วันอาทิตย์, กรกฎาคม 12, 2563

ไหวรึ "สูตร ศบค. แก้เศรษฐกิจ" บลูมเบิร์กบอกยังไงก็ยัง 'ฟื้นยากส์'


ไหนนะ ประยุทธ์บอกจะใช้สูตร ศบค. แก้เศรษฐกิจ “เพราะเห็นว่าการทำงานของ ศบค. ประสบความสำเร็จ” เนื่องจากใครๆ ก็ชมว่าไทยแก้ไขสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ได้เป็นเลิศ “จึงน่าจะมีศูนย์ในลักษณะนี้มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วย”

หลังจากที่เรียกประชุม มือฉมัง(สไตล์ คสช.) ทางเศรษฐกิจชุดใหญ่แทนการประชุม ครม. เพื่อให้มีทั้ง ว่าที่รัฐมนตรีอย่าง บิ๊กอายส์ และ บ๊ายบาย รัฐมนตรีอย่าง สี่กุมารมาร่วมกันพร้อมหน้าเมื่อวันก่อน แล้วได้ความว่า

“นายกฯ ขอให้ทีมกฎหมายไปดูในเชิงกฎหมายว่าจะตั้งมาเป็นในลักษณะใดได้บ้าง แต่ในเบื้องต้นจะทำงานคล้ายกับ ศบค. มีการ รวมศูนย์เพื่อแก้ไขปัญหา” ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรใหม่ ในเมื่อไม่มีรายละเอียดอะไรออกมาสักอย่าง

จากปากของหนึ่งในกลุ่มรัฐมนตรีบ๊ายบาย กอบศักดิ์ ภูตระกูล ว่ามีข้อเสนอ “การช่วยเหลือ เอสเอ็มอี. ผ่านการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ หรือเพิ่มสภาพคล่องผ่านกองทุนต่างๆ...รวมทั้งการเงื่อนไขการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

โดยเปิดทางให้จัดซื้อจัดจ้างเอสเอ็มอีที่เสนอราคามาสูงกว่าหน่วยงานอื่นๆ ได้ประมาณ ๑๐%” อันประเด็นนี้อาจจะ นิวนอร์มอลสักหน่อยอย่างที่ตู่เค้าต้องการ แต่มันก็สุ่มเสี่ยงกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เหมือนอย่าง ซุ้มเทิดพระเกียรติ

ออกนอกลู่สักนิด ในเมื่อไอ้ซุ้มเหล่านี้เป็นวิพากษ์กันมากว่าทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ ทั้งส่วนท้องถิ่นและส่วนกลาง ในเมื่อพระองค์ท่านไม่ได้ทรงมีโอกาศทอดพระเนตรหรอก ก็ทรงประทับที่บาวาเรียกับซูอีสเกือบทั้งปี แค่ถึงพระกัณฑ์ก็งั้นๆ

ไม่ทราบว่าจะทรงสดับเรื่องที่ว่าซุ้มพวกนี้แพงกว่าที่ควร หูฉี่หรือเปล่า แต่ว่ามันดังถึงยุโรปและยูเอสเอเลยนะ ไหนจะราคาเป็นสิบล้าน ว่ากันว่าแค่ระดับหมื่นปลายๆ ก็สร้างได้แล้ว ยังกรณีสร้างไม่ดีพังลงมาก็หลายที่ บางแห่งถนนที่ซุ้มคล่อมดูไม่ได้เอาเลย

ล่าสุดเมื่อ July 9 at 5:00 AM พ่อไอ้ไผ่ ทนาย วิบูลย์ บุญภัทรรักษา โพสต์ว่า “เพื่อนทนายจากชุมแพส่งเข้าประกวด...ตั้งเด่นเป็นสง่าได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ ร่วงอีกแล้ว” ให้ “ช่วยกันเตือนให้ระวัง...งบมาก อันตรายสูง...และน่ามีการตรวจสอบกันบ้าง”

