ดิ้นกันสุดกลั้น วิปรัฐบาลออกลูก ‘ขู่’ เขียนเสือให้วัวกลัว
ว่าฝ่ายค้านอย่าได้อภิปรายไม่ไว้วางใจย้อนไปไกลถึงใน คสช.๑ ล่ะ ขืนไม่ฟังโดน
ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลป่วนแน่ แม้แต่พรรคร่วมที่จะตายมิตายแหล่ก็ยังประกาศ
ช่วยกันพิทักษ์ระบอบ ‘ตู่ตั้ง’
วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร.
ในตำแหน่ง ‘วิปรัฐบาล’ ออกมาแอ่นพุงยักท่า เรื่องฝ่ายค้านจ่ชี้หน้าอภิปรายไม่ไว้วางใจ ๖ รัฐมนตรีในรัฐบาล
รวมทั้งนายกฯ และรองฯ ว่าจะได้วันที่ ๑๙-๒๑ กุมภาตามที่เสนอหรือไม่ ขอเช็คดูก่อน
ข้อสำคัญจะอภิปรายอะไร “ขอให้อยู่ในกรอบ”
เฉพาะรัฐบาลนี้เท่านั้น ส่วนที่รัฐบาลนี้เคยทำริยำตำบอนไว้ตอนเป็นรัฐบาลก่อนคนละเรื่องกัน
เลยตามเลยสายน้ำไหลไปแล้วไม่ไหลกลับ ไม่อย่างนั้นนะ “อาจมีสมาชิกซีกรัฐบาลลุกขึ้นเสนอขอปิดอภิปรายก็เป็นได้”
วิรัชอ้างว่า แล้วจะทำให้ ‘เสียบรรยากาศ’ เพราะถ้า “จะมาบอกว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในรอบ
๗ ปี ผมก็ต้องบอกว่าครั้งนี้ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลในรอบ ๗ ปีเช่นกัน”
อ้าวไหนอ้างตัดตอนขาดไปแล้วระหว่างยุค ‘ตู่ยึด’ กับยุค ‘ตู่ตั้ง’ ไง
นี่ฝีปากคนที่ยังมีคดี ‘ทุจริต’ ค้ำคออยู่นะ ที่จริงฝ่ายค้านน่าจะอภิปรายนายคนนี้เป็นรายที่เจ็ดต่อจากสองรัฐมนตรีที่ยังมัวหมองทางคดี
แม้นว่าบัก ดอน ปรมัตถ์วินัย หลุดไปแล้วอย่างน่าฉงน แต่ราย ธรรมนัส พรหมเผ่า
นี่คดีค้ายาฯ ที่ออสซี่ยังปักอกเต็มเปา
วิรัชขณะนี้ยังอยู่ในฐานะถูกคณะกรรมการปราบคอรัปชั่นชี้มูลความผิด
“กรณีทุจริตในการจัดสรรงบประมาณเพื่อทำการก่อสร้างสนามฟุตซอล
ในพื้นที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพฐ.) ในจังหวัดนครราชสีมา” ร่วมกับผู้ต้องหาอื่นๆ
รวม ๙ คน
แม้นว่าตอนนั้น (สิงหา ๖๒)
วิรัชจะทำเป็นกร้าวจะฟ้องกลับ ปปช. แต่ถึงตอนนี้หลังจากที่ ปปช.ออกมาย้ำ (๑๗ ธันวา
๖๒) “ว่าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาและทางวินัย แก่นายวิรัช
รัตนเศรษฐ กับพวก
‘เพิ่มเติม’ ในคดีดังกล่าวอีก ๖ เขตพื้นที่การศึกษาใน จ.นครราชสีมา” ย่อมแสดงว่าเป็นความมัวหมองสดๆ
เลือดซิบ ฝ่ายค้านเอาไปอภิปรายซักฟอกได้สบาย
ย้อนคำน้ำลายของนายวิรัชเองที่จะให้อภิปรายเฉพาะในช่วงรัฐบาลนี้
