“คนเดเดี๋ยวนี้เค้าจะเอาแต่ด่าๆ
ๆ กันให้สนุกปากเฉยๆ ไม่ได้มีข้อมูลอะไรล่ะ ด่าคือไม่ได้ด่าประยุทธ์ แต่ด่าทหารทั้งหมด”
เป็นข้อความตอบโต้รายหนึ่งในโพสต์ของ ‘ทนายน้อย’ เรื่องกองทัพซื้อกระสุนนัดละกว่าแสนบาท
“สงสารทหารแบบพวกผมเถอะไม่ได้มีส่วนอะไรแต่โดนเหมารวม
แต่กะราคาของนี้ถือว่ามันก็สมกะราคาของกระสุนแหละ
เพราะแต่ล่ะรุ่นที่เลือกมาคือเกือบๆ จะท้อปทั่งนั้น” อีกหลายคนให้รายละเอียดเรื่อง
‘กระสุน’
ดังกล่าวว่าที่จริงเป็นจรวดที่ใช้กับปืนบาซูก้าประทับไหล่
เอาให้เจาะจงก็คงเป็น “ระเบิดต่อต้านรถถัง
(High Explosive Anti-Tank หรือ HEAT)” ชนิด ‘Carl Gustaf’ ขนาด ๘๔ มิลลิเมตร ซึ่งสนนราคาปกติก็ลูกละ
๔,๑๐๐ เหรียญสหรัฐ (มากน้อยกว่านี้แล้วแต่ของใครผลิตและ ‘ดีล’ ในซื้อเป็นอย่างไร)
“กระสุนปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลังแบบ
Carl Gustaf M3 ขนาด 84 มิลลิเมตร
ซึ่งเป็นกระสุนต่อสู้รถถังราคาไม่ใช่ถูกๆ นะครับ ไม่ใช่กระสุนธรรมดา” อีกคนว่า “น่าจะเป็นการจัดซื้อเข้าคลังตามปกติ
เพราะกองทัพมีฝึกใช้กระสุนจริงทุกปี”
ที่ดูเหมือนราคาที่กองทัพจัดซื้อจำนวน
๕๐๐ ลูก ๕๗ ล้าน ๔ แสนกว่า “แล้วก็สมเหตุสมผลอยู่”
ดังที่ผู้ร่วมสนทนาอีกรายอ้างอิง “ผมบอกเลยว่าราคาปกติ
แต่ซื้อมาทำเหี้ยไรเวลาแบบนี้นี่แหละ” เป็นประเด็นที่ ‘ข่าวสด’ เอาไปเสนอเป็นข่าว
แต่ ‘ผู้รู้’
รายหนึ่งตอบข้อข้องใจเรื่องอายุการเก็บไว้ในคลังแสง “กว่าจะหมดอายุใช้เวลานานพอสมควรครับ
ถ้าหมดอายุก็ต้องนำไปทำลายทิ้ง...การนำไปใช้ก็มีครับเพราะปีๆ นึงมีการฝึกการซ้อมต่างๆ
ก็เยอะ ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็การฝึก Cobra Gold” ก็ใช้
เขาอ้างเหตุจำเป็นด้วยว่า “ถ้าสมมุติว่าไม่ให้ซื้อยังจะให้ใช้กระสุนเก่าไว้เวลาจะใช้งานโอกาสที่จะระเบิดคาลำกล้องก็มีสูงครับ
โชคดีหน่อยก็แค่ยิงไม่ออกกับกระสุนขัดลำ ถ้าลองตามข่าวกองทัพของตปท.
