Facebook told to remove pages or face charges
May 11, 2017
Source: Travel Wire News
Authorities have given Facebook until Tuesday morning to remove 131 remaining pages by the Thai court order or face legal action.
The decision was made by the National Broadcasting and Telecommunications Commission (NBTC) and the Ministry of Digital Economy and Society (DE). The deadline was set at 10am, NBTC secretary-general Takorn Tantasith said on Thursday.
Last week, members of the Thai Internet Service Provider Association sent an email to Facebook chief executive Mark Zuckerberg asking his company to block the web pages with content ruled illegal in Thailandincluding the lese majeste one. Facebook is the biggest social network in Thailand.
Representatives of Tispa, which is responsible for 95% of internet traffic in the country, told NBTC and DE on Thursday that Facebook removed 178 webpages out of total 309 of its pages on the Criminal Court’s blacklist. The remaining 131 pages were still accessible in Thailand and Facebook did not explain why.
Mr Takorn said DE would be the main agency to press charges if the deadline was not met since it is empowered to control illicit content on websites by using the Computer Crime Act.
The legal action would first be against Facebook Thailand and its partners, he said.
ooo
กสทช. เผยบล็อกเว็บผิด ก.ม.แล้วกว่า 6.3 พัน URL ยังเหลือเฟซบุ๊ก 131 URL ขีดเส้นตาย 16 พ.ค.นี้
Thu, 2017-05-11 15:04
ที่มา ประชาไท
กสทช. เผยสั่งผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตปิดกั้นเว็บผิดกฎหมายแล้ว 6300 URL จาก 6900 URL ขณะที่เฟซบุ๊กบล็อกผิด พ.ร.บ.คอมฯ ม.112 ม.116 แล้ว 178 URL ยังเหลือ 131 URL ย้ำมีหมายศาลในส่วนนี้แล้ว ขีดเส้นตาย 16 พ.ค.นี้ หากยังไม่ปิดเตรียมเชิญคุย
11 พ.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 พ.ค. 60) เวลาประมาณ 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) โดย ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการสายงานกิจการโทรคมนาคม ร่วมกับสมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไทย (ISP) และ International Internet Gateway (IIG) จัดการประชุมติดตามผลการดำเนินการเพื่อระงับการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่เหมาะสมผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตและสื่อออนไลน์
ฐากร กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ติดตามกรณีมีหมายศาลขอความร่วมมือไปที่ ISP ให้ดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ต่างๆ ที่ผิดกฎหมายในขณะนี้ ซึ่งขณะนี้ครบกำหนด 7 วันตามที่ กสทช. ได้แจ้งไปแล้ว ซึ่งทางสมาคม ISP ได้ให้ความร่วมมือกับ กสทช. ในการดำเนินการเรื่องนี้เป็นอย่างดี
ฐากร กล่าวต่อว่า ในส่วนของเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีหมายศาลไปแล้ว ทางกระทรวงดีอีได้ส่งเรื่องมาให้กสทช. และกสทช.ได้ส่งต่อไปที่ผู้ให้บริการ ISP ทั้งหมด ขณะนี้มีเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมาย กว่า 6900 URL และได้มีการปิดกั้นไปแล้วกว่า 6300 URL โดยที่ยังค้างในระบบที่ต้องเข้ารหัส หรือที่เรียกกันว่า encrypt คือไม่สามารถดำเนินการลบเองได้ ที่สำคัญได้แก่ เฟซบุ๊ก ซึ่งในขณะนี้ยังไม่สามารถปิดกั้นได้ ตามรายงานของ ISP ข้อมูลปัจจุบัน มี 309 URL ที่ผิดกฎหมาย ได้ดำเนินการทำจดหมายไปถึงเฟซบุ๊กแล้ว ซึ่งแม้ไม่ได้รับการตอบกลับเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เฟซบุ๊กได้มีการปิดกั้นไปแล้ว 178 URL และมีที่ยังสามารถเข้าถึงได้อยู่ 131 URL ซึ่งเป็นเพจในเฟซบุ๊กที่ยังไม่ได้ปิดกั้นแต่มีหมายศาลในส่วนนี้แล้ว
เลขาธิการ กสทช. กล่าวอีกว่า ทางกสทช. ประชุมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงได้กำหนดระยะเวลาในการปิดกั้นเว็บไซต์จนถึงวัน 16 พ.ค. นี้ โดย กสทช. กระทรวงดีอี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานทางด้านความมั่นคง จะเข้าไปดำเนินการตรวจสอบผู้ให้บริการ ISP ที่ให้บริการอยู่ว่า เว็บไซต์ต่างๆ ที่ได้มีหมายศาลไปแล้วว่ายังมีค้างอยู๋ในระบบหรือไม่ ซึ่งถ้ายังค้างในระบบก็จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย หากยังมีเว็บไซต์ต่างๆ ที่ค้างอยู่ในระบบก็จะเชิญคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถ้าเกี่ยวข้องกับเฟซบุ๊ก ก็จะเชิญเฟซบุ๊กจากสาขาประเทศไทยมารับทราบ และจะดำเนินการปิดกั้นและตรวจสอบให้สอดคล้องกับหมายศาล ให้เป็นไปตามความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ทั้งนี้จะดำเนินการไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการใช้งานของประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าเว็บไซต์ที่ กสทช. และ ISP ดำเนินการและกำลังดำเนินการปิดกั้น ทั้งเว็บไซต์และเฟซบุ๊กถูกกล่าวหาว่า มีเนื้อหาที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาตรา 116 โดยแบ่งประเภทเป็นหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ยุยงปลุกปั่น ขัดศีลธรรมอันดี สร้างความแตกแยก และอื่นๆ