วันพฤหัสบดี, กันยายน 22, 2559

ดู ‘เบี้ยรองบ่อน’ ‘เพื่อไทย’ ถูกกระหน่ำหนัก ราดทิงเจอร์





อย่าเพิ่งตีอกชกลมที่เห็น ‘เขาแพง’ ขึ้นเขียง ตราบเท่าที่ ‘เขายายเที่ยง’ ยังลอยชาย

“ศาลอาญา พิพากษาจำคุก 'แทน เทือกสุบรรณ' ๓ ปี พร้อมพวก-คดีเขาแพง” ข่าวอิศราว่างั้น

(รายละเอียดเยอะแยะอยู่นี่ http://www.isranews.org//item/50186-news04_50186.html)

แต่ที่เขาลืมเอามาลงตรงว่า ลูกหัวแก้วของเทพเทือกได้ประกันไปแล้ว ไม่ได้ติดคุกจริงจังเหมือนสองตายายเก็บเห็ดในพื้นที่ป่าสงวน แล้วโดนโทษจองจำ ๑๕ ปี

เรื่องอย่างนี้มันเป็นของตายในสมัยรัฐบาลทหาร “สภาวการณ์ที่เผด็จการทหาร ล้าสมัย กลับอยู่ได้ในศตวรรษที่ ๒๑ และอยู่นาน มีทีท่าว่าจะนานขึ้นอีก”

ดังที่ ปิยะบุตร แสงกนกกุล รำพึงด้วยอักษรไว้บนหน้าเฟชบุ๊คของเขา “ตราบใดที่ชนชั้นนำจารีตประเพณีที่ครองอำนาจอยู่ ไม่เสียเปรียบ ไม่ถูกกดดัน ก็คงไม่ยอมเจรจาหรือถอย”

ส่วนประเด็นที่นักกฎหมายค่ายนิติราษฎร์ท่านนี้เสนอไว้ “เพราะการเมืองที่ polarization แบบไม่ลดราวาศอกกันตลอด ๑๐ ปีนี่แหละ

เราต้องยุติ polarization นี้ เพื่อแสวงหาความชอบธรรมใหม่ที่พอยอมรับกันได้”

ขออนุญาตทำเฉยชาไว้ก่อนนะ ไม่แน่ใจว่าถ้าลดราวาศอกแล้วจะไม่โดนกระหน่ำหนักเข้าไปใหญ่

ขนาด ‘อี้’ แทนคุณ จิตต์อิสระ ตากหน้าไปเถียงอย่างมิตรกับ บก.ลายจุดที่ มธ. ยังโดนผู้ชมเสื้อแดงให้ ‘กล้วย’

แถมหนักกว่านั้น กลับบ้านโดนสมีอิสระกระทืบซ้ำ หาว่า “แทนคุณเปลี่ยนไป คลั่งไคล้ประชาธิปไตยเข้าเส้นเลือด”






ดูแต่ ‘เพื่อไทย’ นั่นปะไร ‘ไก่อู’ บอกไม่ได้ล้างบาง แล้วยังปากดีว่ามันเรื่องของ “คนไหนใครทำ กรรมเคยก่อเอาไว้อย่างไร” แต่บทวิเคระห์ของโพสต์ทูเดย์ฟันธงไปแล้ว ว่าระส่ำเพราะถูก “ไล่เช็คบิลเหมาเข่ง”

กรณี ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนอดีต สส.พรรคเพื่อไทย จำนวน ๔๐ คน ที่เสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร เมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ แม้ว่ากลุ่ม ส.ส.เพื่อไทยจะเคลื่อนไหวต้าน โดยชี้ว่า ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจไต่สวน

“แต่ล่าสุด พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ยืนยันว่า ป.ป.ช.มีอำนาจไต่สวนเรื่องนี้ตามกฎหมายครบถ้วน”

(http://www.posttoday.com/analysis/politic/455974)

นอกนั้นยังมี “ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ๓ อดีต สส.พรรคเพื่อไทย นริศร ทองธิราช อดีต สส.สกลนคร กรณีใช้บัตรลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ลงคะแนนแทนบุคคลอื่น ส่วน อุดมเดช รัตนเสถียร อดีต สส.นนทบุรี และ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กรณีรู้เห็นให้มีการสลับสับเปลี่ยนร่างรัฐธรรมนูญ”

ซึ่งกำลัง “จะเข้าสู่กระบวนการถอดถอนของ สนช. และเอาผิดทางอาญาต่อไป”

“ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม เพิ่งจะถูก สนช.ลงมติด้วยคะแนน ๑๕๙ ต่อ ๒๗ เสียง ถอดถอนพ้นจากตำแหน่งและตัดสิทธิการเมือง ๕ ปี จากการแทรกแซงการแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหม

ตามรอย ประชา ประสพดี อดีต รมช.มหาดไทย ที่ถูก สนช.ลงมติด้วยคะแนน ๑๘๒ ต่อ ๗ เสียง ถอดถอนพ้นตำแหน่งและตัดสิทธิ ๕ ปี จากความผิดแทรกแซงการทำงานองค์การตลาด”

