ขุดนิยายแย้งยุค ‘ยายไฮ’ ทศวรรษที่แล้วฟื้นความหลัง ฝรั่งว่าเป็น ‘Narrative Sedition’ หรือเรื่องเล่าปลุกปั่นต่อเนื่อง
สศจ. แจกพีดีเอฟครบชุดทั้งซีรี่ส์ แบ่งเป็นสองภาค ตอนที่ ๑ ถึง ๑๖๙ กับตอนที่ ๑๗๐ ถึง ๑๙๙
https://www.facebook.com/notes/somsak-jeamteerasakul/ย้อนรอยวิกฤติ-10-ปี-นิยายในตำนาน-โรงงานปลากระป๋อง-หรือ-นิยายยายไฮ-แจก-pdf-รวมครบ/1035947026448526
SOMSAK JEAMTEERASAKUL•SATURDAY, JANUARY 30, 2016 เกริ่นว่า
“ตั้งแต่หลังรัฐประหารครั้งหลังมา ผมก็นึกถึงเป็นพักๆ ในแง่ที่ว่า แปลกใจเหมือนกันว่า คสช. ตามไล่ล่ากวาดจับแทบทุกกรณีที่เกี่ยวกับเรื่องหมิ่นฯ (คฑาวุธ, บรรพต และอีกหลายกรณี) แต่ไม่ยักมีข่าวการตามจับเรื่องนี้
หรือว่า (ก) คสช. ไม่รู้จัก (ข) รู้จัก แต่ตามล่าไม่ได้ หรือ (ค) เป็นไปตามที่มีการลือๆกันว่า คนเขียน ‘เส้นใหญ่’?”
จะอย่างไรก็ตามซีรี่ส์ ‘ยายไฮ’ หรือ ‘Hi s’ ที่ปรากฏทางเว็บบอร์ด ‘ฟ้าเดียวกัน’ และภายหลังเป็น ‘คนเหมือนกัน’ ตั้งแต่ช่วงปี ๒๕๕๒ ถึง ๒๕๕๖ ที่ สศจ. บอกว่า “เป็นกระทู้เว็บบอร์ดที่ยอดวิวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์”
และที่เรียกข้อเขียนเล่าความเป็นตอนๆ สืบเนื่องกัน กระชั้นบ้าง ทิ้งช่วงบ้าง รวมเวลาสามปีครึ่งนี้ว่า นิยาย เนื่องจากเป็น "กึ่งเรื่องจริง กึ่งเรื่องแต่ง คือคนเขียนเล่าในลักษณะใช้ ‘ชื่อปลอม’ เช่น ‘ลุง’ ‘ป้า’ ‘จ่า’ ‘เมพ’ฯลฯ แต่ทุกคนที่อ่านก็รู้ดีว่ากำลังพูดถึง” ใครกันบ้าง รวมทั้ง ‘ลูกจ้าง’ และ ‘ผู้จัดการคนก่อน’
นิยาย ‘ยายไฮ’ นี้ “เริ่มปรากฏครั้งแรกเมื่อวันที่ กันยายน 2552 เมื่อมีผู้ใช้ชื่อล็อคอินว่า ‘Hi s’ โพสต์กระทู้ทางบอร์ดฟ้าเดียวกันในชื่อกระทู้ว่า ‘รายงานความคืบหน้าอาการป่วยของ xxx’...
