ถึงคุณดา
คุณดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอปิโด ในวัย 62 ปี ได้ถึงแก่กรรมแล้วในวันนี้ หลังจากที่ป่วยไข้เรื้อรังมาตลอดหลังจากที่รัฐไทยนำเธอไปขังไว้ อ้างคำพิพากษาโทษที่ตัดสินจำคุกเธอเป็นเวลายาวนานถึง 15 ปี ถึงเธอจะได้ออกมาในปี พ.ศ. 2559 สุขภาพของคุณดาก็ย่ำแย่เต็มทีแล้วตั้งแต่ตอนนั้น
ผมจำได้ดีว่า คุณดาเป็นนักต่อสู้ที่เริ่มต้นอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ไม่ได้รวมกลุ่มกับใครอยู่หลายปี มองย้อนหลังไปยิ่งทำให้ผมเข้าใจและซึ้งใจในความกล้าหาญมั่นคงของคนๆ นี้ ยิ่งรู้ต่อมาว่าคุณดาเคยเป็นสื่อมวลชนอาชีพสังกัดค่ายใหญ่ ก็ยิ่งทึ่งและนับถือ เพราะคุณดาเป็นคนที่มีทางเลือกในชีวิต ไม่มาต่อสู้ให้ตัวเองต้องเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสก็ได้ ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องยึดกิจกรรมทางการเมืองเป็นอาชีพหรือเป็นหนทางสร้างสถานะให้กับตัวเองเลย คุณดาจึงเป็นวิญญาณการต่อสู้อันบริสุทธิ์ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ มาบัดนี้คุณดาได้ขยับเลื่อนขึ้นเป็นตำนานและเป็นแรงดลบันดาลใจให้กับนักต่อสู้อีกนับล้านที่จะปฏิบัติภารกิจต่อเนื่อง เรื่องของคุณดาจะเป็นที่เล่าขานกันเรื่อยไปโดยไม่มีใครลืม ชีวิตอันงดงามชีวิตนี้ถือเป็นชีวิตที่คุ้มค่าโดยแท้
ผมจึงขอแสดงคารวะต่อชีวิต การต่อสู้ และอุดมการณ์ของ คุณดา ตอปิโด มา ณ โอกาสนี้ครับ.
จักรภพ เพ็ญแข
7 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
...
...
ขอไว้อาลัย ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล (ดาตอร์ปิโด) นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและเพื่อสัจธรรม ขอให้ไปสู่สันติภพ พวกเราอยู่ข้างหลัง จักสืบทอดเจตนารมณ์ของคุณดาต่อไป
และขอไว้อาลัยอาจารย์อัษฎางค์ นักวิชาการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมายาวนาน
วันนี้ ฝ่ายประชาธิปไตยสูญเสียนักต่อสู้ที่ดีเด่น2 ท่าน
Jaran Ditapichai
...
