ผมอ่านข่าวเรื่องที่ท่านนายกมอบหมายให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจงตอบโต้ถึงความแตกต่างของโครงการแทรกแซงยางพารากับโครงการรับจำนำข้าว แต่เหตุผลที่โฆษกฯ จำมาแถลงนั้นไม่ถูกต้องและมีความคลาดเคลื่อน ความจริงแล้วทั้งสองโครงการมีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยเหลือเกษตรกรเหมือนกัน แต่การดำเนินการที่ขาดความเข้าใจจึงทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างสองโครงการอย่างมีนัยสำคัญ คือ
1. โครงการรับจำนำข้าวเปลือกเป็นโครงการที่ถือเป็นนโยบายสาธารณะ ตามมาตรา 84 (8) ของรัฐธรรมนูญ 2550 ส่วนโครงการแทรกแซงยางพาราไม่มีรัฐธรรมนูญรองรับเพราะถูกท่านฉีกทิ้ง หากจะอ้างพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 ก็เป็นกฎหมายในระดับรองที่มีศักดิ์ศรีต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ
2. โครงการรับจำนำข้าวเปลือกเป็นการช่วยชาวนาที่ต้นน้ำ ชาวนาได้รับเงินที่โอนเข้าบัญชีโดยไม่มีการรั่วไหลกว่า 800,000 ล้านบาท ซึ่งท่านเองก็เคยจ่ายเงินให้ชาวนาด้วยวิธีเดียวกันหลังจากที่ยึดอำนาจ แต่การแทรกแซงยางพาราด้วยการรับซื้อยางแผ่นเป็นการช่วยนายทุนหรือพ่อค้า เนื่องจากชาวสวนยางขายน้ำยางเพราะไม่มีปัญญาไปซื้อเครื่องมือมารีดเป็นยางแผ่น ความแตกต่างคือนายกยิ่งลักษณ์รับจำนำจากชาวนาแต่ท่านซื้อจากนายทุน
3. ผลของการดำเนินนโยบายแทรกแซงที่ถูกต้อง ทำให้ราคาข้าวในสมัยนายกยิ่งลักษณ์สูงกว่ารัฐบาลนี้เกือบเท่าตัว ส่วนราคายางที่เคยต่ำสุดคือกิโลกรัมละ 80 บาท ส่วนสมัยนี้ 80 บาทซื้อได้ 4 กิโลกรัม ทำให้ชาวสวนยางทนไม่ไหวผูกคอตายไปก่อนหน้านี้แล้วหลายคน นอกจากนี้ในระหว่างเกือบ 3 ปีที่บริหารประเทศ เศรษฐกิจของรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีอัตราการเติบโตเกือบร้อยละ 20 หรือเติบโตกว่าร้อยละ 6 ต่อปี การส่งออก การบริโภคภายในและการลงทุนมีการขยายตัว รัฐจัดเก็บภาษีได้ตามเป้าหมาย ประชาชนมีเงินออมเพิ่มขึ้นและหนี้สาธารณะต่ำกว่าร้อยละ 50 ของจีดีพี ส่วนรัฐบาลนี้เศรษฐกิจขยายตัวต่ำสุดในภูมิภาค การส่งออกติดลบ การบริโภคภายในหดตัว การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศตกลงไปเกือบร้อยละ 80 นี่ก็คือความแตกต่าง
4. ส่วนที่บอกว่าโครงการรับจำนำข้าวมีการบริหารที่ทุจริตซึ่งรัฐบาลรู้แล้วไม่แก้ไข นั้น ท่านไม่ต้องกังวลเพราะเรื่องที่กำลังกล่าวหานั้น อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ศาลจะเป็นผู้ตัดสินไม่ใช่ท่านที่เป็นคู่กรณีเพราะยึดอำนาจมา
ท้ายสุดที่ท่านกำลังแสดงอาการประชดว่า นายกยิ่งลักษณ์กำลังแจกของศักดิ์สิทธิ์เป็นตะกรุด 3 ดอก แต่ไม่สามารถสู้กฎหมายได้ นั้น สิ่งที่ท่านนายกยิ่งลักษณ์แจกให้กับนักข่าวนั้นคือหวายที่ห่อหุ้มลูกนิมิตที่ท่านไปทำบุญมา โบราณถือว่าเป็นมงคล เห็นจะมีแต่นักโทษและผีเท่านั้นที่กลัวหวาย ส่วนคนดีไม่มีใครกลัวหวาย และที่บอกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถสู้กฎหมายได้นั้น ผมขอเรียนด้วยความภูมิใจว่าแม้นายกยิ่งลักษณ์จะเป็นหญิงและไม่เคยอวดอ้างว่าเป็นคนดีมีคุณธรรมอันสูงส่ง แต่ท่านก็เข้าสู่กระบวนยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองอย่างกล้าหาญ ไม่จำเป็นต้องใช้บริการของพวกเนติบริกรให้ชาวโลกกล่าวหาว่าขี้ขลาดหลบหนีการตรวจสอบ นี่คือความแตกต่างอีกอย่างหนึ่งครับ
วัฒนา เมืองสุข
22 มกราคม 2559
Watana Muangsook
|