วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 16, 2563

'ระยองซวย' ไม่เพียง 'ตื่นตูม' แต่มันมาพร้อมกับ 'ตื่นตัว' กับ "การใช้อำนาจสะเปะสะปะ อย่างไม่เห็นหัวประชาชน"


จากเหตุ “ระยองซวย!!” (ของจริงยาวกว่านี้) ทำให้เข้าใจแจ่มแล้วว่าทำไมไทยจึงรอดโควิดมาได้ดียิ่งถึงจุดนี้ เพราะคนส่วนใหญ่ระแวงระไวกันมาก ถึงขั้น ตื่นตูมเช่นที่เป็นตอนนี้ การล็อคดาวน์มีส่วนช่วยไม่น้อย แต่ถ้าประชาชนไม่ยี่หระ ก็มิคสัญญีอย่างที่เห็นในอเมริกา

ในอเมริกา โควิดกลับมาระลอกสองหนักกว่าเก่า นอกจากลอส แองเจลีส ซึ่งใช้มาตรการเข้มงวดกว่าเพื่อนก็ยังไม่รอด เนื่องจากคนออกไปฉลองเทศกาลกันใหญ่ ตั้งแต่ช่วงวันทหารผ่านศึกถึงวันชาติ หลังจากที่อึดอัดมานาน

แต่ในที่อื่นๆ ไม่ว่าฟลอริดา อริโซน่า เท็กซัส โอกลาโฮม่า ล้วนเป็นเพราะเชื่อผู้นำชาติบรรลัยทั้งนั้น มลรัฐเหล่านั้นและอีกหลายแห่งทาง มิดเวสต์ตะวันตกกลาง มีผู้ว่าการรัฐที่เห็นว่าความร้ายแรงของเชื้อโรคไม่เท่าไหร่ การตื่นตูมแย่กว่า

อย่างกรณีโอกลาโฮม่าที่ประธานาธิบดีทรั้มพ์ไปจัดชุมนุมการเมือง ‘rally’ ของพรรครีพับลิกันทั้งๆ ที่ฝ่ายสาธารณสุขท้องที่ทัดทานแล้วว่าอย่าเลย ผลที่สุดแม้จะมีคนไปไม่มาก แค่ระดับพัน เพียงอาทิตย์กว่าต่อมา พบว่าการติดเชื้อเพิ่มสูงปรี๊ด กระทั่งตัวผู้ว่าฯ เองขณะนี้ก็ติดเองแล้ว

ฉะนี้การที่คนระยองและจังหวัดอื่นๆ ซึ่งมีคนในพื้นที่ไปพักอยู่ที่นั่นในช่วงทหารอียิปต์ติดเชื้อไปเดินเพ่นพ่าน ร้องแรกแหกกระเฌอกันขรม น่าจะเป็นการตื่นตูมที่สมเหตุสมผลอยู่ ส่วนว่าตื่นแล้วทางการและหน่วยงานรัฐจัดการแก้ปัญหาอย่างไรอีกเรื่อง

โรงเรียนในระยอง ๒๗๔ แห่ง (ตัวเลขอัพเดทจาก Sa-nguan Khumrungroj) ถูกสั่งปิด สามเสนวิทยาลัยถูกสั่งปิดเพราะมีเด็กนักเรียนคนหนึ่งไปพักโรงเดียวกับทหารอียิปต์ บุรีรัมย์ก็ปิดโรงเรียนแห่งหนึ่งเช่นกันเพราะมีผู้ปกครองไปเยี่ยมเด็กที่ระยอง

พิษณุโลก โคราช ตั้งการ์ดคุมเข้มบุคคลเสี่ยง ถึงขั้นบอกว่าใครที่มาจากระยอง (และกรุงเทพฯ) ต้องกักตัว “ไม่มีวีไอพี” เหล่านี้หลายคนเห็นว่าเป็นการ ‘panic’ จนเกินเหตุ ทำให้เศรษฐกิจที่แย่อยู่แล้วจะยิ่งหนักหนาสากรรจ์ไปใหญ่

ใช่ละ อย่างระยองซึ่งเป็นจังหวัดเศรษฐกิจชั้นนำแห่งหนึ่งของไทย ทั้งด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม เวลานี้กำลังจะชงัก ปกติอาทิตย์หน้าจะคึกคักมีการจองสถานที่พักตากอากาศกันไว้เต็มเพียบ กลับถูกแจ้งยกเลิกกว่า ๙๐% เพราะความกลัวโควิด

โรคระบาดอย่างนี้กลัวไว้ก่อนน่ะดีกว่าทำเก่ง บ้างว่า “ถ้าไม่ตายเพราะโรคก็อดตาย” แน่นอน เสี่ยงกับโรคยังพอมีโอกาสรอด แต่ทำมาหากินไม่ขึ้นก็เหมือนทรมานไปจนกว่าจะตาย ไม่รู้นานเท่าไร แต่ว่าถ้าตายกันมากๆ แบบอเมริกา ก็ทำมาหากินยากเช่นกัน