รอบๆบ้านเราเนี้ยเค้าจัดซื้อหนักกว่าเราอีกน่ะครับ”
ก็ยังมีหลายคนยังไม่เห็นความจำเป็นเหนือกว่าการช่วยเหลือชาวบ้านที่ทำมาหากินลำบากมา
๕-๖ ปีแล้ว ยังต้องมาหยุดชะงักเพราะ ‘ล็อคดาวน์’
โควิด-๑๙ ขณะนี้ “แค่อยากรู้ตรงนื้จะเอามารบกับใคร”
ก็เลยโดนสั่งสอนว่า “คนเราฉีดวัคซีนทำไมครับ
“เพื่อให้มีภูมิต้านทานในสิ่งต่าง
ๆ ใช่ไหม ถ้าศัตรูภายนอกเห็นว่าเราอ่อนแอ มันจะบุกโจมตีไหม ถ้ามันเห็นว่าเราแข็งแกร่งมันจะมาหรือเปล่า”
อันนี้น่าจะใช้ตรรกะผิดผีผิดไข้ล่ะนะ
คือศัตรูภายนอกมันไม่ได้จ้องว่าเมื่อไรคุณจะอ่อนแอแล้วตี
การศึกสงครามแบบที่ต้องใช้อาวุธชนิด
‘อาร์พีจี’ อย่างนี้มันเกิดเพราะเรื่องอื่น เขาโกรธจัดเพราะมีการกระทบกระทั่งหรือแย่งชิงผลประโยชน์กัน
ใช่อยู่
ก่อนจะรบต้องดูตาม้าตาเรือว่าจะได้เปรียบและเพลี่ยงพล้ำมากน้อยกว่ากันแค่ไหน
หากแต่ในยามสถานการณ์ขัดแย้งไม่มี
มีแต่จะร่วมมือกันต่อกรกับโรคระบาดร้ายทั่วโลก จะขนซื้อจรวดไว้รออวดวันเด็กคราวหน้าหรือไร
ตอนที่เอาออกมาโชว์ไม่ต้องยิงให้ดูไม่ใช่หรือ
ไม่ต้องกลัวกระสุนขัดลำกล้องใช้ของเก่าได้นะ
หรือจะเป็นเพราะวิเทโสบายแยบยลของทั่นผู้บัญชาการ
อย่างเช่นที่ ‘บีอาร์เอ็น’
ขบวนการแยกดินแดนภาคใต้มันบ่นว่าช่วงโควิด-๑๙ นี่อุตส่าห์ ‘พักรบ’ เพื่อให้ประชาชนได้หายใจ ไม่มีก่อการร้าย
แต่กองทัพไทยก็ยังตอดตีอยู่ไม่ขาด
ความหมายของพวกนั้นอาจจะว่า
เฮ้ย กรูจะกลับมาก่อกวนหนักอีกละนะ พวก บก.ส่วนหน้าคงเฮ สายธารแห่งอาวุธ กระสุน
และเบี้ยเลี้ยงไม่มีขาดแคลนใช่ไหม แน่นอนว่าชาวบ้านสามจังหวัดได้ร้องไห้กันต่อไป
ใช่หรือไม่
ที่แท้ทรูเวลานี้อยู่ที่
กองทัพถลุงไปแล้วเท่าไหร่ตลอด ๕-๖ ปี กลัวน้อยหน้าเพื่อนบ้านบ้างละ
สต็อกเก่าต้องสับเปลี่ยน แล้วหลายครั้งหลายอย่างซื้อราคาแพงกว่าควร
(เพราะต้องท้อปแบบที่รายหนึ่งว่า) นั่นละที่ประชากรซึ่งไม่ใช่กำลังพลเขากังขา
คำถามที่ว่า “จะไปรบกับใคร”
จึงกินใจ ว่าแม้จะสร้างสมอย่างไรถึงเวลามีสงครามจริง
มันย่อมจะอยู่ในพิกัดเกินกว่าอาวุธเหล่านี้จะได้ใช้อย่างมีประสิทธิผลถึงใจอยู่แล้ว
แล้วยังกำลังพลสร้างสมทำไรมากมาย เคยอ่าน กานดา นาคน้อย ที่มติชนกันไหม
“นายพลไทยมากกว่าอเมริกาเสียอีก”
เอาไว้ตีกอล์ฟ คุมอาบอบนวด คุมวินมอ’ไซค์
คุมสถานีวิทยุ-โทรทัศน์ (เฉพาะตัวนาย) คุมกองสลากฯ รับจัดอีเว้นต์ ตอนนี้มี
กอ.รมน.เป็นพ่องทุกหน่วยราชการทั่วประเทศแทน คสช. ไหนใครนะบอกว่า คสช.เลิกแล้ว
คำขวัญของเผด็จการ “แม้หวังตั้งสงบ
จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ” ใช้ไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะหลังจากโควิดเพลามือ คราวนี้ต้อง ‘ฟื้นฟู’ จริงจังเรื่องปากท้องของบรรดาประชากรที่เป็นแรงงาน
ไว้ผลักดันประเทศชาติไปสู่การมีกินมีใช้
อย่าได้เอาตรรกะแบบ ‘กำลังพล’ มาใช้ ‘นายว่าขี้ข้าพลอย’ มันยิ่งกว่า ‘สลิ่ม’ ที่ดีแต่แถแค่จะเอาเปรียบ