกไป มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเกือบ 10 นาย กรูกันเข้ามา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการแสดงหมายค้น ซึ่งออกโดยของศาลจังหวัดพัทยา ลงวันที่ 19 ก.พ. 63 ทางตำรวจได้เข้าตรวจค้นห้องพัก ก่อนทำการตรวจยึดโทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่องไป ก่อนทั้ง “นิรนาม” และพ่อกับแม่จะถูกตำรวจพาตัวไปยังสภ.เมืองพัทยา โดยไม่ได้มีหมายจับ
.
เมื่อไปสถานีตำรวจ ทางตำรวจได้แยกสอบสวน “นิรนาม” และพ่อกับแม่ ออกจากกันคนละห้อง โดยมีการสอบถามข้อมูลส่วนตัว และการศึกษาเล่าเรียนของ “นิรนาม” เจ้าหน้าที่มีการนำข้อความจากบัญชีทวิตเตอร์ดังกล่าวมาให้ดูกว่า 30 แผ่น ซึ่งหลายข้อความเกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ พร้อมกับแจ้งให้เขาให้ความร่วมมือบอกรหัสผ่านของโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าดู และให้ยินยอมรับว่าเป็นเจ้าของบัญชี “นิรนาม_” จริง โดยระบุว่าถ้าไม่ยินยอมจะดำเนินคดี ตำรวจยังมีการถ่ายรูปและบันทึกวีดีโอเอาไว้ตลอดการพูดคุย
.
ทางครอบครัวระบุว่าการสอบสวนใช้เวลาตั้งแต่ 11.00 จนถึงราว 17.00 น. แต่เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแยกห้องพูดคุยกันตลอด ทำให้ไม่ทราบว่าในที่สุดลูกชายได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในตอนใด หากได้ทราบต่อมาว่าลูกชายได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยลูกชายได้รับกับเจ้าหน้าที่ว่าเป็นเจ้าของบัญชีทวิตเตอร์ “นิรนาม_” จริง และได้เปิดล็อกโทรศัพท์ให้เจ้าหน้าที่ดู ในกระบวนการแจ้งข้อกล่าวหา ไม่ได้มีทนายความอยู่ด้วย และเจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้บันทึกการจับกุมและบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาเอาไว้
.
ทั้งนี้ ต่อมาทราบว่าข้อความที่นำมากล่าวหาในคดีนี้ จำนวน 1 ข้อความ เป็นทวิตภาพเกี่ยวกับรัชกาลที่ 10 และมีข้อความในเชิงเสียดสี
.
หลังเสร็จสิ้นกระบวนการแจ้งข้อกล่าวหา “นิรนาม” ได้ถูกควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจในช่วงคืนวันที่ 19 ก.พ. ก่อนที่ในเช้าวันนี้ ร.ต.ท.ชลวิทย์ อธิพันสีห์ พนักงานสอบสวนสภ.เมืองพัทยา จะได้นำตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลจังหวัดพัทยาในการฝากขัง โดยมีทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ติดตามไป
.
ในคำร้องของฝากขังของพนักงานสอบสวนได้ระบุข้อกล่าวหาในคดีนี้ตามมาตรา 14 (3) ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2560 “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา”
.
คำร้องขอฝากขังระบุด้วยว่าก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมตรวจสอบความเคลื่อนไหวกลุ่มที่มีแนวคิดต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ และได้พบบัญชีทวิตเตอร์ “นิรนาม_” เปิดใช้งานเมื่อเดือนตุลาคม 2561 จากการดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์โดยแหล่งข่าว พบว่าบัญชีดังกล่าว มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของบริษัททรูจำนวน 2 ครั้ง ในช่วงเดือนมกราคมปี 2563 โดยมีการระบุถึงหมายเลขไอพีแอดเดรสในการเชื่อมต่อทั้งสองครั้ง และจากการตรวจสอบกับบริษัททรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด หมายเลขไอพีดังกล่าวเป็นของหมายเลขโทรศัพท์ซึ่งผู้ต้องหาลงทะเบียนเปิดใช้
.
เจ้าหน้าที่ยังอ้างถึงข้อมูลจากโพสต์ของบัญชี “นิรนาม_” เมื่อเดือนมกราคม 2563 ที่เคยทวิตระบุถึงอายุและวันเกิดของตัวเอง โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าตรงกันกับวันเกิดของผู้ต้องหาในคดีนี้ จึงเชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังได้ให้ผู้ต้องหาเข้าใช้บัญชีทวิตเตอร์ดังกล่าว โดยใส่รหัสผ่าน ปรากฏว่าพบว่ามีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถาบัน และรับว่าตนเป็นผู้โพสต์ จึงจับกุมดำเนินคดี
.
พนักงานสอบสวนระบุว่าการสอบสวนคดียังไม่เสร็จสิ้น โดยยังต้องสอบพยานอีก 6 ปาก และรอผลการตรวจสอบพิมพ์มือผู้ต้องหา จึงขออำนาจศาลในการฝากขัง กำหนด 12 วัน และยังคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากเป็นคดีอาญาที่มีอัตราโทษสูง หากให้ประกันตัวผู้ต้องหาน่าจะหลบหนี
.
ต่อมา ศาลจังหวัดพัทยาได้อนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาตามคำร้อง ทางครอบครัวของ “นิรนาม” จึงได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวเป็นเงิน 1 แสนบาท ก่อนที่เวลาประมาณ 15.20 น. ศาลจังหวัดพัทยาจะมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา โดยระบุว่าเหตุผลว่าพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง หากปล่อยตัวไป เกรงว่าจะหลบหนี ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ทำให้ “นิรนาม” ต้องถูกนำตัวไปควบคุมที่เรือนจำ
...
เราได้แปลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ อยากชาวต่างชาติได้อ่าน— ติกกิ (@KenchanIzii) February 20, 2020
🌟 For foreigners who want to know what happened in Thailand according to hashtag #saveนิรนาม
Here I have already translated the information from Thai to English.Thanks to TLHR for the Thai version and information. 🙏🏻 pic.twitter.com/pxnIS73v5m
ไม่ใช้ 112 ก็ยังใช้ข้อหาอื่นได้
เคสนี้ใช้ พรบ.คอม
ที่น่าสังเกต นิรนามใช้เนททรู และตำรวจได้ไอพีแอดเดรสจากทรู
คงชัดเจนแล้วว่า การใช้เนทของทรู ซึ่งเป็นของ CP อันตรายขนาดไหน