ประเด็นอยู่ที่เมื่อโรคระบาดขนาดนี้ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบบริหารจัดการอย่างไร ฝ่ายแพทย์ย่อมแนะทางที่จะสงวนชีวิตมากที่สุด ฝ่ายบริหารก็ต้องฟังเขาแล้วเอามาปรับใช้โดยไม่ให้กระทบด้านใดด้านหนึ่งมาก ไม่ใช่สักแต่บอก “ก็ผมรับผิดชอบแล้วไง”

ในสหรัฐคนติดเชื้อ คนป่วย คนตาย มากกว่าระลอกแรกเป็นเท่าตัว เพราะทำเนียบขาวพยายามทัดทานฝ่ายแพทย์ อ้างว่าจำกัดจำเขี่ยมากไป ที่มหาวายร้ายก็ตรงดันไปเถียงหมอ เป็นแค่ประธานาธิบดีเสือกรู้ดีเรื่องโรคกว่าหมอ แล้วเวลาจะตายใครล่ะดูแลรักษา
 
นั่นคือการเอาปัจจัยการเมืองมาเป็นตัวตั้งในการบริหารจัดการโรคระบาด รัฐบาลประยุทธ์ (จันทร์อะไรนะ) ก็เช่นกัน ต่ออายุคำสั่งสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งที่จำนวนผู้ติดเชื้อเกือบศูนย์แล้วเป็นเดือน เสร็จแล้วไอ้อำนาจฉุกเฉินนี่ก็ใช้กับผู้เห็นต่างทางการเมืองทั้งนั้น

ที่ระยองนี่เองเห็นจะจะ เมื่อมีเสียงด่ารัฐบาลอย่างหนักว่าสั่งให้ประชาชนอย่าการ์ดตกทุกวี่ทุกวัน แต่เจ้าหน้าที่รัฐเองไม่ยอมยกการ์ดกับผู้ได้รับสิทธิพิเศษทางการทหารและการทูต เมื่อเกิดเรื่องผู้มีอภิสิทธิ์เป็นพิษ ก็โยนกลองกันเป็นว่าเล่น

จากกองทัพ ไปสาธารณสุข ไปสนามบินอู่ตะเภา ไปทัพอากาศ ไป ศบค. ไปถึงนายกฯ แล้วนายกฯ ก็โยนใส่สื่อ แค่ติงนะว่า “กระพือข่าวจนวุ่น...ก็ลดลงหน่อยซิถ้าคุณโหมกระพือกันอยู่แบบนี้ก็เกิดกันแบบนี้ทุกที่” วาสนา นาน่วม จับคำได้พอดี

‘I-5’ สิทั่น รีบลงไประยอง ทำ มีนิฮ้าร์ทวุ้ยมีพวกเจ๊พวกอี๊ไปกรี๊ดกันใหญ่ ไปถามแม่ค้าข้าวแกงในตลาดขายดีมั้ย ป้าแกพาซื่อว่าขายไม่ดีเพราะนายกฯ มาเขาปิดตลาด ตู่ให้ไปพันนึงบอกเหมาเข่ง แม่ค้าดีใจ เป็นข่าวใหญ่ให้วาสนาเอามาเล่น

หลังฉากที่จัดปรากฏนักกิจกรรมประชาธิปไตยของท้องที่สองคนไปยกป้ายคำว่า การ์ดอย่าตกพ่องง และ อยู่ต่อก็ฉิบหายออกไปไอ้สัสโดนตำรวจโดดล็อคคอยัดใส่รถเอาไปควบคุมที่สนามยิงปืนของหน่วยปฏิบัติการพิเศษอยู่หลายชั่วโมง
 
ภายหลังปล่อยตัวหนุ่มทั้งสองพร้อมหลายข้อหา “ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ และหลบหนีการจับกุม” อันนี้ต้องยกป้ายใหม่ หลบหนีพ่องเข้าไปกลุ้มรุมจับตัวเขามีคลิปฟ้องเห็นๆ ยังมั่วตั้งข้อหาซะงั้น ไม่ตรงตามหลักการและกฎหมายแม้แต่น้อย

Watana Muangsook ชี้ “ป้ายดังกล่าวถือเป็นเสรีภาพในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๓๔ ถ้อยคำที่ปรากฏในป้ายทั้งสองไม่เป็นความผิดต่อกฎหมายอาญา” และ Piyabutr Saengkanokkul ว่าการจับกุม “ไม่มีกฎหมายให้อำนาจกระทำ

ต่อให้ไปควานหากฎหมายมาอ้าง ก็เอากฎหมายนั้นมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ ใช้อย่างบิดผัน เพื่อจำกัดการแสดงออก (อีกทั้ง) ใช้อำนาจไปโดยเกินกว่าเหตุ ไม่ได้สัดส่วน” นี่แหละเหตุการณ์ระยอง ตื่นตูมก็ส่วนหนึ่ง มันมาพร้อมกับการ ตื่นตัว

ที่การสืบทอดอำนาจรัฐประหาร ทำให้เกิดการใช้อำนาจสะเปะสะปะ อย่างไม่เห็นหัวประชาชน หากไม่ใช่การแสดงออกว่ารัก ชอบ ชื่นชมและเอ็นดู ไอตู๊บ