ที่ว่าอภิรัชต์จัดระเบียบกองทัพเรื่อง ‘ทหารพาณิชย์’ โดยไปทำ ‘เอ็มโอยู’ กับกระทรวงคลังนั่นแค่ฉาบหน้า เกี่ยวกับโรงแรม สนามกอล์ฟ สนามมวย
จะมีการแบ่งรายได้กันและกันกับคลังเท่านั้น ปัญหาที่ทำให้เกิดกราดยิงจริงๆ
แล้วยังไม่แตะ
“จัดระเบียบสวัสดิการในเชิงพาณิชย์ให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย
เฟสแรก จะเริ่มจากโรงแรมสวนสนประดิพัทธ์ สนามกอล์ฟ และสนามมวย
โดยจะแบ่งรายได้ให้กระทรวงการคลัง และกระทรวงการคลังจะแบ่งสรรรายได้ให้
ทบ.ตามสัดส่วนที่กำหนด”
มิพักที่จะสืบสาวไปถึงกรณีมิจฉาชีพต่างๆ
ตั้งแต่บ่อนใต้ดิน เต๊นอาวุธ โรงนาบ วินมอไซค์ ไปถึงชักหัวคิว ตบส่วนต่าง
และเงินทอนกู้ซื้อบ้าน อันเป็นต้นเหตุ ‘จ่าคลั่ง’
ที่อารมณ์ร่วมของคนส่วนใหญ่ไปเพ่งเล็งกันที่ความเหี้ยมโหดของคนร้ายรายนี้
เป็นที่สังเกตุได้ทันทีว่า ตามที่มีรายงาน
พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.สั่งการให้ตั้งคณะทำงานสองชุดตรวจสอบเรื่องสวัสดิการกำลังพล
ด้านการค้าขายในค่ายทหาร ร้านอาหาร ร้านของชำ พบว่ามีธุรกิจเหล่านั้นประมาณ ๔๐
แห่ง จะจัดการกันต่อไป
ส่วนเรื่องที่ราชพัสดุซึ่งถูกเปิดโปงว่าทหารครอบครองถึง
๖๐ เปอร์เซนต์ของทั้งหมด ๑๒.๕ ล้านไร่ ก็ “จะนำที่ดินดังกล่าวมาบริหารจัดการใหม่
มีทั้งที่จะนำมาพัฒนาในเชิงพาณิชย์ หารายได้เข้าแผ่นดิน
กับที่จะจัดสรรให้เป็นที่อยู่อาศัยทำกินของผู้มีรายได้น้อย”
นั่นถ้าไม่เกิดเหตุ #กราดยิงโคราช ก็คงไม่เคยคิดขยับทำอะไร
เหมือนกับที่ไม่รู้ไม่ชี้กันมาตลอดเวลาของการยึดอำนาจปกครองโดยรัฐประหารกว่า ๕ ปี
แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีที่มาจากผลพวงรัฐประหาร ก็ยังให้โปรเฟสเซ่อโฆษกมาแถลง
ว่าจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายเช่นที่โคราชขึ้นมาอีก
“ให้ความสำคัญกับต้นตอของปัญหาที่อาจเกิดจากการถูกเอารัดเอาเปรียบ
จึงต้องสังคายนาให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด
ซึ่งขณะนี้ทางกองทัพอยู่ระหว่างการดำเนินการ”
(https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_275420,
https://www.prachachat.net/columns/news-421670 และ http://voicetv.co.th/read/y09rU6_az)
จะใช้เวลานานแค่ไหนดำเนินไม่รู้ แต่ดูแล้วตอนนี้อะไรมันจะดีไปเสียหมด
ขนาดว่าอดีต กกต.นางหนึ่งจู่ๆ ก็ทะลุกลางปล้องว่า ผบ.คนนี้เก่งเจ๋ง แก้ปัญหาหมักหมมของกองทัพได้ไม่มีใครเหมือน
สมควรรับช่วงเป็นหัวหน้าใหญ่ของประเทศต่อไป