ตั้งแต่เดือนตุลาคม ผู้เขียนได้หันมาใช้ ‘ชื่อ’ แทนตัวอักษร เช่น ‘สมชาย’ (แทน xxx) หรือ ‘รัศมีจันทร์’ (ที่การโพสต์ในเดือนนั้นเกือบทั้งหมดเป็นการเล่าเรื่องของเธอ) หรือ ‘จูลี่’ (ซึ่งคนอ่านทุกคนคาดเดากันได้ว่าหมายถึงใคร)
- ลักษณะการสมมุติชื่อขึ้นมาแทนตัวคนจริงๆนี้ จะกลายเป็น ‘เสน่ห์’ สนุกๆของข้อเขียนนี้ คือบางครั้งที่มี ‘ตัวละคร’ เพิ่มขึ้นมา แล้วชื่อที่ตั้งไม่สามารถเห็นชัดทันทีว่าหมายถึงใคร ก็จะมีการเดา-ถามๆ กันว่า ผู้เขียนกำลังพูดถึงใคร
ปลายเดือนธันวาคม มีการกลับไปใช้คำ xxx อีกเป็นช่วงสั้นๆ (แทน ‘สมชาย’) แต่จากกลางเดือนมกราคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ก็หันไปใช้คำว่า ‘ลุง’ และคำนี้จะกลายเป็นคำเรียก…ประจำไปตลอดที่เหลือของนิยายนี้”
“ความดังของ ‘นิยายยายไฮ’ (นี่คือชื่อที่ชาวเว็บบอร์ดเริ่มหันมาเรียกกัน โดยเอามาจากชื่อล็อคอินคนเขียน ‘Hi s’) โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกของปี ๒๕๕๓ มีมากขนาดไหน นอกจากดูที่ยอดวิวและยอดผู้มาคอย ‘เฝ้ากระทู้’ ตามอ่านเป็นประวัติการณ์แล้ว ยังแสดงออกในที่ที่ไม่คาดคิดด้วย
วันที่ ๑๓ สิงหาคมปีนั้น ‘ปอง’ อัญชะลี ไพรีรัก ได้เขียนในคอลัมน์ ‘เด็ดดอกไม้รายทาง’ ของเธอใน นสพ.ผู้จัดการ โดยขึ้นหัวชื่อข้อเขียนในวันนั้นว่า ‘โรงงานปลากระป๋อง’” ดังตัวอย่าง
“ตัวละครในโรงงานปลากระป๋องจึงใช้เรื่องจริงปนข่าวลือและมีชื่อคนจริงๆ ยศถาบรรดาศักดิ์จริง ทุกคนล้วนเป็นคนในชนชั้นที่ผู้เขียนสาธยายว่า ‘ผู้ดีแแปดสาแหรก เก้าไม้คาน’
แต่ก็มีที่ตัวละครบางตัวใหญ่โตโอ่อ่ามากมาย จนต้องหยิบบุคคลิกมาผสมกับ ‘นามสัญลักษณ์’ ที่พยายามอธิบายความมีตัวตนเสียจนคนอ่านสามารถนึกไปได้ว่า เป็นคน...คนนั้นจริงๆ...
ความน่าสนุกของนวนิยายเรื่องนี้ อยู่ตรงที่ผู้เขียนตีแผ่ตัวละครทุกตัว ด้วยถ้อยคำเจ็บแสบ แดกดัน และฉีกหน้ากากให้คนอ่านเข้าถึงอารมณ์เกรี้ยกราด หงุดหงิด จิตริษยา ชิงดีชิงเด่น โป้ปดตลบตะแลง และอยากได้ใคร่ดี ... คนเหล่านี้ซุกซ่อน ‘ตัวตน’ ไว้ภายใต้หน้ากากแสนสวย สูงส่งของกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ผู้ดี’”
(บทความนี้ไม่สามารถเข้าถึงทางไซเบอร์ได้แล้ว แต่ไม่เร็วไปกว่า สศจ. ที่เก็บภาพเป็น hard copy ไว้ให้ชมกันเป็นขวัญตา)
ครั้งนั้นเป็นการบรรยายทีเมื่อ แอนดรูว์ ว้อคเกอร์ แห่งวารสารออนไลน์ ‘นิวแมนดาล่า’ นำไปตีแผ่บนเว็บไซ้ท์ http://asiapacific.anu.edu.au/…/seditious-tales-in-thailand/ เมื่อ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๔ ก็กล่าวถึงไว้คล้ายคลึงกัน
ปอง อัญชะลี กลับไปเขียนถึง ‘โรงงานปลากระป๋อง’ อีกครั้งในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ ซึ่ง สศจ. ตั้งข้อสังเกตุว่า “คราวนี้ชัดเจนว่าเธอรู้ตัวแล้วว่านิยายเรื่องนั้นพูดถึงใคร (บทความของเธอยังสามารถอ่านได้ออนไลน์ ที่นี่)”
บทความของ ‘E-Pong’ ชื่อที่คนเสื้อแดงเรียกเธอ คราวนี้ลงใน ‘แนวหน้า’ โดยโยงใยเข้ากับกรณี ‘คลิปถั่งเฉ้า’ ที่กำลังฮึกฮักในขณะนั้น ก็เลยพาดพิงไปถึงคนที่ภายหลังถูกเอามาล้อเลียนกันอย่างติดปากว่า ‘อะไรๆ ก็มาลงที่กรู’
