เดี๋ยวนี้ประยุทธ์ไปไหนต้องจับไมค์พูดหาเสียง
วิธีพูดเมื่อก่อนชอบอวดเก่งโน่นนี่ จะพาชาติไปสู่ ๔.๐ งี้ ป่านนี้ไม่ไปถึงไหน
ได้แต่ล้วงคลังเอาเงินมาทุ่ม พอโดนถลกกึ๋นเป็นที่รู้กันว่าบ้อท่าไร้น้ำยา
จึงหันไปโอด อ้างว่าจำต้องเข้ามาห้ามทัพไม่งั้นสงครามกลางเมือง
ฆ่ากันตายบ้างละ ที่ไหนได้ฝ่ายหนึ่งที่กวักมือเรียกเดี๋ยวนี้ตั้งพรรครอเสริมบารมี
แม้ทำอิดอ้อนไม่รู้จะเอาไหม
ล่าสุดนี่ไปเยี่ยมโรงเรียนตัวอย่างอาหารกลางวันเด็กที่ระยอง
ถามเด็ก “ไม่มีใครอยากเป็นนายกฯ หรือ” เพราะเด็กๆ อยากเป็นชาวไร่ อยากเป็นครู
ไม่มีใครอยากเป็นนายกฯ ลุงตุ่นเลยหลุดออกมา “ก็ดีลุงจะได้ไม่ต้องมีคู่แข่ง”
แล้วที่แทบจะอมไมค์พูดกับเด็กส่วนใหญ่ก็เรื่องโฆษณาชวนเชื่อการเมืองนั่นละ
“ครม.เข้ามาทำงานทุกวันนี้ ก็เพื่ออนาคตของเยาวชนทุกคน” และ “อธิบายถึงยุทธศาสตร์ชาติ
๒๐ ปี โดยยืนยันว่าไม่ได้ออกมาเพื่อสืบทอดอำนาจ”
แถมด้วยสไตล์หาเสียงยิ่งกว่าผู้สมัคร ส.ส.
(แต่นี่รอเป็นนายกฯ อีกรอบ) “ส่วนเรื่องการเลือกตั้งรออีกนิดได้หรือไม่
และอย่าลืมไปบอกพ่อแม่ว่าต้องออกไปเลือกตั้งทุกคน” ซ้ำยังขอให้ไปบอกพ่อแม่อีกอย่างว่า
“โครงการไทยนิยมไม่ใช่การเมือง แต่ก็ทำให้หมู่บ้านของเราแข็งแกร่ง”
พอถึงเรื่องทักษะสารสนเทศ เด็กกดคอมพิวเตอร์ค้นหาทางกูเกิ้ล
พบชื่อประยุทธ์เป็นนักรัฐประหารก็เอาเลย เข้าโหมดแก้ตัว “เอากันเข้าไป
ลุงไม่จำเป็นลุงไม่มาหรอก แต่เข้ามาก็เพื่อพวกเรา ทำให้ดีขึ้นทุกวัน”
ที่สื่อเอาสิ่งที่ประยุทธ์พูดหาเสียงและแก้ตัวมารายงานกันบ่อย
มันสะท้อนถึงความงี่เง่าของคนพูด คนที่เป็นผู้นำประเทศพูดไม่มีหูรูด
พูดผิดความจริง พูดก้าวร้าว พูดยกตนข่มท่าน จนเป็นนิสัยซ้ำซาก
(อีกคำในภาษาไทยเขาว่า ‘สันดาน’) นั้น
นอกจากจะเป็นการดูถูกสติปัญญาของคนฟัง
แล้วยังหมายถึงว่าผู้ที่รับฟัง บ้างจำยอม บ้างชื่นชม
ก็มีส่วนทำให้ผู้พูดไม่ยอมหยุด หรือไม่รู้ว่ามันทำให้ตนเองเสียหาย
ไม่ว่าจะเป็นผู้นำที่ยึดอำนาจเขามา หรือชนะเลือกตั้งทางเทคนิค
(‘Electoral votes trump over Popular votes.’) ก็ตามที มันทำให้ผู้ตามและคนเชียร์เป็น ‘เต่าตุ่น’ ไปด้วย
ฉะนั้น
การที่มีใครคอยตามจิก ตามตี แม้แต่ในเรื่องบุคคลิกภาพ (ไม่) เล็ก (ไม่) น้อย ของประยุทธ์
จึงเป็น ‘วิทยาทาน’ ต่อผู้ที่รับฟังข่าวสารโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับหัวหน้า คสช. ผู้นำรัฐบาล
ซึ่งไม่ได้มาจากเสียงข้างมาก อย่างดียิ่ง
ดังที่
อจ.ปวิน (Pavin Chachavalpongpun) ณ
เกียวโต วิจารณ์การแสดงภูมิภาษาอังกฤษของประยุทธ์ต่อเด็กนักเรียน โรงเรียนวัดเกาะ
บ้านค่าย ระยอง เมื่อวานนี้ (๔ กรกฎา)
“ได้เห็นคลิปประยุทธ์ไปเยี่ยมโรงเรียนเด็กแล้วสอนภาษาอังกฤษ
ละเหี่ยใจ จนป่านนี้แล้วยังไม่รู้ตัวว่าไม่มีสติปัญญา
หลังจากถูกสื่อวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษของตัวเอง วันนี้
เลยต้องการตอกหน้าสื่อว่าตัวเองพูดภาษาอังกฤษได้ โดยการสอนศัพท์คำว่า put on และ take off
คือไม่เข้าใจนะว่าประยุทธ์ต้องการจะสื่ออะไร
ถ้าจะสื่อว่ารู้ภาษาอังกฤษ มันมีคำที่ดีกว่านี้มากมาย ง่ายกว่า สื่อสารได้ดีกว่า
และเหมาะสำหรับสติปัญญาของเด็กระดับนั้น
ที่แย่กว่านั้นคือไปเน้นเรื่อง
take off clothes แล้วบังคับให้เด็กนักเรียนชายมายืนหน้าชั้นแล้วถอดเสื้อต่อหน้าเพื่อน
แถมพูดตะคอกและขู่ว่า ไม่ต้องอาย อายทำไม
โทษนะครับ นี่คือนักเรียนไม่ใช่พลทหารขี้ข้าของใคร
แถมตอนกินข้าวกับเด็ก พูดเลยเถิดไปเรื่องเลือกตั้ง
...ไม่รู้กาละเทศะ ไม่มี social skill สื่อสารกับใครก็ไม่ได้ ความรู้ภาษาอังกฤษเท่าหางอึ่ง ความรู้ภาษากายเท่ากับศูนย์…”
...ไม่รู้กาละเทศะ ไม่มี social skill สื่อสารกับใครก็ไม่ได้ ความรู้ภาษาอังกฤษเท่าหางอึ่ง ความรู้ภาษากายเท่ากับศูนย์…”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนปิดท้ายด้วยประโยคว่า
“ความรู้ภาษาคนติดลบด้วยซ้ำ” นั่นถูกต้องจริงแท้ทั่วทุกกรณี