พลิกแฟ้ม 15 คดี”ปู” ในมือ”ป.ป.ช.”
ที่มา มติชนออนไลน์
24 ก.ย. 59
ทุกคดีอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานในชั้นการพิจารณาของคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ
ทั้ง 15 คดีของอดีตนายกฯ ที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีคดีอะไรบ้างนั้น ทีมทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยว่า คดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาของคณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช.ทั้งหมด 15 คดี ประกอบด้วย
1.กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดต่อหน้าที่ในการออกหนังสือเดินทางแบบธรรมดาให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยมิชอบ
2.กรณีถูกกล่าวหาว่าจงใจใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญกรณีการแทรกแซงแต่งตั้ง โยกย้าย นายทหารชั้น นายพล กรณีแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล ประจำปี 2555 โดยมีการเสนอชื่อ พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม โดยไม่ถูกต้องตามข้อบังคับและกฎหมาย
3.กรณีถูกกล่าวหาว่าจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองโดยไม่มีอำนาจ เนื่องจากไม่มีกฎหมายรองรับ เพื่อช่วยเหลือพวกพ้องของตนเองโดยอนุมัติจ่ายเงินเยียวยารายละ 7.5 ล้านบาท ให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2548-2553 ทำให้รัฐเสียหาย
4.กรณีถูกกล่าวหาว่าจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ต้องขังคดีอาญาทางการเมืองโดยไม่มีอำนาจ เนื่องจากไม่มีกฎหมายรองรับ เพื่อช่วยเหลือพวกพ้องตนเอง
5.กรณีกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการตราพระราชกำหนด และลงมติเห็นชอบพระราชกำหนด ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.2555 จำนวน 350,000 ล้านบาท โดยไม่มีการชี้แจงรายละเอียดการใช้จ่ายเงิน และบทบัญญัติมาตรา 3 และมาตรา 4 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าว บัญญัติให้กระทรวงการคลังมีอำนาจกู้ยืมเงิน จำนวน 350,000 ล้านบาท และสามารถนำไป ใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องนำส่งคลัง ตามกฎหมายวิธีการงบประมาณและกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 169
6.กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยมิชอบ โดยใช้ให้สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ให้ตัวเองและรัฐมนตรี กรณีป้ายประชาสัมพันธ์ที่ปรากฏภาพของผู้ถูกกล่าวหาและข้อความว่า “อนาคตประเทศไทย อยู่ในมือ ของประชาชน โดยมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย” ที่ปรากฏในจังหวัดต่างๆ เช่น จังหวัดบุรีรัมย์ นครราชสีมา ชัยภูมิ ได้ใช้งบประมาณใดจัดทำ ซึ่งน่าจะทำเพื่อประชาสัมพันธ์ตนเองโดยมีประโยชน์ทับซ้อน
7.กรณีถูกกล่าวหาว่าเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
5.กรณีกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการตราพระราชกำหนด และลงมติเห็นชอบพระราชกำหนด ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.2555 จำนวน 350,000 ล้านบาท โดยไม่มีการชี้แจงรายละเอียดการใช้จ่ายเงิน และบทบัญญัติมาตรา 3 และมาตรา 4 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าว บัญญัติให้กระทรวงการคลังมีอำนาจกู้ยืมเงิน จำนวน 350,000 ล้านบาท และสามารถนำไป ใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องนำส่งคลัง ตามกฎหมายวิธีการงบประมาณและกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 169
6.กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยมิชอบ โดยใช้ให้สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ให้ตัวเองและรัฐมนตรี กรณีป้ายประชาสัมพันธ์ที่ปรากฏภาพของผู้ถูกกล่าวหาและข้อความว่า “อนาคตประเทศไทย อยู่ในมือ ของประชาชน โดยมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย” ที่ปรากฏในจังหวัดต่างๆ เช่น จังหวัดบุรีรัมย์ นครราชสีมา ชัยภูมิ ได้ใช้งบประมาณใดจัดทำ ซึ่งน่าจะทำเพื่อประชาสัมพันธ์ตนเองโดยมีประโยชน์ทับซ้อน
7.กรณีถูกกล่าวหาว่าเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
8.กรณีถูกกล่าวหาฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยออกประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ฉบับ ลว. 31 ก.ค.56 ในพื้นที่เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และเขตดุสิต กรุงเทพฯ อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 มาตรา 15 โดยมีพฤติการณ์การกระทำที่น่าเชื่อว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่สอดคล้องกับเหตุผล ท้ายพระราชบัญญัติ รวมทั้งยังเป็นประกาศที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 63 และผลของการประกาศดังกล่าวยังทำให้รัฐเสียหายจากงบประมาณแผ่นดิน จำนวน 175 ล้านบาท
9.กรณีถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยออกคำสั่งโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องของตน ซึ่งต่อมาศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้ยกเลิกคำสั่งโยกย้ายดังกล่าว
9.กรณีถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยออกคำสั่งโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องของตน ซึ่งต่อมาศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้ยกเลิกคำสั่งโยกย้ายดังกล่าว
10.กรณีถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมาย คือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 103/7 โดยเมื่อคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการจัดทำข้อมูลรายละเอียด ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างฯ มีผลในวันที่ 11 สิงหาคม 2556 ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยงานละเลยเพิกเฉยยังไม่ดำเนินการ โดยผู้ถูกกล่าวหาทราบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว แต่ละเว้นไม่ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย
11.กรณีถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยร่วมกันมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. … หรือโครงการ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยแล้วว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จนศาลรัฐธรรมนูญตีตกร่างกฎหมายดังกล่าวทิ้งไป
