วันพุธ, กันยายน 28, 2559

เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการและกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ร่อน จม.ถึงประยุทธ์ ยกเลิกนำเงิน 6 หมื่นล้านไปซื้อประกันสุขภาพเอกชนให้ข้าราชการ





ร่อน จม.ถึงประยุทธ์ ยกเลิกนำเงิน 6 หมื่นล้านไปซื้อประกันสุขภาพเอกชนให้ข้าราชการ

ที่มา ประชาไท
Wed, 2016-09-28 17:54

28 ก.ย. 2559 เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการและกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกถึง นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรื่อง ขอให้ยกเลิกการนำเงิน 60,000 ล้านบาทไปซื้อประกันสุขภาพของข้าราชการและยกเลิกการใช้เงิน 800 ล้าน

นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า วันที่ 30 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น. กลุ่มดังกล่าวเตรียมเข้ายื่นจดหมายต่อ รมว.คลัง ที่กระทรวงการคลัง เพื่อให้ชี้แจงการเปลี่ยนระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการเหมาให้ บ.ประกันเอกชนจัดการ รวมถึงการซื้อประกันอุบัติเหตุให้คนกว่า 8 ล้านคน ซึ่งกังวลว่าจะเป็นการละลายเงินโดยสูญเปล่า เพราะช้ำซ้อนกับ พ.ร.บ.รถ

รายละเอียดจดหมายเปิดผนึก


จดหมายเปิดผนึกถึง นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

28 กันยายน 2559

เรื่อง ขอให้ยกเลิกการนำเงิน 60,000 ล้านบาทไปซื้อประกันสุขภาพของข้าราชการและยกเลิกการใช้เงิน 800 ล้านบาท ซื้อประกันอุบัติเหตุให้ประชาชน 8 ล้านคน

เรียน ฯพณฯนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ซึ่งมีเป้าหมายลดความเหลื่อมล้ำสร้างความเป็นธรรม สุขภาพมาตรฐานเดียวของประชาชนทุกคน ขอให้รัฐบาลยกเลิกการนำเงิน 60,000 ล้านบาท ไปซื้อประกันสุขภาพของข้าราชการและยกเลิกการใช้เงิน 800 ล้านบาท ซื้อประกันอุบัติเหตุ ให้ประชาชน 8 ล้านคนที่ขึ้นทะเบียนคนจน โดยมีเหตุผลสำคัญดังนี้

กรณีการซื้อประกันสุขภาพของข้าราชการจำนวน 60,000 ล้านบาท

1. การดำเนินการซื้อประกันสุขภาพภาคเอกชน อาจจะเป็นการดำเนินการที่ไม่สอดคล้องและขัดแย้งกับมาตรา 9 และมาตรา 66 ของพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และขัดหลักการสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชนในการจัดระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

2. ระบบประกันสุขภาพภาคเอกชนมีข้อจำกัด ส่วนใหญ่มีเงื่อนไขในการใช้บริการไม่ว่าจะเป็นบริการคนไข้ในคนไข้นอกที่ถูกควบคุมและจำกัด อาจจะส่งผลกระทบต่อสวัสดิการข้าราชการที่เคยได้รับ รัฐบาลควรใช้บทเรียนการจัดสวัสดิการข้าราชการส่วนท้องถิ่น ที่พบปัญหาการใช้งบประมาณสูงต่อเนื่องทุกปี เช่นเดียวกับระบบสวัสดิการข้าราชการ หลังจากกระทรวงมหาดไทยได้แก้ปัญหาโดยให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติรับจัดบริการให้ข้าราชการส่วนท้องถิ่น ทำให้ปัจจุบันข้าราชการส่วนท้องถิ่นได้รับสิทธิประโยชน์มากกว่าเดิมและไม่น้อยกว่าสวัสดิการข้าราชการ และใช้งบประมาณเพียง 7,000 บาทต่อคนต่อปี โดยที่ระบบสวัสดิการข้าราชการใช้เงินมากกว่า 12,000 บาทต่อคนต่อปี หรือหากให้บริษัทประกันชีวิตภาคเอกชน ดำเนินการระบบสุขภาพของข้าราชการไม่ควรใช้งบประมาณเกิน 7,000 บาทต่อคนต่อปี เช่นเดียวกับศักยภาพของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

3. การดำเนินการครั้งนี้ ส่งผลต่อบริการของโรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย เนื่องจากการจัดสวัสดิการรักษาพยาบาลให้กับข้าราชการ โดยส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายที่ให้โดยตรงกับโรงพยาบาลรัฐในระดับต่าง ๆ แต่หากจัดซื้อประกันสุขภาพภาคเอกชน ย่อมทำให้งบประมาณส่วนใหญ่ตกอยู่กับโรงพยาบาลเอกชน ย่อมส่งผลต่อฐานะทางการเงินการคลังของโรงพยาบาลรัฐแน่นอน

