“สำคัญที่ตัวเลขตกงานสุดท้าย”
["เวิลด์แบงก์" คาดพิษโควิดฉุดจีดีพีไทยปีนี้ติดลบไม่ต่ำกว่า 5% ชี้ตกงานกว่า 8.3 ล้านคน แนะอุดหนุนกลุ่มเปราะบาง เน้นฝึกอบรม เพื่อสร้างโอกาสหารายได้
ขณะที่ “ธปท.” ระบุไตรมาส 2/2563 ทรุดหนัก ผ่านจุดนี้ไปเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น อานิสงส์มาตรการคลายล็อค หนุนคนเริ่มใช้จ่าย ท่องเที่ยวเริ่มขยับ]
ถ้าวิเคราะห์เฉพาะผลต่อเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด จะคาดการณ์ตัวเลขจีดีพีต่ำสุดไตรมาสสอง เนื่องจากรัฐบาลล็อคดาวน์ และจะฟื้นขึ้นในไตรมาสสามและสี่ จากการคลายล็อค
รวมทั้งจะฟื้นเต็มที่ปีหน้าเป็นต้นไป!
ถ้าวิเคราะห์แต่เพียงเท่านี้ ก็จะต้องเจาะลึกว่า การใช้จ่ายและการท่องเที่ยวจะกลับมาเท่าไร
หลังคลายล็อค ถ้าไปต่างจังหวัด จะพบว่าช่วงสุดสัปดาห์ โรงแรมเต็ม เป็นเพราะคนมีเงินไม่สามารถไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ไม่มีธุรกิจต่อเนื่องตลอดสัปดาห์เหมือนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ส่วนการใช้จ่ายของประชาชนนั้น ส่วนหนึ่งชะลอเพราะคนออมเงินเผื่อฉุกเฉินมากกว่าเดิม และอีกส่วนหนึ่ง พรก.ฉุกเฉินไม่ได้ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจที่จะกลับไปใช้เงินเหมือนเดิม
แต่ทุกองค์กร ไม่ว่า ธปท. ไอเอ็มเอฟ เวิลด์แบงก์ ไม่มีใครแตะถึงฟองสบู่หนี้ภาคเอกชนที่กำลังจะแตกเลย ซึ่งจะทำให้ความหวังจีดีพีไตรมาสสามและสี่ปีนี้ ที่หวังจะฟื้นขึ้นเป็นบวก พร้อมกับปีหน้า ความหวังนี้อาจจะวืด
ฟองสบู่หนี้เอกชนจะทำให้ตัวเลขคนตกงาน เปลี่ยนจากชั่วคราวระหว่างล็อคดาวน์ กลายเป็นถาวร ซึ่งจะก่อปัญหาสังคมและการเมืองอย่างมากมาย
ดังนั้น ตัวเลขที่จะต้องติดตามนั้น ก็คือตัวเลขตกงานแบบถาวร ซึ่งจะปรากฏชัดขึ้นในไตรมาสสามและสี่เท่านั้น
วันที่ 1 กรกฎาคม 2563
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
Facebook Thirachai Phuvanatnaranubala
(เครดิตภาพตามแหล่งที่แสดงชื่อ)
หมายเหตุ: การกล่าวถึงชื่อบุคคลใดมิใช่เป็นการกล่าวหากระทำความผิด แต่เป็นเพื่อประกอบการบรรยายทางวิชาการเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
https://www.thaipost.net/main/detail/70185