ภาพจาก James Walsky |
http://www.youtube.com/watch?v=UuRGJszXKLM&feature=youtu.be
เรื่องเกี่ยวข้อง...
ฟังชัดๆ เมื่อ นักข่าวไทย เรียก ยิ่งลักษณ์ ว่า ท่านนายกฯ ?(ชมคลิปข่าว)
ที่มา มติชนออนไลน์
วันนี้ 18 กรกฎาคม นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวที่โรงแรมเอสซีปาร์ค หลังจากเมื่อวานนี้ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดโครงการรับจำนำข้าว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1
ทันทีที่ อดีตนายกฯเดินทางมาถึงโรงแรมเอสซีปาร์ค
นักข่าวทั้งไทยและเทศ ได้กรูเข้าไปสัมภาษณ์ อดีตนายกฯอย่างชุลมุน
คำถามคือ ท่านนายกฯ ไม่หนี คดี ใช่ไหม คะ
ท่านนายกฯจะสู้คดี ไหม คะ
อดีตนายกฯ ปฎิเสธที่จะตอบคำถาม และเดินไปสู่ห้องแถลงข่าว
ทำไม นักข่าวไทยเรียก ยิ่งลักษณ์ ว่า ท่านนายกฯ
ทำไม ไม่เรียกว่า คุณยิ่งลักษณ์ แบบนักข่าวต่างประเทศ
นักข่าวอาวุโส อธิบายว่า เป็นการให้เกียรติ ของนักข่าวไทยที่มัก เรียกตำแหน่งสูงสุด
เช่น ท่านนายกฯ สุรยุทธ์ ท่านนายกฯ สมชาย ท่านนายกฯ สมัคร
หรือ กรณีนายบรรหาร ศิลปอาชา หลังพ้นวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้วหลายปี
นายบรรหาร ก็ยังขอให้นักข่าวเรียกตัวเองว่า นายกรัฐมนตรีคนที่ 21
ooo
ยิ่งลักษณ์แถลงโต้ กรณีจำนำข้าว สงสัยเป็นไปตามหลักยุติธรรมสากลหรือเปล่า
ยิ่งลักษณ์แถลงกรณีถูกชี้มูลความผิดโครงการรับจำนำข้าว ถามกระบวนการยุติธรรมเป็นไปตามหลักนิติธรรมสากลหรือไม่ ตั้งข้อสังเกต รวบรัดเป็นพิเศษ ยันไม่หนีคดี
18 ก.ค. 2557 น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แถลงต่อสื่อมวลชนกรณีถูกชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 อันเนื่องมาจากโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวของรัฐ
โดยอดีตนายกรัฐมนตรีแถลงโดยมีรายละเอียดดังนี้
จากกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดดิฉันว่า กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว และการระบายข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมา ดิฉันนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขอเรียนว่า
1.กระบวนการยุติธรรมนั้นเป็นไปตามหลักนิติธรรมสากลหรือไม่ เพราะมองว่าเป็นการพิจารณาที่ เร่งรีบ รวบรัด โดยแจ้งข้อกล่าวใช้เวลาเพียง แค่ 21 วัน และหลังจากนั้นก็ชี้มูลความผิดอาญาต่อดิฉัน ภายใน 140 วันซึ่ง ป.ป.ช.ไม่เคยปฏิบัติกับคดีอื่น ๆที่ดำเนินการกับนักการเมืองเช่นเดียวกับการปฏิบัติต่อดิฉัน เมื่อเทียบเคียงกับการดำเนินคดีกับการโครงการประกันราคาข้าว ที่ ป.ป.ช.ใช้เวลาในการดำเนินการนานไม่น้อยกว่า 4 ปี คดี ปรส ที่ล่าช้า . โครงการทุจริตโรงพักทั่วประเทศ ป.ป.ช. กลับไม่มีความคืบหน้า อันถือว่ามิได้มีบรรทัดฐานอย่างเดียวกัน
2. นอกจากนี้ ในการปฏิบัติ ของ ป.ป.ช. เมื่อเทียบกับคดีอื่น ๆ เห็นว่า คดีนี้มีพฤติการณ์ รวบรัด เป็นกรณีพิเศษดังนี้
- เลือกรับฟังพยานที่เป็นปฏิปักษ์ต่อตัวดิฉัน
- ตัดสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ในการเสนอพยานบุคคลที่เป็นส่วนสาระสำคัญ
- ไม่รอผลการพิสูจน์เรื่องสต็อกข้าวให้เป็นที่สิ้นสุด เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเรื่องสต็อกข้าว ทั้ง ๆที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ไปร่วมสังเกตการณ์แล้ว
- ไม่ไต่สวนในข้อเท็จจริง กรณีการลงบันทึกบัญชีที่ข้อขัดแย้งและแตกต่างกันของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี และ คณะกรรมการ กขช.ให้เป็นที่สิ้นสุด
- กรณีไม่พิจารณาการที่ดิฉันคัดค้าน นาย วิชา รวม 3 ครั้ง
3.นโยบาย รับจำนำข้าว เป็นนโยบายระดับประเทศ นายกรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายบริหาร เป็นเพียงผู้กำกับดูแลเท่านั้น ส่วนในระดับปฏิบัติการนั้นเป็นการทำงานของหน่วยงานต่างๆหลายหน่วยงาน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมีขั้นตอนและกระบวนการตรวจสอบที่ชัดเจน แต่ในข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. กลับฟังความข้างเดียว ในขณะที่ความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเห็นไม่ตรงกันในข้อเท็จจริง
4. นอกจากนี้การแถลงข่าวของ ป.ป.ช.ต่อสาธารณะที่ผ่านมา ยืนยันว่า คดีในเรื่องระบายข้าวไม่เกี่ยวข้องกับดิฉัน ทำให้ไม่ได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวมาต่อสู้ และหักล้าง แต่ในข้อวินิจฉัยในการชี้มูลกลับนำ ข้อเท็จจริงในคดีระบายข้าวมาชี้มูลความผิดกับดิฉันด้วย
5. ที่ผ่านมาดิฉันพยายามชี้แจงและร้องขอให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวน และสอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่งเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและเป็นธรรม แต่ ป.ป.ช. ปฏิเสธมาโดยตลอด ทั้งที่ข้อเท็จจริงอีกหลายเรื่อง เช่น ข้าวเสื่อมสภาพและข้าวหาย หน่วยงานที่ควบคุมดูแล สต็อกข้าว ทั้ง องค์การ คลังสินค้า อ.ค.ส. และ องค์การ ตลาดเพื่อเกษตรกร อ.ต.ก.ได้ทำสัญญาต่าง ๆ กับเจ้าของคลังสินค้า และบริษัทประกัน รับผิดชอบค่าเสียหาย หากเกิดกรณีข้าวสูญหาย และการเสื่อมสภาพข้าวที่ผิดปกติธรรมชาติ ดังนั้นการกล่าวอ้างเรื่องรัฐ มีความเสียหายจากข้าวหาย และข้าวเสื่อมคุณภาพ จึงเป็นการไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมต่อดิฉันในฐานะผู้ถูกกล่าวหา
6. ขอตั้งข้อสังเกตว่า การกล่าวหาและการไต่สวนของ ป.ป.ช. ได้นำพยานหลักฐานและไต่สวนพยานที่เป็นปฏิปักษ์ต่อดิฉันและเลือกที่จะรับฟังพยานหลักฐานหรือไม่ ในขณะที่ดิฉันได้พยามเสนอพยานหลักฐานต่าง ๆแต่ ป.ป.ช.กลับละเลย และปฏิเสธที่จะไต่สวนและตรวจสอบข้อเท็จจริง
7. ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ดิฉันจะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อที่จะหนีคดีต่างๆนั้น ขอยืนยันว่า การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางส่วนตัว และมีกำหนดการไปกลับที่ชัดเจนและมีการเตรียมการล่วงหน้า แล้วก่อนที่ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดอย่างเร่งด่วน
วันนี้ดิฉันเป็นราษฎรเต็มขั้นแล้วควรจะมีสิทธิเสรีภาพเยี่ยงประชาชนคนไทยทั่วไป ขอยืนยันว่า จะไม่ทิ้งพี่น้องประชาชนคนไทย และพร้อมจะกลับมาสู่ประเทศไทย
ที่มา ประชาไท