หึ หึ ‘เฮียป้อม’ ยันฟ้อง ‘ช่อ’ แน่ๆ ที่อภิปรายนอกสภาว่ารัฐบาล
‘ไอทู้บ’
มีเอี่ยวคดีทุจริตยักยอกเงินในมาเลเซีย อันทำให้นายกฯ นาจิบ ราซัค เข้าซังเตโดน ๔๒
คดี และพรรคอัมโนหมดอำนาจไปโดยพลัน
แต่ ‘ไม่แน่’ ตรงที่เฮียเค้า “บอกไม่รู้ ได้ข้อมูลจาก ตม. มาได้ยังไง”
ข้อกล่าวหาที่ พรรณิการ์ วานิช นำมาเปิดเผย
หนึ่งคือกรณีตัวการสำคัญเปิดโปงการคอรัปชั่นครั้งมโหฬารของมาเลเซีย ศาลไทยตัดสินจำคุก
๖ ปี ในข้อหา ‘พยายามกรรโชกทรัพย์’ ลดโทษกึ่งหนึ่งเพราะรับสารภาพ แล้วท้ายที่สุดได้รับพระราชทานอภัยโทษ ปล่อยตัวในปลายปี
๒๕๕๙
ช่อบอกว่าคดีนี้ ‘ผิดปกติ’ มากมาย “เธอได้รับข้อมูลจากหลายแหล่ง
รวมทั้งจากภรรยาของนายฆุสโต (Xavier
Justo) โดยตรง ที่ทำให้เชื่อได้ว่าเขาถูกบีบให้รับสารภาพ...ว่าเขากุเรื่องทุจริต
1MDB ขึ้นเพื่อใส่ร้ายนายนาจิบ ราซัค”
ซาเวียร์
ฆุสโต เป็นชาวสวิส “เป็นผู้ให้ข้อมูลเอกสารกว่า
๒ แสนหน้าแก่ผู้สื่อข่าวที่เปิดโปงเรื่องนี้ จนมีรายละเอียดว่ามีการโอนเงิน ๖๘๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
(จากกองทุนเพื่อการลงทุน 1MDB) เข้าบัญชีธนาคารส่วนตัวของนายนาจิบเมื่อปี ๒๕๕๖”
ความไม่ปกติอยู่ที่ ทางการสวิสเซอแลนด์ได้ขอไทยส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปรับโทษต่อที่ประเทศบ้านเกิด
แต่ไทย (โดยรัฐมนตรียุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา) อ้างว่าส่งไม่ได้เพราะขัดกับกฎหมายไทย
นั่นคือเหลือการถูกจำคุกไม่ถึงปี
แต่นางลอร่า ภรรยาของซาเวียร์ บอกว่า “ดิฉันช็อคต่อการตัดสินของทางการไทยอย่างนั้น...ไม่เข้าใจว่าประเทศไทยจะได้ประโยชน์อะไรที่เก็บตัวสามีดิฉันไว้”
สื่อออนไลน์ ‘ไฟแน้นเชียลไทม์’ เปิดเผยเมื่อปลายกันยายน ๒๕๕๙
รายงานข่าวบอกว่า ทั้งๆ ที่ทางการสวิสได้ยื่นข้อเรียกร้องให้ไทยส่งตัวตามสนธิสัญญาที่มีต่อกัน
มากกว่า ๑ เดือนก่อนที่ไทยจะลดโทษให้แก่นายฆุสโต
แล้วเอามาอ้างว่าส่งตัวไม่ได้เพราะกฎหมายห้าม แม้จะมีการสั่งห้ามซาเวียร์เข้าประเทศไทยเป็นเวลา
๑๐๐ ปีด้วย
อีกกรณีที่ ‘ช่อ’ นำมาปูดเกี่ยวกับคดีอื้อฉาวของมาเลเซียนี้
ก็คือการปล่อยให้นายโลว์ เต็ก โจ หรือ โจ โลว์ ตัวการสำคัญในการโอนเงินก้อนโตครั้งนั้น
เดินทางเข้าออกประเทศไทยอย่างลอยนวลถึง ๕ ครั้ง ระหว่างเดือนตุลา ๕๙ ถึงพฤษภา ๖๑
ทั้งที่ตำรวจสากลออกหมายจับอยู่
แถม “คนสนิทของนายโจ โลว์ อีกสองคน คือ ตังเคงฉี และ จัสมิน ลู
