วันศุกร์, กันยายน 16, 2559

ขบวนการกวาดล้าง ‘เอาตาย’ พรรคเพื่อไทย ยุคประยุทธ์และ คสช. 2 ปีที่ผ่านมาชัดยิ่งขึ้น





หมู่นี้ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ชักจะพูดบ่อยเรื่อง “ล้างบางเพื่อไทย”

ปล่อยให้ประยุทธ์และพวกลิ่วล้อ คสช. คุยโวกันไม่ยั้ง จะทำให้ไทยเป็นประเทศโลกที่ ๑ บ้างละ พาประเทศไปสู่การเป็นเสือเอเซีย (อันหลังนี่ สมคิด จาตุรศรีพิทักษ์ มั่นใจนโยบายเศรษฐกิจเดินถูกทาง)

ขณะที่การออกแบบกฎหมายโดย คสช. เห็นได้ว่านำประเทศไปสู่การเป็นรัฐเอกเทศ หรือ ‘secular’ เข้มงวดและจำกัดจำเขี่ย ดังที่บทความวิชาการบนเว็บ ‘นิวแมนดาล่า’ เตือนไว้เรื่องรัฐธรรมนูญใหม่ของไทย

อจ.เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ (ผู้เขียนบทความชื่อ ‘Religion after referendum’) ชี้ว่า




มาตรา ๖๗ เน้นเชิดชูศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเป็นพิเศษ เป็นการผิดพลาดเพราะจะทำให้ศาสนาอื่น แม้กระทั่งศาสนาพุทธนิกายอื่นถูกลดความสำคัญ อีกทั้งทำให้ความขัดแย้งรุนแรงในบริเวณสามจังหวัดชายแดนใต้ยิ่งร้อนระอุมากขึ้น

ไม่เคยมีมาก่อนเลยที่กำหนดศาสนาพุทธนิกายหนึ่งใดจำเพาะไว้ในรัฐธรรมนูญ อย่างดีก็เพียงระบุว่า รัฐบาลมีหน้าที่ปกป้องศาสนาพทธและศาสนาอื่นๆ (รธน. ๒๕๔๐)

มิหนำซ้ำ คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๔๙/๒๕๕๙ กำหนดให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งคอยตรวจตราการสอนศาสนาพุทธให้ตรงตามแนวทางของนิกายเถรวาท เชื่อว่าเพราะคำสั่งนี้ทำให้เกิดการวางระเบิดถี่ยิบในท้องที่สามจังหวัดช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา

(http://www.newmandala.org/religion-after-the-referendum/)

นอกจากนั้น ร่างกฎหมายที่กำลังพิจารณาอยู่ในกรรมาธิการของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูป (สปท.) เกี่ยวกับการจัดระเบียบสื่อสารมวลชน ก็ได้รับการทักท้วงจากคณะกรรมการคุ้มครองสื่อว่า


การกำหนดให้จัดตั้งคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร ๑๑ นาย มีอำนาจอย่างกว้างขวางในการกำกับและควบคุมสื่อ จะก่อให้เกิดการเซ็นเซอร์ตัวเอง และจำกัดเสรีภาพของสื่อมากขึ้นไปอีก





ปัจจุบันสื่อสารมวลชนในประเทศไทยถูกจำกัดเสรีภาพด้วยคำสั่งต่างๆ ของคณะกรรมการโทรคมนาคม (กสทช.) มากอยู่แล้ว คำสั่งที่ ๙๗/๒๕๕๗ และคำสั่งที่ ๑๐๓/๒๕๕๗ มาถึงคำสั่งที่ ๔๑/๒๕๕๙ ที่ให้อำนาจ กสทช. ปิด กั้น และระงับการกระจายเสียง แพร่ภาพ และนำลงข้อความใดๆ ที่เห็นไม่สมควรได้

การนี้สมาคมสื่อ ๖ แห่งได้ร่วมกันยื่นจดหมายถึง พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ประธานกรรมาธิการ สปท. แสดงการคัดค้านร่าง กม. ดังกล่าว

(https://cpj.org/…/draft-regulatory-bill-threatens-media-fre…)

วิธีการคิดแบบตื้นๆ และมองสั้นๆ ทั้งสองกรณีที่กล่าวข้างต้นทำให้พอจะประเมินราคาคุยของประยุทธ์และ คสช.ได้ว่า ‘ฝันเปียก’ เสียละมาก

หากแต่กระบวนการกวาดล้างฝ่ายตรงข้าม และกำจัดขวากหนามทางการเมืองของการครองอำนาจยาวนาน นั้นกลับแข็งขันและใกล้ถึงกาล ‘เสพสม’ ถ้าคำนึงถึงสิ่งที่จตุพรพูดผ่านเฟชบุ๊คไล้ว์เมื่อวาน (๑๕ ก.ย.)

“ประธาน นปช. แฉ ป.ป.ช. จ่อเชือดซ้ำ ‘ยงยุทธ วิชัยดิษฐ’ ระบุชงประเดิมศาลทุจริตนัดแรก ต.ค. ๕๙ จับตาล้างบางเพื่อไทย”

“นอกจากนี้ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรมว.กลาโหม ต้องผจญกับชะตากรรมการเมือง ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติถอดถอนจากตำแหน่งทางการเมืองในวันพรุ่งนี้ (๑๖ ก.ย.) กรณีแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย...

อีกทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังถูกหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่ง ม.๔๔ แห่งรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้กรมบังคับคดีสามารถยึดทรัพย์จากความเสียหายในโครงการจำนำข้าว”

(https://www.facebook.com/101103126670529/videos/1085910668189765/)





สองวันก่อนหน้านี้นายจตุพรก็ได้พูดถึงการกวาดล้างไว้ว่า “ส่วนการพิจารณา พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว.นั้น

ขณะนี้ส่อว่า จะมีการล้างบางนักการเมืองที่เคยถูกเว้นวรรค ๕ ปี หรือที่เรียกว่าพวกบ้านเลขที่ ๑๑๑ และ ๑๐๙ ไม่ให้มีสิทธิ์สมัครเลือกตั้ง

รวมถึงอดีต ส.ส.กว่า ๓๐๐ คน ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำลังถูกเล่นงานกรณีเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมอีกด้วย...

อย่างไรก็ตาม อดีต ส.ส.กว่า ๔๐ คน ถูก ป.ป.ช. เล่นงานแล้ว...เมื่อพรรคเพื่อไทยไม่เริ่มต้นสู้ข้อกล่าวหาตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว โอกาสรอดมียากมาก และยิ่งคิดสยบยอมเพื่อขอความเมตตานั้น เป็นความคิดที่แพ้เช่นหลายกรณีที่ผ่านมา”

(https://www.facebook.com/Jatuporn.UDD/photos/a.487524008026365.1073741828.487512048027561/928597700585658/?type=3&theater)

สำหรับพรรคเพื่อไทยในสถานการณ์ที่ถูกไล่ล่าอย่างหนักขั้น ‘เอาตาย’ เช่นนี้ ตกที่นั่งใกล้สิ้นหวัง ถ้าจะนำบทวิเคราะห์ของสื่อค่ายที่แสดงให้คิดไปได้ว่าถือหาง ปชป. และกอดขา คสช. บ่อยครั้ง มาเป็นอารมณ์

“มันเป็นไปได้ยากที่คณะทหารฮุนต้าจะยอมให้พรรคการเมืองของตระกูลชินวัตรลุกขึ้นมาจากหลุมฝังได้” จินตนา ปัญญาอาวุธ เขียนวิจารณ์แบบขวานผ่าซากไว้ที่เดอะเนชั่นเมื่อ ๑๓ ก.ย. เปรียบเทียบลำหักลำโค่นของสามฝ่ายในการแข่งขันเลือกตั้งหากจะมีปลายปีหน้า

พรรคประชาธิปัตย์ถึงอย่างไรก็มี สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ใกล้ชิดกับ คสช. เมื่อเทียบกับสภาพการณ์ที่ต้องเผชิญกับประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ขี่โพลพุ่งขึ้นมาโดดเด่นอย่าง ‘น่าเชื่อ’ แม้กระทั่งนายกสมาคมผู้ส่งออกก็ยังอดไม่ได้ต้องออกมาช่วยยกก้น

ทำให้สถานะของเพื่อไทยสั่นคลอน นักเขียนเนชั่นอ้าง “(อดีต ส.ส.) สมาชิกพรรคบางคนอาจเตรียม ‘กระโดด’ ไปอยู่พรรคอื่นเพื่ออนาคตที่ดีกว่า”

“อดีตรัฐมนตรีเพื่อไทยคนหนึ่งซึ่งขอไม่เผยนาม บอกกับนักข่าวว่ากำลังมองหาพรรคใหม่ไปลง”

(http://www.nationmultimedia.com/…/Fate-of-Pheu-Thai-now-han…)

ลำพัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับนักการเมืองใกล้ชิดสี่ซ้าห้าคนจะ ‘เอาอยู่’ ไหมกับการโหมล้างบางของพวกเกลียดทักษิณ เกลียดชินวัตร หมอเลี้ยบโดนเก็บไปแล้ว ยงยุทธ์ วิชัยดิษฐ์ กับสุกำพล สุวรรณทัต กำลังจะตามไปดังที่จตุพรบอก

เหลือภูมิธรรม เวชยชัย กิตติรัตน์ ณ ระนอง ปลอดประสพ สุรัสวดี วัฒนา เมืองสุข ชูศักดิ์ ศิรินิล สุรนันท์ เวชชาชีวะ ฯลฯ จะทัดทานได้แค่ไหนกับยุทธวิธีปักหลักรอเลือกตั้ง

ภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับการห้อมล้อมให้กำลังใจทุกครั้งที่ไปศาล กับการแจกดอกไม้และเซลฟี่จากแฟนคลับกันขลมทุกครั้งที่เธอเดินสายทำบุญวัดโน้นวัดนี้ทั่วราชอาณาจักร เป็นเครื่องวัดคะแนนนิยมได้ดี

แต่จะชี้แนะถึงคะแนนเสียงได้หรือไม่ ผลประชามติเป็นอุทธาหรณ์

ประเด็นหนึ่งที่จตุพรพูดถึง “การต่อสู้กับขบวนการกวาดล้าง ควรเริ่มตั้งแต่การจัดการหัวขบวนเสนอร่างกฎหมาย จึงจะเกิดความชอบธรรมมากกว่า” หมายถึงอะไรแน่ น่าที่แฟนคลับจะนำไปคิดใช้ปรับยุทธวิธี