ต่อกรณีข้อสงสัยจากเหตุจ่าทหารบกนักแม่นปืนคลั่งแค้น
ซึ่งสังหารคู่กรณีแล้วออกลุยยิงคนที่พบเห็นโดยเฉพาะในมอล จนมีคนบริสุทธิ์เสียชีวิตจำนวนมาก
แต่มีข้อสงสัยเรื่องตัวประกันสองคนที่นอนตายใกล้ศพคนร้าย ว่าเป็นผลจากการ ‘วิสามัญ’
ครั้งนี้ด้วยหรือไม่
(ดู ‘ไทยอีนิวส์’
เรื่อง “‘วิสามัญ’ ควบรวมถึงตัวประกันด้วยไหม ยังไม่มีคำตอบ แต่หาความกระจ่างทางกฎหมายได้จาก
สาวตรี สุขศรี นิติศาสตร์ มธ.”)
ได้มีผู้อ่านท่านหนึ่งใช้นามบัญชีเฟชบุ๊คว่า Yote Fakchun ระบุอาชีพ "Works at กรมสอบสวนคดีพิเศษ" ได้เขียนแสดงความเห็นเรื่องนี้ไว้น่าสนใจ
และเนื่องเพราะทางการยังไม่มีการชี้แจงหรือแจ้งรายละเอียดให้กระจ่าง
อาจจะต้องใช้เวลาย่อยข้อมูลนานหน่อย หรือถือเป็นความลับ (อันมิควร
เพราะในประเทศพัฒนาแล้วเขาไม่ทำอย่างนั้น)
เราจึงนำเสนอข้อคิดนี้เป็นความรู้เพิ่มเติม
ไว้พินิจพิเคราะห์กัน อย่างน้อยเพื่อให้ผู้สนใจติดตามได้เห็นภาพในมุมมองกว้างขึ้นอย่างเป็นวิทยาศาสตร์
ดีกว่าปล่อยให้เกิดการเพ้อพกในความเห็นต่างๆ นานาออกไป โดยเฉพาะถ้าจะอิงอ้างด้วย ‘จิตวิญญาน’ และมิใช่ “ขยายให้เกิดความแตกแยกเกลียดชัง”
อย่างแน่นอน
---------------------------------------------
Yote Fakchun :
“ถ้าเป็นการพลาด ศาลไทยยึดหลักโอนเจตนาทั้งหมดคือ
ถ้ากระทำต่อคนแรกไม่ผิด พลาดถูกอีกคน คนทำก็ไม่ผิดด้วย
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแค่อ้างป้องกันปกติ แต่เป็นการทำหน้าที่ระงับป้องกันภัยสาธารณะ
จนท. ผู้กระทำยากที่จะต้องรับผิด
ข้อสังเกตุ ที่คนอ่านต้องศึกษาคือ
-จนท.ชุดที่เข้าปฎิบัติ เป็นชุดชิงตัวประกัน ชึ่งถูกฝึกและฝังใจในเรื่องการใช้อาวุธว่า จะต้องไม่ถูกตัวประกันถึงจะใช้ ไอ้แบบสาดกระหน่ำพวกนี้เขาไม่ทำ ยิ่งยิงระบบออโต หน่วยพวกนี้จะมีความสามารถยิงปืนแม่นยำในระดับทีมชาติ
-ถ้าได้ดูคลิปหรือภาพนิ่ง จะเห็นว่าที่เกิดเหตุเป็นกระจก
ครึ่งนึงสามารถมองเห็นได้ ไม่ใช่มองเห็นในห้องที่คนร้ายตายไม่ได้
-ศพ ผช.อยู่คนละมุมกับคนร้าย
-ศพ ผญ.อยู่หลังประตูห้องเย็นซึ่งเปนสเตนเลส
2 ชั้น ตรงกลางเป็นวัสดุกันความร้อนมีความหนาพอสมควร
สามารถต้านทานกระสุนปืนทั่วไปได้
แต่ไม่สามารถต้านทานกระสุนปืนสงครามที่ยิงระยะใกล้
-ศพเด็กผู้หญิง
รอยเลือดมีลักษณะข้น นั่นแสดงระยะเวลาว่าเสียชีวิตมาก่อนนานพอควร ยิ่งถ้าได้ดูภาพที่เธอถ่ายคุยกับเพื่อน
ว่าคนร้ายอยู่นอกห้องเธอจับประตูไว้ เวลาโพสต์นั่นละชัดเลยว่าเกิดก่อน
-ทีมชุดชิงตัวประกันในสถานที่คับแคบ
จะใช้ปืนกลมือขนาด 9 มม เพราะไม่ต้องการให้กระสุนทะลุ และเป็นกระสุนที่ไม่สามารถทะลุประตูสเตนเลส
2 ชั้น
-ถ้าฟังนักข่าวที่เอาโดรนไปบินข้างในค้นหาคนร้าย
เขาบอกว่าคนร้ายถูกยิงบาดเจ็บก่อนแล้วจึงหนีเข้าไปข้างในห้อง
-ถ้าดูภาพที่คนร้านตาย
จะพบรอยกระสุนที่มุมเสาบิ่น แสดงว่ามีการยิงซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าคนร้ายนอนเสียชีวิตแล้ว
ทั้งหมด รอผลตรวจ พฐ. (พยานหลักฐาน) และผลชันสูตร แต่ถึงผลออกมาไม่ตรงกับที่คิด ก็จะมีคำถามสงสัยไม่เชื่อใจต่อเนื่อง
ผมเห็นว่าบทสรุปเรื่องนี้ชัดเจนในข้อ กม.>อยู่แล้ว ไม่สามารถจะขยายให้เกิดความแตกแยกเกลียดชังได้อีก ว่าเกิดภยันอันตรายสาธารณะ เป็นภยันอันตรายร้ายแรงจากการใช้อาวุธสงคราม
มีการกระทำต่อ
จนท.ที่มีอำนาจหน้าที่จับกุมด้วยความรุนแรงถึงตายและบาดเจ็บ
การระงับเหตุจึงจำเป็นต้องกระทำเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพยสินเพิ่มขึ้น
หากจะเป็นการพลาด จนท.ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่ามีคนอยู่หลังประตุบานนั้น
จบ...”