ดา.....สู่อิสรภาพ ที่แท้จริง
ผมได้รู้จักและพบ ดา ครั้งแรก เมื่อ10ปีก่อน ที่เรือนจำทัณฑสถานหญิงคลองเปรม ด้วยการติดต่อของคุณปลา ประชาไท ด้วยเพราะ ดา มีปัญหาสุขภาพและอยากได้คำปรึกษา จากหมอเสื้อแดงสักคน
วันนั้น ในห้องเยี่ยมผู้ต้องขัง แม้จะเพิ่งพบเพิ่งรู้จักกัน แต่เราก็พูดคุยกันจนหมดเวลาเยี่ยม ดา มีปัญหาสุขภาพ เรื่องกระดูกข้อที่กรามอักเสบเรื้อรัง ทำให้มีข้อจำกัดในการอ้าปาก ส่งผลต่อการขบเคี้ยวอาหาร
หลังจากนั้น ผม ก็ได้วนเวียนไปเยี่ยมอีกหลายครั้ง และพยายามประสานงาน เรื่องการขออนุญาต นำตัว ดา ออกไปรักษากับแพทย์ ผู้ชำนาญการเฉพาะทาง เรื่อง ข้อต่อกรามติด ผ่านทาง หมอเสื้อแดงและเครือข่าย หลายช่องทาง แต่ไม่เป็นผล
การช่วยเหลือ ที่พวกเราทำกันได้ ก็คือการร่วมด้วยช่วยกัน ขอการสนับสนุนทางการเงิน จากพวกเราพี่น้องเสื้อแดง ทั้งในนามส่วนตัว และในนามกลุ่ม ทั้งในและต่างประเทศ ให้กับ ดา ส่งผ่านไปทางพี่ชาย
มาพบกันอีกครั้ง คือ สิงหาคม 2559 วันที่ ดา พ้นโทษออกมา ผมนัดกับพี่ชาย ดา ไปร่วม ต้อนรับ ดา....สู่อิสรภาพ หน้าเรือนจำ
และพบกันอีกครั้ง เมื่อ ผมและ ดา กับพวกรวม 50คน ตกเป็นจำเลยร่วมคดีเดียวกัน คือ คดีฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ไปร่วมชุมนุมเรียกร้องการเลือกตั้ง ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561
ครั้งหลังๆที่เจอ คือเมื่อต้องไปศาล คดีที่ว่า ก็มีแต่ปรับทุกข์ กันบ้าง ทราบว่า ดา เอง ก็โดนคดีเพิ่มที่พัทยาด้วย ได้แค่คุยว่า อยากให้เก็บเนื้อเก็บตัว อย่าเสี่ยงมากไป พราะ ยังไงๆ ชื่อ ดา ก็เป็นหนึ่งในบัญชีที่ฝ่ายความมั่นคงคอยสอดส่องอยู่
ผมมาทราบเรื่องดา ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม จากพวกเราเสื้อแดง และทราบมาว่า มีพีน้องเสื้อแดง น้ำใจงดงามหลายท่าน ที่ร่วมเป็นธุระ เอาใจใส่ ดูแลเรื่องการส่งตัวไปรักษา ค่าใช้จ่ายต่างๆ ตัว ดา เอง ก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย จะหาสินค้ามาขาย หารายได้เลี้ยงตัวเองตลอด
2สัปดาห์ก่อน ผม ได้ส่ง Line ทักทาย ดา ไป ด้วยเพราะทราบข่าวจากพี่เสื้อแดงท่านหนึ่ง ถึงอาการป่วยที่ลุกลามมากขึ้น ในใจก็คิดว่า อาจเป็นครั้งท้ายๆ ที่จะได้คุยกัน แต่ไม่คิดว่า จะเป็นครั้งสุดท้าย
วันนี้ ดา หมดทุกข์ทรมาน และได้ เดินทางสู่ อิสรภาพที่แท้จริงแล้ว
ด้วยเจตนาที่ดี ความคิดและอุดมการณ์ประชาธิปไตยเพื่อส่วนรวม ของดา
ขอตั้งจิต อธิษฐานให้ ดวงวิญญาณของดา
ได้ไปสู่สุคติภพ ด้วยเทอญ
ส่วนพวกเรา ที่ยังอยู่ ก็ยืนหยัด ตัวตรง สู้กันต่อไป
ด้วยจิตคารวะ .... แด่ ดา ตอร์ปิโด
https://prachatai.com/journal/2020/05/87527
...
เธอคือนักโทษ 112 คนแรก
ในประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางการเมืองรอบใหม่ หลังรัฐประหาร 2549
ซึ่งการใช้ 112 กับเธออย่างอำมหิต รุนแรง
ได้เปลี่ยนประวัติศาสตร์ไปอย่างสิ้นเชิง
และยังไม่จบ แม้จบชีวิตเธอไปแล้ว
Atukkit Sawangsuk