รู้ละ พวกนักขับเคลื่อนประเทดไตแลน (เดีย) ชอบเล่นทางลัด บ่อยครั้งลดเลี้ยว บางทีทางลับ
แต่เรื่องนี้ไม่ถึงกับลับนัก ทว่ามันทั้งลัดและลวงพราง
เมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม นี้เอง มีข่าวจากสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาออกมาว่า
“กมธ. สื่อ สปท. หารือกูเกิ้ล วางมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา จากการใช้สื่อออนไลน์”
(http://www.radioparliament.net/parliament//viewNews.php…)
เนื้อข่าวกล่าวว่า พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ รองประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน ของ สปท. ร่วมแถลงกับนายอภิชาติ จงสกุล โฆษก กมธ.
“ได้เชิญตัวแทนของบริษัทกูเกิล เอเชียแปซิฟิก จำกัด เข้าพูดคุย...
ซึ่งกรรมาธิการฯ ได้ประสานกับบริษัทกูเกิล ให้ดำเนินการกับผู้ที่ใช้สื่อออนไลน์ในทางที่ไม่เหมาะสม หรือกระทำผิดทางเว็บไซต์ เพื่อทำให้การใช้สื่อเกิดประโยชน์และเป็นไปอย่างสร้างสรรค์...
นอกจากนี้ บริษัทกูเกิล จะร่วมมือกับรัฐบาลไทยจัดอบรมนักเรียนนักศึกษา รวมทั้งกลุ่มคนที่อายุเกิน 50 ปีขึ้นไป เพื่อให้สามารถรู้เท่าทันและใช้สื่อได้อย่างสร้างสรรค์ ควบคู่กับการมีคุณธรรมจริยธรรม”
หากแต่ทั้งทั่นรองฯและทั่นโฆษกแถลงไม่หมด ไม่เช่นนั้นก็สถานีสื่อสารรัฐสภาทำตกหล่นข้อเท็จจริงในการพูดคุยครั้งนี้ไป เยอะเลย
หรือว่าอาจรอสรุปผลการประชุมกรรมาธิการฯ ครั้งที่ ๑๑ ณ ห้องประชุม ๒๑๙ ตึกรัฐสภา ๒ ชั้น ๒ ที่ออกมาเมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ซึ่งประชาชนที่อยากรู้ต้องไปขวนขวายจิ๊กออกมาดูเอง
(http://www.parliament.go.th/…/ar…/article_20160127161649.pdf)
ก็พอดีมีคนขยัน ‘กลุ่มพลเมืองต่อต้าน Single Gateway: Thailand Internet Firewall #opsinglegateway’ ไปเก็บเอามาแบ่งปันกันดู จึงรู้ว่า
“ช่างไม่อายเลยนะครับ ที่ไปขอให้กูเกิ้ล ทำผิดกฎหมาย (ละเมิดสิทธิ์ของประชาชนผุ้ใช้บริการ) แบบนั้น แล้วโดนทางกูเกิ้ลตอกกลับหน้าหงายว่า ทางกูเกิ้ลยินดีปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายที่นานาชาติปฏิบัติอยู่ คือให้มีคำสั่งศาลมาครับ”
พูดแบบนี้รู้ถึงบักตู่ ประเดี๋ยวแกเผลอว่า ‘สื่อเชี่ย’ อีกล่ะ ก็คงต้องไปดูของจริงกันสักเล็กน้อย
“....คณะกรรมาธิการฯจึงมีความประสงค์ที่จะให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและบริษัท กูเกิลฯ ในการป้องกันหรือสอดส่องการกระทำที่จะไม่ให้เกิดผลกระทบและก่อให้ความเสียหายตามมา