เช่นเดียวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “ซึ่งเคยถูกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ถอดถอนจากความผิดเรื่องเป็นต้นเหตุทำให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวหลายแสนล้านบาท

เวลานี้กำลังต้องมาเผชิญหน้ากับการถูกไล่เบี้ยทวงเงินมาชดใช้คืนหลวง โดยขั้นตอนอยู่ที่รอการสรุปความชัดเจนจากคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งว่าจะเคาะสุดท้ายเท่าไหร่”

(http://www.posttoday.com/analysis/politic/455975)

เหล่านั้นล้วนเป็นปัญหาจากการตกเป็น ‘เบี้ยรองบ่อน’ ถูกกระทำตำบอนข้างเดียวเสียจนไม่อาจขยับกับยุทธศาสตร์เชิงรุกได้แม้แต่นิด กระทั่งยุทธศาสตร์เชิงรับ ก็ยังกระท่อนกระแท่นเต็มที

เหมือนที่นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนางสาวยิ่งลักษณ์ “ยื่นหนังสือถึงประธานกรรมการ ป.ป.ช. เป็นครั้งที่ ๘ เพื่อยืนยันคัดค้านการแต่งตั้งนางสาวสุภา ปิยะจิตติ เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ในคดีที่กล่าวหานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถึง ๖ คดี”

(http://news.voicetv.co.th/thailand/414114.html)





นี่ก็ชี้ให้เห็นถึงการดึงดันโดย ป.ป.ช. ที่ตั้งน.ส.สุภา เข้าไปทำคดีทั้งที่เป็นคู่กรณี อีกซ้ำตั้งนายวิชา มหาคุณ ซึ่งพ้นตำแหน่ง ป.ป.ช.ไปแล้ว กลับไปเป็นอนุกรรมการไต่สวนอีก

โดยที่ฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ผู้ตกเป็นจำเลย “ได้เคยยื่นร้องคัดค้านมาแล้วถึง ๗ ครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล”

ทั้งๆ ที่ภายใน สนช. ซึ่งคอยรับเรื่อง ‘ชง’ มาจาก ป.ป.ช. เองก็มีนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ให้นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ นำมาเปิดราดทิงเจอร์

เกี่ยวกับการเตรียมตั้งเลขาธิการสภาผู้แทนฯ คนใหม่ ข้ามหัวผู้มีอาวุโสกว่าถึงสองคน

นายวัชระปูดว่า “ถ้าแต่งตั้งแบบประเภทเข้ามาสนองผลประโยชน์ของตนเองในการธุรกิจการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท หรือหลิ่วตาในโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศในสภาฯ อีก ๓,๐๐๐ ล้านบาท ก็จะเป็นปัญหาต่อเนื่องในอนาคตอย่างแน่นอน”

“นายสรศักดิ์ (เพียรเวช) คนนี้ไม่ใช่หรือที่เป็นผู้อำนวยการสำนักกฎหมายสมัยนายสุวิจักษณ์ นาควัชระชัย เป็นเลขาธิการสภา แล้วเกิดการทุจริตงบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ กว่า ๓๐๐ ล้านบาท ผลสอบการทุจริตผ่านมา ๒ ปี ยังไม่เสร็จสักเรื่อง”

(http://www.komchadluek.net/news/politic/243238)

นายวัชระยังพาดพิงถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ที่สั่งย้ายเลขาธิการสภาฯ คนเก่า อ้างว่าคุมงานสร้างอาคารรัฐสภาล่าช้า แต่กับนายสรศักดิ์คนของตัวเอง กลับปล่อยให้ยืดเวลาผู้รับเหมาออกไป ๔๐๐-๕๐๐ วันได้

“สนช.ซึ่งทำหน้าที่แทน สส. และ สว.ก็ไม่ควรก้าวก่ายแทรกแซงการแต่งตั้งข้าราชการประจำ อย่าทำให้เจตนารมณ์การปฏิรูปประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ ต้องมัวหมอง” ดาวปูด ปชป. ฟ้องนายไล่เบี้ย สนช.

แต่นายคงไม่ตอแยตามสไตล์ ‘ไปทำมา’ เช่นเคย ตอนนี้กำลังเพลินอยู่นูว์หยอกกับการพูดโพเดี้ยมยูเอ็น ป้อยอนายบัน คี มูน เลขาธิการใหญ่ฯ บ้างมั่ง

ปาฐกถาล่าสุดในที่ชุมสมัชชาอุตส่าห์พูดเนื้อเยอะๆ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของไทย

อ้าว ตายห่ ที่บ้านหัวหน้าทีมงานเศรษฐกิจสั่ง ‘ลุยแหลก’ จะให้ไทยเป็นเสือเอเชียก่อนจบยุค ‘ตู่ ๑’ หารู้ไม่เจ้านายชอบพอเพียง