โดย ใจอึ๊งภากรณ์
“อั้ม เนโกะ” เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพที่กล้าหาญ เขาโดนพวกนักบริหารมหาวิทยาลัยรังแก เขาโดนคณะทหารเรียกเพื่อจำคุก และเขาโดนพวกล้าหลังในสื่อ ASTV ข่มขู่ว่าควรจะโดนข่มขืนในคุก
.
“มันแกว" เป็นักฉวยโอกาสที่ใช้ร่างตนเองเพื่อโฆษณาธุรกิจ แต่เขาอ้างว่าเขาเป็นสตรีที่ปลดแอกตนเอง เขาไม่มีจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน เขาไม่โดนทหารเรียกหรือรังแก และคงมีพวกทหาร คสช. หลายคนที่แอบไปชมภาพเขาในเฟสบุ๊ก
.
ทั้ง “อั้ม เนโกะ” และ “มันแกว" เป็นตัวอย่างของสองขั้วแนวคิดเกี่ยวกับสิทธิทางเพศ ขั้วหนึ่งก้าวหน้า อีกขั้วปฏิกิริยา ถ้าจะเข้าใจ เราต้องย้อนกลับไปดูการเปลี่ยนแปลงของแนวสิทธิสตรีในระดับสากล
.
เมื่อ 40 ปีก่อน ระดับการต่อสู้ทั่วโลกขึ้นสูง ซึ่งกระตุ้นการฟื้นฟูแนวคิดสิทธิสตรี ในยุคนั้นนักสิทธิสตรี ทั้งพวก“เฟมินิสต์” และพวกนักสังคมนิยม โดยเฉพาะในสังคมที่ก้าวหน้า มักร่วมกับผู้ชายและขบวนการสหภาพแรงงานในการต่อสู้ ในยุคนั้นมีการเน้นความเท่าเทียมในทุกแง่ รวมถึงสิทธิของสตรีในการเป็นผู้นำ และในการมีความสุขจากเพศสัมพันธ์ แทนที่จะรักนวลสงวนตัว
.
เฟมินิสต์ต่างกับนักสังคมนิยมในเรื่องที่มาของการกดขี่สตรี โดยที่เฟมินิสต์มองว่ามันมาจากระบบ “ชายเป็นใหญ่” และนักสังคมนิยมมองว่ามาจากสังคมชนชั้นที่พยายามแบ่งแยกเพศ เพื่อปกครองชนชั้นล่างทั้งชายและหญิง อย่างไรก็ตามทั้งสองกลุ่มจะร่วมมือกันอย่างดีในการต่อสู้อย่างเป็นรูปธรรม
.
แต่ความคิดเกี่ยวกับการปลดแอกมิได้ลอยอยู่เหนือสังคม ความคิดเปลี่ยนไปตามกระแสการต่อสู้และสภาพสังคม หลายคนที่เน้นแต่ “ปัญหาที่มาจากผู้ชาย” ถูกดึงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระแสหลัก ผู้หญิงส่วนน้อยมีโอกาสเป็นผู้นำและมีอาชีพสูง ตัวอย่างที่ดีในไทยคือการที่อดีตนายก ยิ่งลักษณ์ มีโอกาสเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้มีอำนาจ และกระแสการปลดแอกสตรีแบบเฟมินิสต์ในที่สุดไปประนีประนอมกับกระแสหลัก
.
พวกที่แยกตัวออกจากสังคมผู้หญิงส่วนใหญ่ เพื่อเน้นพัฒนาการแบบปัจเจก ไม่สนใจการที่สภาพชีวิตและการทำงานทั่วไปของผู้หญิงส่วนใหญ่ในโลกแย่ลง หญิงส่วนน้อยที่ไต่เต้าขึ้นไปข้างบนจะเริ่มโทษผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ “ไม่ขยันในการพัฒนาตนเอง” การถอยหลังเข้าคลองของแนว “หลังเฟมินิสต์” นี้ นำไปสู่การยกเลิกการวิเคราะห์เกี่ยวกับการกดขี่ทางเพศ มีการหันมาเน้นว่าผู้หญิงควร “รักความสวย” มีการถอยหลังมาแก้ตัวแทนการที่สังคมใช้ร่างกายผู้หญิงในการขายสินค้า และมีการโกหกว่าผู้หญิงเหล่านั้นปลดแอกตนเองเพราะกล้าโชว์ร่างเปลือย
.
นี่คือจุดยืนล้าหลัง แต่อ้างก้าวหน้า ของ “มันแกว" ผู้อวดว่าตัวเองมี “นมคุณธรรม” ในขณะที่ดูหมิ่นผู้หญิงที่ขายบริการทางเพศ “มันแกว" เป็นคนที่เข้ากับสังคมตอแหล
. แต่จุดยืนของ “อั้ม เนโกะ” เป็นจุดยืนที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เขาเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิทางเพศที่หลากหลาย นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และนักต่อสู้เพื่อสิทธิทำแท้งเสรี เขาอยากโค่นล้มสังคมตอแหล