ว่าที่จริงประชากรไทยน่ะทันโลกเสมอ
ดูแต่เรื่องฉายสไล้ด์ที่เยอรมนีไม่กี่วันนี้เอง คนไทยเอาบ้าง
ยิงภาพเลเซอร์ขึ้นกำแพงและตัวอาคารหลายแห่ง #ตามหาความจริง
เรื่อง พฤษภา ๕๓ ทำเอากลาโหมเต้น “ขอพิจารณาในข้อกฎหมาย
ว่าสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้างต่อผู้ที่ดำเนินการดังกล่าว
เพราะกระทำต่อที่สาธารณะ และอาจทำให้ผู้พบเห็นเกิดความเข้าใจผิด” พล.ท.คงชีพ
ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมแจ้ง เพราะว่าหนึ่งในสถานที่ถูกฉายคืออาคารกลาโหม
ข้อความว่าไง ไม่เท่าเยอรมนี แค่บอกว่า “ข้อเท็จจริง
พฤษภา ’๕๓ ทหารขับไล่เสื้อแดงทั้งหมดออกไปจาก
CTW...เกิดเพลิงไหม้ตอนทหารเป็นคนคุม CTW” และ “๔.ทหารไม่ยอมให้รถดับเพลิงเข้าไปดับไฟ” ซึ่งโฆษกกลาโหมแถลงว่า
“เป็นการยั่วยุให้เกิดความแตกแยก หวาดระแวงและไม่เชื่อมั่นกัน
ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสถานการณ์โดยรวมของประเทศที่กำลังเผชิญอยู่...เป็นการแสดงออกและมีนัยยะทางการเมืองแอบแฝงของคนกลุ่มนั้นๆ
มุ่งหวังให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสถาบันและองค์กร”
แต่กะลาโหมไม่คิดจะดูข้อมูลที่มีการค้นพบกันไว้นานแล้ว
เพิ่งเอามาสรุปใหม่อีกครั้งด้วยน้ำมืออาจารย์ พวงทอง ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์
จุฬาฯ ด้วยน้ำใจสำนักข่าว ‘เวย์’ ที่ อธิคม คุณาวุฒิ คุมบังเหียน เวอร์ชั่นนี้ทั้ง ‘ขอคืน’ และ ‘กระชับ’ ความจริง
ไปเช็คกันดูก่อนได้ที่นี่ https://waymagazine.org/from-puangthong-to-thongchai/ ไม่ยาวเกินไป และแน่นอน ‘ไม่สั้น’ แน่ๆ
“ในช่วงวันที่ ๑๔-๑๙ พฤษภาคม ผลคือมีผู้ชุมนุมเสียชีวิตเพิ่มอีก ๗๒ คน (รวม ๘๔ คน)
บาดเจ็บอีกกว่า ๒,๐๐๐ คน
ขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐเสียชีวิตอีก ๕ ราย (รวมเป็น ๑๐ ราย)” อันเป็นผลแห่งการขอ
กระชับพื้นที่ โดย ศอฉ.
“ข้อหาก่อการร้ายถูกใช้หนักหน่วงขึ้นเมื่อเกิดเหตุการณ์เผาเซ็นทรัลเวิลด์
โรงหนังสยาม ตลาดหลักทรัพย์ ห้างเซ็นเตอร์วัน
และศาลากลางในบางจังหวัดของภาคอีสานในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม”
ทำให้บริษัทประกันไม่ยอมจ่ายค่าเสียหายแก่เจ้าของ
เนื่องจากผลแห่งการดำเนินคดีกับกลุ่ม
นปช.พบว่า ไม่ใช่พวกเขาหรือ ‘เสื้อแดง’ อื่นๆ เป็นผู้เผา เพราะปรากฏว่า “วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๗ ศาลอุทธรณ์ได้ยกฟ้องตามศาลชั้นต้นข้อหาวางเพลิงกับผู้ชุมนุมเสื้อแดง
๒ คนคือ นายสายชล แพบัว และ นายพินิจ จันทร์ณรงค์
หลักฐานสำคัญคือพยานบุคคล พลตำรวจโทชุมพล
บุญประยูร ที่ปรึกษาด้านการป้องกันอัคคีภัยของบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา” ให้การว่าไม่เห็นหน้าพวกการ์ด
นปช.ในเหตุการณ์นั้นเลย “มีแต่พวกที่เรียกตัวเองว่ากองกำลังไม่ทราบฝ่าย...เป็นผู้ก่อการร้ายที่แม้แต่ตำรวจและทหารก็ไม่กล้าแตะ”
ข้อสำคัญ “พลตำรวจโทชุมพลยังยืนยันว่า
เมื่อแกนนำ นปช. ประกาศสลายการชุมนุม เจ้าหน้าที่ทหารของ ศอฉ.
