วันศุกร์, มกราคม 01, 2559

วันนี้ปีใหม่แล้ว ๒๕๕๙ เห็นท่าจะอึดอัด หวาดระแวง และอึมครึม ไม่ย่อย ไม่น้อยกว่าปีที่กำลังผ่านไป




วันนี้ปีใหม่แล้ว ๒๕๕๙ เห็นท่าจะอึดอัด หวาดระแวง และอึมครึม ไม่ย่อย ไม่น้อยกว่าปีที่กำลังผ่านไปเท่าไรนัก นั่นจากรายงายของสมคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

น่าจะเพราะก่อนสิ้นปี มีการรวบรัดเรื่องสำคัญอย่างราชภักดิ์ ที่กลาโหมแถลงแบบ ‘กั๊กลูกเดียว’ โยนกลองไปปีหน้า

มิหนำซ้ำคดีสำคัญอย่างสลายชุมนุมปี ๕๓ ที่มีคนตายเกือบร้อย ที่คณะกรรมการอิสระ ๗ คนจากการแต่งตั้งสามารถชี้เป็นให้ผู้สั่งการไม่ต้องรับผิดชอบ ผลักภาระต่อไปในปีหน้าให้กรมสอบสวนคดีพิเศษไปไล่เบี้ยกับทหารตำรวจผู้น้อย




เลวร้ายกว่านั้น คนที่เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนออกมาโต้ข้อครหาที่ว่า กรรมการหลายคนต้องการปัดตกคดีให้เป็นประโยชน์แก่ฝักฝ่ายตนก่อนพ้นวาระ




นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ปปช. กล่าวอย่างร้อนตัวว่า “ถ้าต้องการปัดคดีจริง สู้ให้คณะกรรมการป.ป.ช.ชุดนี้เลิกทำสำนวนคดี รอไว้ให้ชุดใหม่เข้ามาจัดการจะไม่แนบเนียนกว่าหรือ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร บอกแค่ว่ายังรวบรวมเอกสารหลักฐานไม่เสร็จเอาตัวรอดได้ง่ายกว่ากันเยอะ ไม่ต้องเป็นขี้ปากใครด้วย”

นายวิชายังอ้างคำพุทธทาสภิกขุที่ว่า “ถ้าวันนี้ถูกต้อง ก็ไม่ต้องกลัวพรุ่งนี้”

คงเป็นเพราะอวิชชาทำให้กรรมการทั่นนี้สำคัญผิดว่าวันนี้ทำถูกต้องแล้ว ในเมื่อปรากฏให้เห็นชัดเจนว่าคณะกรรมการวินิจฉัยอย่างเห็นแก่ฝักฝ่าย (partiality) ดังที่ ‘ประชาไท’ ชี้ให้เห็นว่ากรรมการชุดนี้ตัดสินโดยไม่คงมาตรฐานเดียวกันอันควร

ในคดีเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมของ พธม. เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๑ ปปช. อ้างว่านายสมชาย วงสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น

“ไม่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชายุติการกระทำ กลับปล่อยให้มีการกระทำที่รุนแรงขึ้นตามลำดับตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต”

ส่วนเหตุการณ์ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ปปช. อ้างว่าหลังจากมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในวันที่ ๑๐ เมษายนแล้ว “ศอฉ.ได้ทบทวนปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยไม่ใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าผลักดันผู้ชุมนุมอีกต่อไป”

(http://prachatai.org/journal/2015/12/63249)

หากแต่ ปปช. ไม่ได้พิจารณาถึงการเสียชีวิตของอาสาสมัครพยาบาลและประชาชน ๖ คนภายในวัดปทุมวนาราม ด้วยกระสุนสไน้เปอร์ของกำลังทหารที่เข้าสลายการชุมนุม อันเป็นวิสัยที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและวินิจฉัยทางตุลาการพึงกระทำแต่อย่างใด

ทั้งที่ในคำตัดสินของ ปปช. อ้าง ‘หลักสากล’ อยู่เสมอ แต่กลับเป็นการอ้างอย่างมุสา เนื่องว่าศูนย์ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบเหตุสลายการชุมนุม เมษา-พฤษภา ๕๓ กลับแย้งว่า “มติของ ป.ป.ช.ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่รวบรวมได้ เนื่องจากรัฐบาล และกองทัพ ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ไม่ได้ปฎิบัติตามขั้นตอนสากลในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุม รวมถึงสาเหตุการตายที่เกิดขึ้น”

อจ.พวงทอง ภวัครพันธุ์ “มองว่า อาจจะกลายเป็นบรรทัดฐานที่ ป.ป.ช.สร้างขึ้น เป็นการตอกย้ำกรณีรัฐใช้กำลังกับประชาชน และมีความกังวลว่าจะยิ่งเป็นการเพิ่มความขัดแย้งและวิกฤตการเมือง”

(http://news.voicetv.co.th/thailand/305517.html)

ทางด้านการแถลงผลสอบสวนการดำเนินการโครงการอุทยานราชภักดิ์ โดยคณะกรรมการของกระทรวงกลาโหม อันมี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดฯ เป็นประธาน แจ้งว่า

“คณะกรรมการไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายใด ๆ ที่จะไปแสวงหาข้อเท็จจริงได้อย่างกว้างขาง เพียงแต่ดำเนินการตามคำสั่งของกลาโหม ในการแสวงหาข้อเท็จจริงจากบุคคลและเอกสารต่าง ๆ ที่อยู่ในความครอบครองของบุคคลในกลาโหมเท่านั้น”

“เรื่องโรงหล่อนั้น พล.อ.ชัยชาญ กล่าวว่า จากที่ตรวจสอบบางท่านก็ไม่ให้ข้อมูล บางท่านก็ตามตัวไม่ได้ ประเด็นนี้อยู่นอกเหนืออำนาจของ คกก.”

“โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการหล่อพระบรมฯ ก็ได้มีข้อสังเกตุ และได้ข้อกำหนดในชุดนี้มีการสอบข้อเท็จจริงไม่ได้วินิจฉัยได้ว่าอันไหนถูกผิด เพราะมีอำนาจขอบเขตในการสอบข้อมูลในส่วนของกลาโหม ดังนั้นประเด็นที่สอบไม่สามารถชี้ถูกผิดได้อย่างไร”

“เมื่อถามว่าการหักหัวคิดและโรงหล่อ ผลการตรวจสอบได้ผลอย่างไร พล.อ.ชัยชาญ กล่าวว่าเรื่องนี้การเชิญบุคคลคนหนึ่งมาให้ข้อเท็จจริงไม่ได้มาให้ข้อเท็จจริง และบุคคลที่เกี่ยวข้องก็ไม่สามารถตามตัวมาได้ ก็ไม่สามารถวินิจฉัยได้”

และท้ายที่สุด “พบว่าในท้ายตารางมีระบุ ‘ค่าที่ปรึกษา’ ๒๐ ล้านบาท มาอยู่ในส่วนของเงินบริจาคโดยเซียนพระคนดังกล่าวด้วย ซึ่งคาดว่าหมายถึงค่าดำเนินการหรือค่าหัวคิวที่โรงหล่อจ่ายให้กับเซียนพระ ซึ่งถือเป็นเรื่องของเอกชนกับเอกชน โดยที่ กก.กห. ก็ไม่อาจตามตัวเซียนพระคนนี้มาให้ข้อมูลได้”

ตกลงการสอบสวนครั้งนี้ได้ผลอย่างเบาะๆ ดังที่ไทยรัฐพาดหัวข่าวว่า “กั๊ก” ที่สุดแล้ว แท้จริงก็เป็นการปัดสวะไปปีหน้านั่นแหละ

แถม ‘ป๋า’ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีออกมาตีกันไว้ให้เรียบร้อย




“เราเขื่อว่าความดีจะทำให้โด่งประสบผลดีนะ เราไม่เชื่อว่าโด่งเป็นคนแบบนั้น เราเชื่อว่าโด่งเป็นคนดี”