คราวนี้อัญชะลีเขียนอย่างจงใจสุมไฟเผาฝ่ายการเมืองตรงข้าม “แก๊งเสื้อแดงใต้ดินฉบับล้มเจ้า เคยเขียนเรื่องโรงงานปลากระป๋องลงในเฟซบุ๊คเป็นตอนๆ หลายตอนจบ จบแล้วก็พิมพ์จำหน่ายจ่ายแจกกันในหมู่เสื้อแดงล้มเจ้าด้วยกันหนีบรักแเร้คนละชุดสองชุด
นวนิยายเรื่องโรงงานปลากระป๋องว่าด้วยเรื่องความแออัดยัดเยียดบนชั้น ๑๖ ศิริราช ที่เต็มไปด้วยผู้รับใช้ใกล้ชิดอันอุดมไปด้วยความอิจฉา ริษยา นินทาว่าร้ายซึ่งกันและกัน ผสมกับความคืบหน้าของพระอาการ
ผู้เขียนเหมือนนั่งอยู่บนชั้น ๑๖ รพ.ศิริราช เลยทีเดียว เพราะบรรยายถึงห้องหับ-คณะแพทย์–การใช้ยารักษาพระอาการ-ใครเข้า ใครออก ใครว่าใคร ใครร้าย ใครเลว และใครทรยศ” จริงไม่จริงอี๊ปองเธอว่าไม่ยั้ง
ดังมีคอมเม้นต์รายหนึ่งบนหน้าเฟชบุ๊คของ สศจ. เชื่อว่าต้องเป็นขาเก่ายายไฮ โพสต์ไว้ให้สำเหนียก
“จุดเสื่อมของ Hi s คือเรื่องที่บอกว่า ‘ป้า’ ป่วยจนไม่สามารถทำอะไร (ความหมายคือเป็นผัก) แต่แล้ววันนึง ‘ป้า’ ก็ปรากฏตัว พร้อมๆกับการจากหายไปของนักเขียนนิยายที่ชื่อว่า Hi s
ป.ล. จริงๆยังมีอีกหลายตอน ที่เรียกได้ว่า Hi s มั่วข้อมูล ทั้งๆที่มันก็เป็นการถ่ายทอดสด”
ถึงอย่างไร การนำซีรี่ส์ยายไฮมาเสนอในวาระครบรอบสิบปีโดย สศจ. นี้ ฟื้นความหลังอย่างรื่นเริงของบรรดาแฟนขลับที่เคยติดตามกระชั้นชิดกันชนิคตอนพี้คนับ ๓ ล้าน ได้ไม่เบาเลยเชียว
แต่กระนั้น นิยายก็คือนิยาย จะ based on true story หรือว่า adapted from true event ก็เป็นเรื่องราวที่สามารถติดกันงอมแงม และเป็น best seller ได้ และท้ายสุดอาจกลายเป็น classics ได้เสมอ
เราจึงนำตอนที่ ๑๙๗ เมื่อวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๖ มาให้อ่านกันเป็นกระสาย สำหรับผู้ที่ไม่เคยอ่านได้สัมผัสว่าซีรี่ส์นี้เด็ดจริงไหม
“การเปลี่ยนผ่านใกล้เข้ามาทุกขณะ
#35693 Posted 05 September 2012 - 04:53 PM
วันนี้จะขอรายงานความคืบหน้าอาการป่วยของลุงกันต่อหลังจากที่ไม่ได้รายงานมาหลายเดือน แต่ครั้งนี้จะขอรายงานอาการป่วยของป้าเพิ่มเติมด้วยอีกคน
อาการของลุงโดยสรุป ในการป่วยล่าสุดที่เริ่มทรุดลงในระยะเวลา 2 เดือนกว่าๆ ที่ผ่าน มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
เดิมที ลุงที่มีอาการของ Minor Stroke โดยที่ทราบกันดี และหลังจากนั้น ลุงก็มีอาการของ NPH (น้ำในโพรงสมองอุดตัน) และหมอได้ผ่าตัดวางท่อระบายน้ำไปแล้ว โดยที่ลุงมีอาการของโรคพาร์กินสัน (อาทิ นั่งตัวเอียง และเดินได้แค่ก้าวสั้นๆ)
ซึ่งภาวะทั้งสองนี้ ทีมอภิบาลลงความเห็นว่า มีโอกาสที่จะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของลุงมากที่สุด
ไม่นับโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน 3 เส้น (ลุงทำ Bypass แล้ว) โรคอัลไซเมอร์ โรคช่องกระดูกไขสันหลังตีบกดทับเส้นประสาท ที่อาการจะกำเริบได้ทุกเมื่อ
โดยโรคพาร์กินสัน ตอนนี้ลุงได้รับการรักษาโดยการทำกายภาพบำบัด ใช้ยา โดยกินประมาณ 3-4 อย่าง ร่วมกับการทำ DBS ( Deep Brain Stimulation ) ในส่วนของ DBS ลุงจะทำสัปดาห์ละสองครั้ง แต่การรักษาโรคพาร์กินสันของลุงด้วยวิธีการดังกล่าวกลับไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะอาการของโรคนับวันจะรุนแรงมากขึ้น ลุงเป็นชนิดที่ดื้อต่อการรักษา