ได้เข้าควบคุมพื้นที่ของห้างและบริเวณรอบเซ็นทรัลเวิลด์ไว้หมดแล้ว”
นั่นคือมีแต่ทหารเท่านั้นที่อยู่ ‘ใน’ เซ็นทรัลด์เวิร์ลด์
มิน่า
กลาโหมถึงเต้นเมื่อมีคนฉายแสงย้ำความจริง พยายามที่จะแถ “หากมองว่าเป็นการตามหาความจริง
เราสามารถค้นหาความจริงจากความคืบหน้าของคดี
ที่มีกระบวนการตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว ที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย”
วุ้ย พูดออกมาได้ ไม่ระคายปาก จากงานวิจัย
อจ.พวงทอง พบว่า “ที่น่าอัศจรรย์ใจก็คือ แม้ว่าจะไม่สามารถจับมือเผาได้ แต่...ศาลแพ่งกลับมีคำสั่งให้แกนนำ
นปช. ๓ คน คือ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายจตุพร
พรหมพันธุ์, นายแพทย์เหวง โตจิราการ ชดใช้ค่าเสียหาย ๒๑ ล้านบาท
...แต่ยกฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล
อดีต รมว.มหาดไทย และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม
ซึ่งเป็นจำเลยที่ถูกฟ้องร่วม” นี่แหละการให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ที่ ‘ไม่’ บังเอิญ ตกหล่นวลีต่อท้ายอันควรต้องบอกว่า “ทุกฝ่าย ที่อยู่ข้างเรา”
รายงานชื่อ “ความจริงอันกลับตาลปัตร 10 ปีหลังการปราบคนเสื้อแดง”
ยังพบด้วยว่าข้อกล่าวหาอันบิดเบือนมาเนิ่นนาน พวกเสื้อแดง ‘เผาบ้านเผาเมือง’ นั้น
“ในหลายกรณีในภาคอีสาน
ผู้ชุมนุมถูกตัดสินให้มีความผิดด้วยหลักฐานจากภาพถ่ายที่เพียงแค่แสดงว่าพวกเขาอยู่บริเวณรอบศาลากลางเท่านั้น
บางกรณีแม้จะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐให้การยืนยันว่าผู้ชุมนุมได้ช่วยตนดับไฟ
แต่ก็ยังถูกตัดสินให้มีความผิด”
ไหนจะคดี ๖ ศพวัดปทุมวนารามอีก ที่ คอป.
หรือคณะกรรมการไต่สวน ซึ่ง คณิต ณ นคร และ สมชาย หอมลออ ช่วยกันนำสรุป “แต่ในที่สุด
คำอธิบายของ คอป. ได้ถูกหักล้างทุกประเด็นจากการไต่สวนการตาย” โดยศาลอาญา “ชี้ว่าไม่มีน้ำหนักให้เชื่อตามคำให้การของเจ้าหน้าที่ทหาร”
แล้วฉะนี้ คงชีพ ยังจะทำตัวเป็นชนิด ‘ตอหลด’ โบ้ยบ้ายไปหลัดๆ “คาดว่าน่าจะทำกันเป็นขบวนการ...เพื่อต้องการให้นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ
ในอดีต แต่ไปพาดพิงกับองค์กรและสถาบันทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับสังคม”
เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกในสากลโลกนี้ก็นี่ละ
ตะหานของประเทดห่านเห็นว่า การค้นพบความจริง “ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับสังคม”