วันศุกร์, กันยายน 30, 2559

คุณวิษณุครับ หากเอาผิดยิ่งลักษณ์ กรณีจำนำข้าว เพราะปล่อยปละละเลย เลินเล่อ ทำให้รัฐเสียหายละก็ ต้องไม่ลืมคนเหล่านี้ด้วย!





ที่มา เวปพันทิป

นายกรัฐมนตรี คือผู้กำกับและควบคุมนโยบายการบริหาร ไม่ใช่ฝ่ายลงมือปฏิบัติ หรือเป็นคนไปทำการนั้นๆเสียเอง อย่างจำนำข้าวเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยประกาศไว้ แต่คุณยิ่งลักษณ์ มิได้เป็นคนไปรับจำนำข้าวเอง, ขนข้าวเอาไปใส่โกดังเอง, ลงมือฉีดยาฆ่ามอดด้วยตัวเอง ทุกอย่างมีข้าราชการสนองนโยบาย คุณมีประสบการณ์เป็นรองนายกฯในสมัยคุณทักษิณและอื่นๆ..คุณคงก็ทราบ !

หากนายกรัฐมนตรี ผู้คุมนโยบายเกิด "มีความผิด"ขึ้นมาด้วยข้อกล่าวหา “ทำให้รัฐเสียหาย”แล้ว ไฉนเล่า ?? คุณวิษณุที่รักของผม จึงหยิบยื่นความผิดเยี่ยงนี้ ให้กับฝั่งของพรรคเพื่อไทยแต่ข้างเดียวเท่านั้น พรรคอื่นๆ เช่น พรรคประชาธิปัตย์ อันเป็นที่รักของคุณวิษณุ ไยถึงปล่อยลอยนวลไปเสียเล่า..ผมไม่เข้วเจ็ย??

2537 นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ได้นำที่ดิน สปก.4-01ไปแจกบรรดาเศรษฐีตระกูลใหญ่ในจังหวัดภูเก็ตจำนวน 11 ตระกูล ที่สำคัญมีตระกูลเทพบุตร ซึ่งเป็นสามีของคนในพรรคประชาธิปัตย์เกือบร้อยไร่ ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ต่อมาศาลฏีกาได้พิพากษา ขับไล่นายทศพรและ บริวารออกจากที่ดิน สปก.4-01 ..รัฐเสียหายมั๊ยครับ

นายชวน หลีกภัย ในฐานะนายกรัฐมนตรีผู้กำกับนโยบายในขณะนั้น ควรต้องเข้าข่ายความผิดด้วย แม้ยังไม่มี พรบ.ว่าด้วยความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ.2539 แต่ก็ต้องมีความผิดเพราะปล่อยปละละเลย หรือประมาทเลินเล่อทำให้รัฐเสียหาย ก็เข้าข่ายมาตรา 157 อยู่ดี..ทำไมไม่เอาผิดนายชวนครับ ??

2541 นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี มีรัฐมนตรีในพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขายทรัพย์สินที่ยึดมาได้จาก 56 สถาบันการเงิน มูลค่า 851,000 ล้านบาท ให้บริษัทต่างชาติที่เขาลือว่าใกล้ชิดกับคนในประชาธิปัตย์ ในราคาเพียงแค่ 190,000 ล้านบาทเท่านั้น..รัฐเสียหายมั๊ยครับ ??

นายชวน หลีกภัย ในฐานะนายกรัฐมนตรีผู้กำกับนโยบายในขณะนั้น เข้าข่ายพ.ร.บ.ว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2539 ฐานประมาทเลินเล่อ ทำให้รัฐเสียหายเป็นจำนวนเงินมหาศาล มากกว่าจำนำข้าวของยิ่งหลายเท่าตัว และศาลก็ตัดสินจำคุกนายอมเรศ ศิลาอ่อนไปแล้ว เมื่อเร็วๆนี้..ทำไมไม่เอาผิดนายชวนครับ ??

2541 นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณเป็นรัฐมนตรีคมนาคม ได้บอกยกเลิกสัญญารถไฟฟ้าโฮปเวลล์ฯ ต่อมา ได้ถูกโฮปเวลล์ฟ้องเรียกค่าเสียหายข้อหายกเลิกสัญญาไม่เป็นธรรม อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยชี้ขาดให้รัฐจ่ายเงินให้โฮปเวลล์ จำนวน 11,888.75 ล้าน พร้อมดอกเบี้ย 7.5%..รัฐเสียหายมั๊ยครับ ??

นายชวน หลีกภัย ในฐานะนายกรัฐมนตรีผู้กำกับนโยบายในขณะนั้น เข้าข่ายพ.ร.บ.ว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2539 ฐานประมาทเลินเล่อ ยกเลิกสัญญาไม่เป็นธรรมทำให้รัฐเสียหายมหาศาล พร้อมทั้งเสียโอกาสและเวลา.. ..ทำไมไม่เอาผิดนายชวนครับ ??