4. ถึงแม้กระทรวงการคลัง จะใช้มาตรการนี้เพื่อแก้ปัญหาคอรัปชั่นการช้อปปิ้งยา ซึ่งเป็นปัญหาปัจเจกบุคคล และควรมีการจัดการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่การใช้มาตรการนี้ไม่มีหลักประกันว่าจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ แต่ส่งผลกระทบต่อการรับบริการของข้าราชการและครอบครัวอย่างชัดเจน เพราะการกำกับธุรกิจประกันภาคเอกชนก็มีความจำเพาะและต้องให้อิสระเสรีในการทำธุรกิจ

กรณีการใช้เงิน 800 ล้านบาท ซื้อประกันชีวิต อุบัติเหตุให้ประชาชน 8 ล้านคน

1. ความไม่คุ้มค่าในการใช้เงิน 800 ล้านบาท ในการทำประกันชีวิต 99 บาท เนื่องจากให้การคุ้มครองน้อยกว่ากฎหมายคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มีเพียงการคุ้มครองเสียชีวิต 50,000-60,000 บาทในกรณีเสียชีวิต และจ่ายชดเชย 300 บาทต่อวัน ขณะที่การคุ้มครองจากพรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถฯ คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจ่ายตามจริงไม่เกิน 80,000 บาท การชดเชยรายวัน ไม่เกิน 4,000 บาท (จำนวน 200 บาท ไม่เกิน 20 วัน) ชดเชยการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพจ่าย 300,000 บาทแก่ทายาท สูญเสียอวัยวะ 200,000- 300,000 บาท

2. กระทรวงการคลังถูกหลอกและประชาชนตกเป็นเหยื่อของบริษัทประกัน เพราะหลักการคุ้มครองการเสียชีวิตจากเหตุสุขภาพจะได้เงินหลังจากทำประกันชีวิตไปแล้ว 2 ปี (ห้ามตายก่อนสองปี) ทำให้เสียเงินประกันชีวิตฟรี 800 ล้านบาท หรือต้องทำประกันถึง 3 ปีใช้เงินมากถึง 2,400 ล้านบาท ถึงจะได้รับการคุ้มครองจากการเสียชีวิต ซึ่งสิทธิประโยชน์ไม่คุ้มค่ากับเงินที่ใช้ไปในครั้งนี้เพราะหากเสียชีวิตได้เงินเพียง 50,000-60,000 บาทเท่านั้น

3. ปัญหาการทำประกันภาคบังคับ กรณีพรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พบปัญหา อัตราการใช้สิทธิจากอุบัติเหตุต่ำมากไม่ถึง 50% ปัญหาการจ่ายเงินเพื่อการบริหารจัดการสูงถึงร้อยละ 52 หรือประมาณ 4,785 ล้านบาท ขณะที่ใช้งบประมาณในการจ่ายสินไหมทดแทนประมาณ 4,534 ล้านบาท หรือ 48% เท่านั้น และประชาชนทุกคนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์มีปัญหาจากการใช้สิทธิเมื่อเกิดอุบัติเหตุ กลไกการกำกับและการติดตามการใช้งบประมาณบริหารที่สูงเกินจริงจะทำได้อย่างไร

4. บริษัทประกันได้ประโยชน์แน่นอน 800 ล้านบาท หากเทียบเคียงจากระบบประกันภัยคุ้มครองผู้สบภัยจากรถ ที่รัฐบังคับให้เจ้าของรถทุกประเภทต้องทำประกันภัยนี้

จึงใคร่ขอให้ ฯพณฯนายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาและยุติการดำเนินการที่อาจขัดต่อกฎหมาย และส่งผลกระทบต่อระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของประชาชนทั้งประเทศ และขอให้เร่งรัดการดำเนินการให้การใช้งบประมาณทั้งหมดราว 260,000 ล้านบาท พัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้มีประสิทธิภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม จัดระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติอย่างเสมอภาคให้กับทุกคน ซึ่งงบประมาณเหล่านี้สามารถทำให้ทุกคนได้รับการดูแลรักษาทุกโรคอย่างเหมาะสม มีคุณภาพมาตรฐาน และเพียงพอสำหรับทุกคน

จึงเรียนมาเพื่อพิจารณาและขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ ที่สนับสนุนการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ

28 กันยายน 2559