หมอนิพนธ์ได้ให้การรักษาล่าสุดที่ใช้คือ การนำเซลล์จากสมองออกไปเพาะที่ห้องทดลอง เพื่อเพิ่มเซลล์สมอง และนำกลับกลับมาฉีดเข้าไปในสมองของลุง เพื่อหวังผลให้ลุงอาการดีขึ้น ถ้าจำกันได้จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ทางสภากาชาดจะขอให้ช่วยกันบริจาค Stem cell ให้เป็นกุศลให้ลุง ก็เพื่อที่ต้องการคัดเลือก Stem cell ที่ตรงและสามารถใช้ได้กับลุง
แต่ผลลัพธิ์ไม่เป็นเช่นนั้นเพราะลุงเกิดภาวะแทรกซ้อน หลังฉีดครั้งล่าสุด ลุงมีอาการเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง (subarachnoid hemorrhage SAH)
เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าลุงอายุมาก และมีภาวะสมองฝ่อ เลยทำให้ง่ายต่อการที่จะเลือดออกในสมอง
ภาวะ SAH นี้ ค่อนข้างอันตรายอยู่แล้ว แต่กับลุงที่มีโรคทางสมองเป็นพื้นฐานยิ่งทำให้ความเสียหายของสมองเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ช่วงแรกลุงมีอาการโคมา ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ แต่เกรงว่าจะดูไม่ดี ลุงจึงใช้มาร์สแทนในช่วงแรก หลังจากนั้นมีอาการปอดบวมแทรก แต่ปัจจุบันลุงไม่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ทำแบบนี้ทำให้สมองได้รับความเสียหายมาก
ปัจจุบันคาดการณ์ว่าสมองเหลือฟังชั่นได้เต็มที่ไม่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ โดยสมองความคุมความคิด และการทรงตัว จะได้รับผลกระทบมากที่สุด
ซึ่งหลังจากที่ลุงป่วย ถ้าเราจำไม่ผิดน่าจะเป็นช่วงต้นๆ ของเดือน กค. ครอบครัวของลุง ที่ป้า ต้องการ ให้ตั้ง Regent ขึ้นมา โดยเหตุผลที่ว่าลุงจะเป็นคนทุพลภาพ ที่คนที่จะชี้ขาดว่าลุงเป็นคนพิการ ก็คือนาย ป. และพวก
ซึ่งป้าต้องการเป็น Regent แต่เมพและ...ไม่เห็นด้วย เมพทะเลาะกับป้าอย่างหนักหน่วง (คนในชั้น 16 ที่คอยรับใช้เป็นพยานได้ดี เพราะเหตุการณ์วันนั้น มี มึง กู สัตว์เลื้อยคลานเต็มไปหมด) เพราะเมพคิดว่าการที่ป้าเป็น น่าจะก่อให้เกิดปัญหาตามมา
ในช่วงเวลานั้นจ่าทำพลาด ในเรื่องที่จ่ามีคำสั่งออกมาแล้วว่า โรงเรียนจ่าอากาศจะย้ายไปกองบิน บน. 4 ตาคลี และโรงเรียนนายเรืออากาศจะย้ายไปมวกเหล็ก
ในการนี้ ที่จ่าต้องการเอาที่ดินของทัพฟ้า โรงเรียนทั้งสอง ไปสร้างวังให้เมียน้อย ทำให้ทัพฟ้าไม่พอใจในตัวจ่า ทำให้จ่าอาจจะขาดแรงหนุนจากทัพฟ้าได้ง่ายๆ
ตอนนี้เอง เมพต้องการดึงกองทัพอากาศให้มาอยู่ในอำนาจของเมพแทนจ่า เพราะสีเขียวเมพได้ control เรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่ลุงป่วยหนักในครั้งนี้ ป้ามั่นใจในการขึ้นเป็น Regent แต่โชคชะตาก็ไม่ได้เข้าข้างป้า เพราะล่าสุด เมื่อเช้ามืดของวันที่ 21 กค. ระหว่างที่ป้ากำลังออกกำลังในสวนหย่อม
ป้าเกิดมีอาการ ล้มลงหมดสติ หมอรีบพาป้าเข้าอุโมงค์ ผล MRI ปรากฎว่า
เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองน้อยตีบ (Cerebellum Infarction ) สมองน้อยด้านขวาขาดเลือดขนาด 5 cm 86I คุณหัทยา นักกายภาพบำบัดจาก รพ. จุฬา ถูกเรียกเข้าพบเป็นการด่วน (ตอนนี้ใครรักษากับคุณหัทยาก็ต้องรอไปก่อน)
ความหวังในการเป็น Regent ของป้า ไกลห่างออกไป…เมพได้โอกาส เมพเรียกนาย ป. เข้าพบเป็นการด่วนของคืนถัดมา
จะขอกลับมา Update เหตุการร์ล่าสุดของลุง เราขอรอผลการทำ MRI ล่าสุดของป้าก่อน"