แปลจากบทความ “Thai Opposition Regroup Abroad In Bid To Regain Power” ของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชี่ยล ไทมส์
ที่มา Asia Provocateur
โดย จักรภพ เพ็ญแข
ขบวนต่อต้านรัฐประหารไทยรวมตัวในต่างประเทศเพื่อช่วงชิงอำนาจคืน
ฝ่ายต่อต้านรัฐประหารของไทย ซึ่งแตกกระจายและลดบทบาทลงไปหลังการยึดอำนาจของกองทัพเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อันเป็นการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของ นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร และส่งผลให้ผู้นำ “เสื้อแดง” จำนวนหนึ่งต้องหลบหรีออกนอกประเทศนั้น
นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีและแกนนำที่โดดเด่นคนหนึ่งของขบวนการต่อต้านรัฐประหาร ได้ให้สัมภาษณ์จากต่างประเทศว่า บุคคลและกลุ่มต่างๆ ที่มีแนวคิดต่อต้านระบอบทหาร กำลังดำเนินการจัดตั้งองค์กรขับเคลื่อนขบวนการต่อต้านในประเทศตะวันตกประเทศหนึ่ง ที่ยังไม่อาจเปิดเผยชื่อได้ เพื่อจะประกาศแผนต่อต้านระบอบทหารไทย (roadmap) อย่างมีขั้นตอน
ระบอบทหารไทยที่นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ใช้กำลังปราบปรามมวลชนซึ่งเป็นผู้สนับสนุนของฝ่ายเสื้อแดง รวมทั้งจับกุมคุมขังผู้คนเป็นจำนวนมาก และขู่บังคับให้แกนนำของฝ่ายประชาธิปไตยจำนวนมากลงนามในเอกสารว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก การรวมตัวของคนเกิน ๕ คนกลายเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและจะถูก “สลาย” ในทันที
นางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ผู้ถูกกล่าวหาจากคณะตุลาการรัฐธรรมนูญว่า ใช้อำนาจในทางที่ผิดในโครงการรับจำนำข้าว กำลังต่อสู้อย่างหนัก เมื่อวันศุกร์ผ่านมาเธอได้ปรากฎตัวให้สัมภาษณ์อย่างเปิดเผยถึงความไม่เป็นธรรมในคดีนี้
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยเป็นจำนวนมาก ได้หลบหนีไปยังต่างประเทศทั้งในยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และกัมพูชา อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นพี่ชายของ นางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ได้เดินทางออกจากประเทศไทยหลังการรัฐประหารเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๙ ขณะนี้พำนักอยู่ที่นครดูไบ และใช้เวลาในยุโรปหลายประเทศ รวมทั้งในอังกฤษ
นายจักรภพฯ ผู้ขอมิให้เราเปิดเผยสถานที่สัมภาษณ์ เปิดเผยว่า ฝ่ายต่อต้านรัฐประหารแบ่งออกเป็น ๒ กลุ่มระหว่างผู้ที่มุ่งมั่นเดินหน้าต่อสู้ต่อไปและกลุ่มที่ทดท้อเสียกำลังใจ เขากล่าวด้วยว่าองค์กรเสรีไทยฯ ซึ่งเขาร่วมจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน จะเป็นองค์กรรณรงค์ต่อต้านในเรืองนี้ ร่วมกับชาวไทยทั้งในและต่างประเทศ อย่างในสหรัฐฯ ที่มีชาวไทยอาศัยอยู่นับแสนคน ตามจุดยืนเพื่อประชาธิปไตย
องค์กรเสรีไทยฯ จะเคลื่อนไหวให้ประเทศต่างๆ ใช้แทรกแซงและกดดันทางเศรษฐกิจเพื่อกดดันระบอบทหารในเมืองไทย ในฐานะส่วนหนึ่งของมาตรการต่อต้านทั้งหมด นายจักรภพฯ กล่าวด้วยว่า “เราต้องรวบรวมแรงสนับสนุนภายนอก... เพื่อสานต่อการปฏิวัติที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์” เขาหมายถึงว่าการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองสยาม พ.ศ.๒๔๗๕ มาเป็นระบอบกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ ยังคงไม่สำเร็จ และมีการรัฐประหารโค่ล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนับสิบครั้ง
นายจักรภพฯ กล่าวเสริมว่า “การปฏิรูปประเทศไทยจำต้องเกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์” คำวิจารณ์ของนายจักรภพฯ ในห้วงที่ผ่านมา ทำให้เขาถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จนอาจถูกจำคุกได้ถึง ๑๕ ปี
“เลิกพูดได้แล้วว่า สถาบันกษัตริย์ไทยอยู่เหนือการเมือง” นายจักรภพฯ ชี้ถึงจุดยืนอย่างเป็นทางการในเมืองไทยเมื่อพูดถึงสถาบันกษัตริย์ ซึ่งมักจะถูกยกให้อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรุนแรงระหว่างชนชั้นนำไทยกับมวลชนที่เหลือของประเทศ ระบอบกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญจะต้องมีผลบังคับจริงในทางปฏิบัติ เพื่อให้สถาบันฯ ลงมาร่วมแก้ไขปัญหากับเพื่อนร่วมชาติ
นายจักรภพฯ เสริมว่า การยึดอำนาจครั้งนี้ อาจเป็นผลมาจากความตึงเครียดในเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์จากรัชกาลปัจจุบันซึ่งพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุถึง ๘๖ พรรษาแล้ว ผู้คุมกำลังบางส่วนในเมืองไทยได้แสดงท่าทีสนับสนุน สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ ทั้งๆ ที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงเป็น รัชทายาทอย่างเป็นทางการ นักวิเคราะห์ทางการเมืองหลายสายเชื่อกันว่ากองทัพไทยต้องการจะครอบครองอำนาจเป็นเวลายาวนานจนกระทั่งเวลาเปลี่ยนรัชกาลจะมาถึง
สุดท้าย นายจักรภพฯ กล่าวสรุปว่า วิกฤติการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะชนชั้นนำและอภิสิทธิ์ชนของไทยไม่ยินยอมแบ่งปันอำนาจและความมั่งคั่งของประเทศให้กับคนส่วนใหญ่ของประเทศ ชนชั้นนำจำนวนมากในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ๆ ดูถูกดูแคลนชาวชนบทไทยว่า “ด้อยกว่า โง่เขลา น่าหัวเราะเยาะ และไม่มีความสามารถพอที่จะร่วมบริหารประเทศไทยได้”.