เลยเป็นที่เข้าใจว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีต ผบ.ทบ. ประธานโครงการราชภักดิ์ “ไม่ต้องลาออกเพื่อแสดงสปิริต” (คำของ Wassana Nanuam) ทั้งที่ พล.อ.ชัยชาญกล่าวว่า “ไม่สามารถตอบได้” ก็ตาม

จึงมาถึงความน่าจะเป็นตามการกระทำที่ผ่านมา ดังรายงานของสมาคมนักข่าวแถลงว่า ‘อึมครึม อึดอัด และหวาดระแวง’ อันเกิดจากการปฏิบัติต่อสื่อสารมวลชนไทยโดยรัฐบาลคณะรัฐประหาร ที่หนีไม่พ้นประชาชนพลเมืองย่อมโดนด้วย

“ภายใต้ข้อจำกัดในการแสดงออกตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เผชิญหน้ากับการถูกกดดันในการทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐรูปแบบต่างๆ ประกอบกับท่าทีของผู้นำรัฐบาลที่มีทัศนคติเชิงลบต่อสื่อมวลชน ใช้ถ้อยคำรุนแรงในการตอบโต้การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง”

(http://www.tja.or.th/index.php…)

“ตลอดปีที่ผ่านมาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ใช้อำนาจตามคำสั่งและประกาศที่ออกตามกฎอัยการศึก โดยเฉพาะคำสั่งที่ ๙๗, ๑๐๓ และคำสั่งตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.๒๕๕๗ เรียกสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เข้าพบหลายครั้ง โดยให้เหตุผลว่าเพื่อทำความเข้าใจและขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามคำสั่ง คสช. อย่างเคร่งครัด”

ที่น่าสนใจอย่างยิ่งเป็นกิริยาอาการของหัวหน้าคณะรัฐประหารแสดงต่อสื่อตลอดปีครึ่งในอำนาจ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ได้ใช้ถ้อยคำที่รุนแรงต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนมากกว่า ๑๐ ครั้งในรอบปีที่ผ่านมา”

ดังเช่น “สื่อต้องปฏิรูป หนังสือพิมพ์บางฉบับเป็นบ้า ด่าหมดทุกรัฐบาล (จากการแถลงผลงานรอบ ๓ เดือน เมื่อ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๘) ช่างภาพ กองบรรณาธิการ จิตใจต่ำ คัดเลือกรูปภาพผู้นำที่ไม่ดีมาลง (ให้สัมภาษณ์หลังประชุมหัวหน้าส่วนราชการ เมื่อ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๘) องค์กรสื่อต้องตรวจสอบกันเอง คอลัมนิสต์อย่าเขียนวิจารณ์อย่างเดียว จะประหารชีวิตสื่อที่ไม่มีจรรยาบรรณ (ให้สัมภาษณ์ก่อนไปบรูไน เมื่อ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๘) เป็นต้น”

ทั้งนี้ทั้งนั้น ปีใหม่นี้เลยไม่มีการตั้งฉายาให้กับคณะรัฐมนตรีและนักการเมืองโดยนักข่าวสายทำเนียบ ตามธรรมเนียมที่เคยทำได้ในรัฐบาลชุดเลือกตั้ง

จึงเป็นความอนุเคราะห์ของกลุ่ม พลเมืองโต้กลับ (Resistant Citizen) จัดให้




ไล่เรียงไปตั้งแต่หัวหน้า “ตลกหลวง ลวงโลก” ตามด้วยคนสำมะคัญ “สี่เสากระเด้าลม” แล้วก็พี่ใหญ่ “ป๋าดัน ตั๊นแห้ว” มาถึงคนที่ “เงียบๆ ฟาดเรียบนะคะ” กะ “แก้มบุ๋ม ขยุ้มหัวคิว” ไปจน “ขุนคลัง เซิ่นเจิ้น” และ “ลุงกำนัน ปั่นสลิ่ม”

นอกนั้นขอเชิญติดตามสาวความยืดกันได้ที่นี่https://www.facebook.com/Resistantcitizen/posts/997497113626765