2552 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ใช้ พ.ร.บ. เงินกู้ 800,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนประชานิยมในนาม “โครงการไทยเข้มแข็ง” ปรากฏว่า มีการทุจริตโกงกินกันอย่างมากมาย จนต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการทุจริต มี น.พ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน และมี พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นรองประธาน ผลสอบชี้ออกมาว่า มีข้อมูลในการทุจริตกันอย่างกว้างขวาง ทำกันเป็นขบวนการ ไล่ดะลงมาตั้งแต่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข , รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, เลขานุการ รมต. , ปลัดกระทรวง และข้าราชการประจำ ทั้งที่ยังปฏิบัติหน้าที่และเกษียณอายุราชการไปแล้ว โดยมีการส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ไปดำเนินการ..ทราบใช่มั๊ยครับ ??

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรีผู้กำกับนโยบายในขณะนั้น เข้าข่ายพ.ร.บ.ว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2539 ฐานปล่อยปละละเลย ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้รัฐเสียหายเป็นจำนวนเงินมหาศาล เสียหายมากเสียยิ่งกว่าจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์..ทำไมไม่เอาผิดนายอภิสิทธิ์ครับ ??

4 กรณี ที่ยกตัวอย่างมานี้ ถ้าถือว่านายกรัฐมนตรีผู้กำกับดูแลนโยบาย ต้องมีความผิดไปด้วยแล้ว นายชวน หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ต้องมีความผิดไปด้วย ฉะนั้น ต้องทำการยึดทรัพย์คืนให้รัฐ เหมือนที่กำลังกระทำอยู่ทำกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วยเช่นกัน มิเช่นนั้น จะถือว่าคุณวิษณุมีความผิดเข้าข่ายมาตรา 157..ใช่มั๊ยครับ ??

ถ้าจะทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย เหมือนที่ใครบางคนในวันนี้พูดเป็นแผ่นเสียงตกร่อง คุณต้องทำให้เสมอภาค เท่าเทียมกันทุกฝ่ายครับ ถึงจะยอมรับได้ ไม่ใช่อีกคนทำเพราะไม่ชอบ แต่อีกคนเว้นเพราะพวกเดียวกัน แบบนี้เขาไม่เรียก “กฎหมาย”หรอกครับ แต่จะเรียกอะไร..คุณคงรู้ดี !!!

ooo


Charnvit Kasetsiri


Burma and Thailand:
same same but different ...
Suu Kyi and Yingluck:
same same but different...
One woman in Burma, another woman in Thailand...

สิ่งที่บิ๊กๆทหารพม่า/ลิ่วล้อ ไม่คาดคิด
คือ การกระทำรุนแรงต่อสตรีหนึ่งนาง
คือ ซูจี ที่เดิมเป็น nobody (แต่เป็นบุตรีของ Aung San)
เธอเลยกลับกลายเป็น some body
และมีทั้งบารมีและอำนาจ

น่าเชื่อว่า เช่นกันว่า
บิ๊กๆทหารไทย/ลิ่วล้อ ก็หาได้สำเหนียกไม่
คือ การกระทำรุนแรงต่อสตรีหนึ่งนาง
คือ ยิ่งลักษณ์ ที่เดิมก็เป็น nobody (แต่เป็นน้องสาว ทักษิณ)
เธอกำลังกลับกลายเป็น somebody
และน่าจะมีทั้งบารมีและอำนาจ

ไม่ว่า จะพิจารณาเรื่องยัดคดีน้ำท่วม
หรือ ยัดคดีเรื่องจำนำข้าว
ที่จะกลายเป็น blessing in disguise

ดราม่าไทยๆ เรื่องนี้ ยาว ยืด ยื้อ เยื้อ
เช่นเดียวกับกับดราม่าพม่า
แต่ก็ไม่น่าจะยาวเท่าของพม่า
ถ้านับจาก 8888 (1988) ก็กินเวลากว่า 2 ทศวรรษ
ถ้านับจากสมัยเนวิน 1960s ก็กินเวลากว่า 5 ทศวรรษ

ส่วนดราม่าไทย ถ้านับจากปรากฏการณ์ เสื้อเหลือง/พธม.
การขอใช้มาตรา 7 นรม.พระราชทาน
จนถึงรัฐประหาร 2549/2006 และรัฐประหาร 2557/2014
ก็น่าจะยาวข้ามเพียงหนึ่งทศวรรษ และข้ามหนึ่งรัชสมัย เท่านั้นเอง

การณ์ปรากฎว่า
เวลาของการเปลี่ยนผ่าน ครั้งใหญ่ ได้มาถึงพม่าแล้ว
และกำลังจะบังเกิด
ให้เห็นในสยามประเทศไทย .oไม่ช้า ไม่นานนี้
cK@29Sept2016