(https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/858731,
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_2778408
และ https://www.khaosod.co.th/politics/news_3508110)
ส่วนเรื่องอื่นๆ เช่นเศรษฐกิจ ที่มีคนพยายามจะเอารายงานล่าสุดของธนาคารแห่งประเทศไทยมาอ้าง
ว่าบัญชีเดินสะพัดไทยในปี ๖๒ ซึ่งเพิ่งผ่านมาหมาดๆ นั้น ‘เกินดุล’ มากกว่าปีที่แล้วเสียอีก คือ ๖๑ เกินดุล
๒๘,๐๐๐ ล้าน แต่ ๖๒ เกินถึง ๓๗,๐๐๐ ล้าน
นั่นเป็นการใช้ปัญญาอย่าง ‘สลิ่ม’
เพราะถ้าอ่านรายงานตามสติของนักวิชาการเศรษฐศาสตร์อย่าง อจ.กานดา นาคน้อย
มหาวิทยาลัยคอนเน็คติกัตละก็ เธอบอกว่า “เวลาเศรษฐกิจดีคือจีดีพีโตไว
ดุลบัญชีเดินสะพัดก็ลดลง เพราะการนำเข้าเครื่องจักรและสินค้าเพื่อการผลิตพุ่ง
การนำเข้าเพื่อบริโภคก็พุ่ง
เวลาเศรษฐกิจไม่ดี ไม่โตมาก
จะลดการนำเข้าสินค้าทุน ส่งออกก็ไม่โตแต่หดตัวน้อยกว่าการนำเข้า
ดุลบัญชีเดินสะพัดก็จะสูงขึ้น ไม่ใช่เรื่องควรปีติยินดี” ฉะนี้จะนับว่าโชคดีถ้าไม่โดนฝ่ายค้านจี้เรื่องการบริหารจัดการเศรษฐกิจชาติ
ไม่อย่างนั้นใบ้แดรกกันไปตามๆ ในเมื่อใน ๖
คนที่โดนอภิปรายไม่มีใครรอบรู้ในเรื่องเศรษฐกิจเพียง รู้กันแค่ ‘พอเพียง’ ทั้งนั้น แต่ถ้าเขาถามก็ต้องตอบให้ได้ตามระเบียบกฎหมาย
จะสบัดตูดเดินออกง่ายๆ ไม่เวิ้ร์ค ในเมื่อตัวหัวหน้าที่ถนัดแต่ยึดอำนาจ
ดันเผือกเป็นผู้กำกับทีมเศรษฐกิจ
ถึงแม้พรรคประชาธิปัตย์ที่มีคนของตนไปเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจอยู่บ้าง
อุตส่าห์เสี่ยงตายดาบหน้า ออกหนังสือสั่งงานให้ ส.ส.ของพรรคช่วยรัฐบาลอย่างเต็มที่
“แม้รัฐมนตรีของพรรคจะไม่โดนอภิปราย แต่พรรคจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้” ก็ตามที
งานนี้มีคนทายทักว่าเลือกตั้งครั้งหน้า
ปชป.ปรับจากต่ำร้อยไปเป็นต่ำสิบแน่ๆ เพราะจะไม่มีใครเลือกเนื่องจากพวกชอบประชารัฐแบบเหยียบสองแคมก็ไปเลือกสายตรง
พปชร.ดีกว่า พวกตัวเองที่กำลังยี้อยู่กับ ‘ไอทู้บ’ ต้องเบือนหน้า
พวกไม่เอาสืบทอดอำนาจ คสช.
นอกจากเสื้อแดงแล้วยังมี ‘รุ่นใหม่’
ที่ไม่เข้าใครออกใคร และโดนบรรดา ขนหน้าแข้ง
รัฐบาลนี้จิกกัดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็คงไม่เอาด้วยกับ ปชป.เหมือนกัน ทำไปทำมา
ปชป.จะกลายเป็นพรรคแตกเสียเองสมัยหน้า