ศูนย์ขับเคลื่อน ประยุทธ์นิวนอร์มอลน่าจะเอาไปพิจารณา เพราะถ้าเศรษฐกิจละก็ต้องให้ครบกระบวน ทั้งหาเงินและประหยัดรายจ่าย ไม่ใช่เซ็นเช็คและกู้ตะบัน แล้วก็เลิกอ้างโน่นอ้างนี่เป็นข้อแก้ตัวเสียที “ตัวเลขที่เห็น ณ วันนี้ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกประเทศทั่วโลก”

อ้างไอเอ็มเอฟ “ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะติดลบ ๔.% จึงไม่แปลกใจว่าเศรษฐกิจในปีนี้ของทุกประเทศจะแย่ทั้งหมด โดยเฉพาะในไตรมาสที่ ๒ จะแย่ที่สุด” กอบศักดิ์แจงตัวเลขของประเทศไทย ส่งออกติดลบ ๒๒% อุตสาหกรรมติดลบ ๒๐%

“นักท่องเที่ยวต่างชาติเหลือ ๐ เช่นเดียวกับการบริโภคการลงทุนติดลบ ๑๐% ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ไม่เคยเห็นตัวเลขแบบนี้มาก่อน และเป็นตัวเลขที่ทำลายสถิติตั้งแต่ที่เคยมีมา” เฮ้ย พูดแบบนี้ ก๊อ รัฐมนตรีบ๊าบบายแน่นอน

 
ยังดีไม่ได้เอาข้อวิเคราะห์ของ บลูมเบิร์กมาบอกด้วย นั่นเขาอ้างความเห็น เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารโลก จากตัวเลขแบ๊งค์ชาติว่าค่า จีดีพีไทยปีนี้จะหดถึง ๘.๑% มากเป็นประวัติการณ์ ยิ่งกว่าตอนวิกฤตเศรษฐกิจปี ๔๐

ข้อสำคัญอยู่ที่จะฟื้นได้อย่างไร ตอนนี้ยังรอนักกฎหมายหาทางตั้ง ศูนย์ฯ ตามคำสั่งตู่ และฟื้นได้แค่ไหน ผลการวิเคราะห์ของบลูมเบิร์กบอกว่า เบาะๆ เศรษฐกิจโดยรวมน่าจะหดตัวราว ๖% พอถึงปีหน้าค่อยดีหน่อย หดแค่ ๔%

ในส่วนของการส่งออก ‘not too shabby’ แปลกใจไหงกอบศักดิ์ไม่ได้เอามาแจ้ง บลูมเบิร์กบอกปีนี้ไม่เลว เพราะมีปัจจัยพิเศษเข้ามาแทรก เนื่องจากช่วงล็อคดาวน์โควิดนั่นประชากรอดอยากปากแห้ง ก็เลยงัดเอาทองรูปพรรณที่นิยมสะสมออกมาขายกินกัน

ทองเป็น commodity ที่ไม่ก่อให้เกิดการผลิตและอุปโภคหมุนเวียน เหมือนกับทุนสำรองนั่นละ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผลจากการที่ประชากรขายทองเลี้ยงท้อง ทำให้ตัวเลขการส่งออกของไทยไม่แย่มาก ไปแย่ตรงเรื่องท่องเที่ยวที่กอบศักศักดิ์ว่าเป็นศูนย์

นักท่องเที่ยวเข้าไทยปีนี้จะอยู่ที่ ๘ ล้านคน หรือ ๑ ใน ๕ ของเมื่อปีที่แล้ว “ทั้งที่มีแผนจะรับนักท่องเที่ยวชนิด bubbles (แบบลอยข้ามปัญหาโควิดได้) สำหรับบางประเทศ และขยิกจะเปิดสนามบินรับต่างชาติให้เร็วที่สุด ก็ยากส์

ตอนนี้การท่องเที่ยวฯ พยายามเชียร์ท่องเที่ยวในประเทศและ เมืองรอง แต่บลูมเบิร์กบอกอีกว่า ไม่มีทางเอาคืนส่วนใหญ่ที่สูญเสียไปแล้วได้ นั่นหมายถึง ๑ ใน ๕ ของเศรษฐกิจประเทศอาจจะ ‘disappear’ (ขออนุญาตไม่แปลคำนี้ มันเศร้า)