11.กรณีถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยร่วมกันมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. … หรือโครงการ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยแล้วว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จนศาลรัฐธรรมนูญตีตกร่างกฎหมายดังกล่าวทิ้งไป
12.กรณีถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ส่อว่ากระทำผิดต่อหน้าที่ราชการหรือใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ในการพิจารณากระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 111 มาตรา 112 มาตรา 115 มาตรา 116 มาตรา 117 มาตรา 118 มาตรา 120 และมาตรา 241 วรรคหนึ่ง และยกเลิกมาตรา 113 และมาตรา 114)
13.กรณีถูกกล่าวหาว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ จงใจใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จงใจกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1
13.กรณีถูกกล่าวหาว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ จงใจใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จงใจกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1
14.กรณีกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ร่วมกันกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอื่น กรณีมีหน้าที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบในการเก็บกัก ควบคุม ระบาย หรือบริหารจัดการน้ำ เป็นเหตุให้เกิดอุทกภัย ในปี 2554
และ 15.กรณีกล่าวหาว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ กระทำผิดขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 และกระทำขัดหรือแย้งต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 กรณีการดำเนินการโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ วงเงิน 350,000 ล้านบาท โดยมิชอบ และการกู้เงินและลงนามในสัญญากู้เงินกับธนาคาร 4 แห่ง โดยมิชอบ
ทั้งนี้ ทีมทนายฯตั้งข้อสังเกต คือ มีการแต่งตั้งให้ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนรวมทั้งเป็นประธานคณะอนุกรรมการฯไต่สวนถึง 6 คดี ได้แก่
1.กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดต่อหน้าที่ในการออกหนังสือเดินทางแบบธรรมดาให้นายทักษิณโดยมิชอบ มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ เป็นกรรมการป.ป.ช.ผู้รับผิดชอบสำนวน
2.กรณีถูกกล่าวหาว่าจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองโดยไม่มีอำนาจ เนื่องจากไม่มีกฎหมายรองรับ เพื่อช่วยเหลือพวกพ้องของตนเอง มี น.ส.สุภาเป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ และนายวิชา มหาคุณ เป็นอนุกรรมการไต่สวนฯ
3.กรณีถูกกล่าวหาว่าใช้สถานะหรือตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการบรรจุแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเพื่อประโยชน์ตนเองหรือผู้อื่น หรือพรรคการเมืองไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม มี น.ส.สุภาเป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนฯ
4.กรณีถูกกล่าวหาว่าไม่ดำเนินการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐและไม่แจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย มี น.ส.สุภาเป็นผู้รับผิดชอบสำนวน
5.กรณีถูกกล่าวหาว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ จงใจใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จงใจกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 มี น.ส.สุภาเป็นผู้รับผิดชอบสำนวน
และ 15.กรณีกล่าวหาว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ กระทำผิดขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 และกระทำขัดหรือแย้งต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 กรณีการดำเนินการโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ วงเงิน 350,000 ล้านบาท โดยมิชอบ และการกู้เงินและลงนามในสัญญากู้เงินกับธนาคาร 4 แห่ง โดยมิชอบ
ทั้งนี้ ทีมทนายฯตั้งข้อสังเกต คือ มีการแต่งตั้งให้ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนรวมทั้งเป็นประธานคณะอนุกรรมการฯไต่สวนถึง 6 คดี ได้แก่
1.กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดต่อหน้าที่ในการออกหนังสือเดินทางแบบธรรมดาให้นายทักษิณโดยมิชอบ มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ เป็นกรรมการป.ป.ช.ผู้รับผิดชอบสำนวน
2.กรณีถูกกล่าวหาว่าจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองโดยไม่มีอำนาจ เนื่องจากไม่มีกฎหมายรองรับ เพื่อช่วยเหลือพวกพ้องของตนเอง มี น.ส.สุภาเป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ และนายวิชา มหาคุณ เป็นอนุกรรมการไต่สวนฯ
3.กรณีถูกกล่าวหาว่าใช้สถานะหรือตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการบรรจุแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเพื่อประโยชน์ตนเองหรือผู้อื่น หรือพรรคการเมืองไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม มี น.ส.สุภาเป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนฯ
4.กรณีถูกกล่าวหาว่าไม่ดำเนินการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐและไม่แจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย มี น.ส.สุภาเป็นผู้รับผิดชอบสำนวน
5.กรณีถูกกล่าวหาว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ จงใจใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จงใจกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 มี น.ส.สุภาเป็นผู้รับผิดชอบสำนวน
และ 6.กรณีกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ร่วมกันกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอื่น กรณีมีหน้าที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบในการเก็บกัก ควบคุม ระบาย หรือบริหารจัดการนํ้าเป็นเหตุให้เกิดอุทกภัย ในปี 2554 มี น.ส.สุภาเป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ
จับตาดูชะตากรรมของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์อยู่ภายใต้คำตัดสินของ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ 9 คน …
.....
จับตาดูชะตากรรมของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์อยู่ภายใต้คำตัดสินของ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ 9 คน …
.....
#VoiceNews สรุปความเสียหายโครงการรับจำนำข้าวเสร็จแล้ว เรียกค่าเสียหาย ยิ่งลักษณ์ 3.5 หมื่นล้าน https://t.co/YujBTRhgtK pic.twitter.com/gQbOqXCZJS— VoiceTV21 (@Voice_TV) September 24, 2016