ต่างใช้ไทยเป็นที่กบดาน โดยมีนักธุรกิจไทย (ช่อเรียกชื่อย่อว่า พ.)...ให้ความช่วยเหลือ
เธอบอกด้วยว่ามีข้อมูลว่านายตังเคงฉีไปกบดานในบ้านของ ‘คนมีสี’
ที่เขาใหญ่เมื่อปลายปี ๒๕๖๒”
ทั้งหมดนี่ ช่อ “เชื่อว่ามีกลุ่มบุคคลที่เป็น
‘พันธมิตรมืด’ อยู่เบื้องหลังความพยายามในการปิดปากพยานคือนายฆุสโต
และการให้ความช่วยเหลือ-ให้ที่พักพิงแก่ผู้ต้องหาคนสำคัญคือนายโจ โลว์และคนสนิท”
ซึ่งไฟแน้นเชียลไทม์ระบุว่าการลดโทษและไม่ยอมส่งตัวนายฆุสโตให้ทางการสวิส
เกิดหลังจากนายกฯ ราจิบไปเยือนประเทศไทย (อย่างไรก็ดีเรื่องราจิบไปไทยนี้
ได้มีการปฏิเสธจาก เต็งกู ซาริฟฝัดดิน เลขานายกฯ มาเลย์
ว่าไม่มีการพูดถึงเรื่องนายฆุสโตสักนิด)
(https://www.ft.com/content/7d407e22-7f3a-11e6-8e50-8ec15fb462f4 และ https://www.bbc.com/thai/thailand-51602342)
ที่เฮียป้อมบอกว่าจะฟ้องช่อโดย
“ไม่รู้ได้ข้อมูลมายังไง” แล้วเอาโฆษกรัฐบาลมายันเสียอีกว่า “ไม่มี ไม่จริง” น่ะ โปรเฟสเซ่อโฆษกก็ยืนยันโดยไม่มีน้ำหนักอะไรสักนิด
ชี้แจงแบบไอโอ ทบ.ไม่มีผิดว่า “เป็นการกล่าวหาให้ร้ายทำให้สังคมสับสน...กำลังพิจารณาจะดำเนินคดีทางกฎหมาย”
มีคนทักด้วยความปรารถนาดี
ว่า “หลักฐานได้รับการรับรองจากศาลสวิส” นะครับ เช่นเดียวกับหลักฐานในคดียาเสพติดของออสเตรเลีย
ที่ฝ่ายค้านเตรียมพร้อมไว้เพียบเพื่ออภิปรายรัฐมนตรีช่วยฯ ธรรมนัส พรหมเผ่า
และเรื่องรัฐบาลตู่เอื้อนายกมาเลย์ที่โดนคดีคอรัปชั่นนี้
ไม่ใช่จู่ๆ พอโดน ตลก.รัฐธรรมนูญตัดสิทธิ ส.ส.แล้วช่อจะปั้นขึ้นมาได้ทันทีเมื่อไหร่
เธอแจ้งว่าเตรียมการมาหลายเดือนเพื่อจะใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันที่ ๒๔
กุมภานี้
พรรณิการ์บอกว่านี่เป็นประเด็นที่เธอได้รับมอบหมายให้เป็นผู้อภิปราย
ครั้น ตลก. ชิงยุบพรรคก่อนวันอภิปรายเพียงไม่กี่วัน
ก็เลยต้องเอามาอภิปรายนอกสภาแทน เพราะเป็นเรื่องระดับนานาชาติ “ที่เชื่อว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ปกปิดข้อเท็จจริง”
และนอกเหนือจากให้ที่พักพิงแก่ผู้ต้องหาแล้ว
ยังบิดผันกระบวนการยุติธรรมในประเทศ และขัดขวางกระบวนการยุติธรรมของต่างประเทศ บ่อนทำลายความสัมพันธ์อันดีกับชาติพันธมิตร
อย่างสวิสเซอแลนด์ด้วย
มีคนวิจารณ์ว่า
อนค.เอาเรื่อง ‘มิดี’ ของรัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการ มาอภิปรายนอกสภาอย่างนี้ ได้ ‘เนื้อหา’ เต็มที่กว่าอภิปรายในสภา
ที่ไหนจะโดนตัวป่วนของรัฐบาลคอยประท้วง แล้วยังจะถูก ‘ประธานฯ’
คอยถึงคอยดึง อีกต่างหาก