โดยขอให้ทางบริษัท กูเกิ้ลฯ ช่วยถอดเว็บไซด์ที่มีลักษณะดังกล่าว ที่เผยแพร่ผ่านเครือข่ายกูเกิ้ล เช่น ยูทู้ป เป็นต้น ไม่ให้ออกเผยแพร่เพื่อสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นต่อไป”
คณะกรรมาธิการยังระบุด้วยว่า “ที่ผ่านมา มีการขออำนาจศาลอยู่แล้ว เพียงแต่ในกรณีจำเป็นเร่งด่วน อยากให้กูเกิ้ลฯ เร่งรัดกระบวนการในการถอดเว็บไซต์หากมีคำขอจากหน่วยงานที่มีอำนาจ เพื่อให้ทันต่อการยับยั้งความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งอาจไม่ทันการหากต้องรอให้ผ่านกระบวนการทางศาล”
นั่นไง ที่ว่าทางลัดและลวงพราง ขอให้เขา bypass กระบวนการปกติ sidestep ระเบียบกฎหมาย (ทั้งของไทยและสากล) ไม่ต้องรออำนาจศาล ด้วยวิธีการคุณขอมาผมจัดให้อย่างไทยๆ แต่ว่ากูเกิ้ลไม่ใช่สื่อไทยสายหลัก
ผู่้แทนบริษัท กูเกิ้ลฯได้ให้ข้อมูลว่า “บริษัท กูเกิ้ลฯ มีบริการและนโยบายที่เป็นมาตรฐานเหมือนกันทั่วโลก การถอดถอนหรือป้องกันการเผยแพร่เว็บไซด์ผิดกฎหมายของประเทศใดประเทศหนึ่งนั้น บริษัท กูเกิลฯ ไม่อาจพิจารณาหรือตัดสินใจเองได้ จำต้องได้รับการร้องขอจากหน่วยงานที่มีอำนาจของประเทศนั้นและมีขั้นตอน
กระบวนการอันเป็นที่ยอมรับได้ในระดับสากล นั้นคือการขอให้ศาลมีคำสั่งระงับยับยั้งการเผยแพร่เว็บไซด์ดังกล่าว ซึ่งทางกูเกิลฯ ได้ถือปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกประเทศทั่วโลก...
ในท้ายที่สุด คณะกรรมาธิการได้ขอให้กูเกิ้ลฯ คำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีที่ประชาชนมีต่อประเทศสหรัฐอเมริกา และความรู่้สึกดีที่มีต่อกูเกิ้ลฯ นำไปเป็นข้อพิจารณาด้วย
พร้อมกันนี้หากมีปัญหาหรือความกังวลใดๆในการประกอบธุรกิจของกูเกิ้ลฯ ในประเทศไทย และอยากให้ช่วยเหลือ ขอให้เสนอทางรัฐบาลไทยได้ และทางคณะกรรมาธิการพร้อมพิจารณาผลักดันและให้ความช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่”
(http://dmctoday.blogspot.com/2016/01/blog-post_244.html )
แน่ะ ตรงนี้เป็นวิธีที่ฝรั่งเรียก bribery ไทยอาจใช้คำว่า ‘ผลประโยชน์ต่างตอบแทน’ แต่ถ้าหนักกว่านี้ถึงขั้นถ้ากูเกิ้ลอยากขยับขยายทำอะไรในประเทศไทย แล้วจะย้าก ยากส์ เพราะขอกันแค่นี้ยังไม่ได้ละก็ น่าจะเข้าข่าย extortion
นั่นละ พลเมืองต่อต้าน Single Gateway เขาถึงบอกว่า “เรื่องการละเมิดสิทธิ์ เสรีภาพ ของประชาชน นี่เป็นที่เชี่ยวชาญกันเหลือเกินนะครับ แต่ตอนท้ายอ่านดูแล้วรู้สึกเหมือนไปข่มขู่ กูเกิ้ล ยังไงก็ไม่รู้นะ”
ตะแบงมารอย่างนี้ประเทศพัฒนาแล้วทางปัญญาเขาไม่ทำกัน ใครขืนดึงดันเบี่ยงบ่ายกฎหมายเอาตาย แต่อนิจจาพวกที่ตั้งชื่อตัวเองเสียเก๋ว่า ‘ขับเคลื่อนการปฏิรูป’ กลับเอามาใช้กันอย่างลืมตัว