ไม่มีอะไรมาก แค่ปากพลั้ง พูดพล่อยไปพูดใหม่ได้
ยุคนี้ยุคทหารครองเมืองก็ธรรมดา พี่ป้อมของน้องๆ นักยึดอำนาจ ตอบนักข่าวเรื่องช่วยเด็กๆ ออกจาก #ถ้ำหลวง พอจะซื้ออะไรโดนว่าอยู่เรื่อย “จะเอาไปโกง”
โถ อย่าเที่ยวโทษใคร โบราณว่า ‘สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล’ เดี๋ยวน้องที
เดี๋ยวพี่ที ทหารเสือทั้งนั้น พูดวางกล้าม พูดไม่คิด (มั่วซั่ว) พูดผิดๆ
พูดส่อเสียด พูดไม่มีหูรูดเหมือนเป็น ‘Diarrhea’
วันนี้ โฆษกกลาโหมแถลงปฏิบัติการ ‘Damage
control’ ป้องปกลุงตือ หลังจากที่ปรากฏว่าสื่อสังคมของจีนด่าขรม ต่อการที่
พล.อ.ประวิตร์ วงษ์สุวรรณ ตอบคำซักถามของสื่อเรื่องเรือสปีชโบ๊ตอับปางนอกฝั่งภูเก็ต
นักท่องเที่ยวจีนตายเป็นร้อย
“ไม่มีอะไรหรอกเป็นคนละเรื่องกัน
การทำผิดเรื่องหนึ่ง การช่วยเหลือเรื่องหนึ่ง ถ้าผมพูดอะไรไม่พอใจก็ขอโทษ
ซึ่งผมได้รับรายงานมาอย่างนั้นจริงๆ ขออย่านำมาปนกัน” ทั่นรองหัวหน้า คสช. แก้ตัว
เมื่อนักข่าวจี้ถามว่า “โซเชียลของจีนไม่พอใจคำสัมภาษณ์”
คำสัมภาษณ์นั่นที่ว่า
“ขณะนี้ตำรวจกำลังดำเนินการคดีกับกลุ่มชาวจีนที่ใช้นอมินีคนไทย...เขาไม่เชื่อกรมอุตุนิยมวิทยา
จึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้” ‘บิ๊กป้อม’
ใส่ไม่คิด “นักท่องเที่ยวจีนเป็นคนทำนักท่องเที่ยวจีนกันเอง
แล้วจะให้ทำอย่างไร”
แต่นักท่องเที่ยวจีนนี่น่ะเป็นลูกค้าหลักของไทย
“ปี ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติ ๓๕ ล้านคน
เป็นนักท่องเที่ยวจีนสัดส่วนกว่า ๓๐% หรือกว่า ๑๐ ล้านคน
ปีนี้คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเพิ่มขึ้น ๑๐-๒๐% หรือมากกว่า ๑๑ ล้านคน”
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แถลงอ้างเหตุที่ประเทศไทย ผ่านกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวต่างชาติ
(กรณีพิเศษ) จำต้องจ่ายค่าเยียวยาความสูญเสียและเสียหาย จากการที่เรือ ๓
ลำอับปางในอ่าวไทย
โดยจ่ายตั้งแต่รายละ
๑ ล้านบาทสำหรับผู้เสียชีวิต ๕๖ คน กับฟื้นฟูสภาพจิตใจผู้รอดตาย
และชดเชยค่าเสียหายผู้เดินทาง ๗๔ คน รายละ ๒ หมื่นบาท รวมเป็นวงเงินทั้งหมด ๖๓.๙
ล้านบาท ที่ซึ่ง
ศรีสุวรรณ
จรรยา ร้องว่าเอาใจนักท่องเที่ยวจีนเกินไป ถือเป็นการ “ใช้อำนาจอย่างรุกลี้รุกลนเกินไปกว่าที่กฎหมายบัญญัติ”
(https://www.prachachat.net/general/news-187209, https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_1323114, https://www.prachachat.net/general/news-187209 และ https://www.posttoday.com/politic/news/557041)
ทำไมต้องลุกลี้ลุกรน
ส่วนหนึ่งน่าจะเพราะเว็บข่าวเศรษฐกิจ ‘นิเคอิรีวิว’
ตำหนิความไม่พร้อมของไทย ในการให้หลักประกันความปลอดภัยต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว
บทความ ‘Thailand's
cave rescue drama highlights risk to tourism boom.’ อ้างจากการยอมรับของธัญญา
เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ “ว่ามีความผิดพลาดในมาตรการความปลอดภัยที่ถ้ำหลวง”
จึงได้สั่งปิดอุทยานถ้ำในไทย ๑๖๙ แห่งเพื่อสำรวจด้านความปลอดภัยอย่างละเอียดก่อน
ขณะที่นายกรัฐมนตรีของไทยฉวยเอาโศกนาฏกรรมถ้ำหลวงมาทำให้เป็นโอกาส
โดยกล่าวว่า “ถ้ำหลวงโด่งดังไปทั่วโลก” คาดว่าจะเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมากขึ้น
หากแต่ว่าเหตุที่ร้ายเกิดไล่ตามมา เมื่อเรือท่องเที่ยว ๓ ลำอับปางในทะเลภูเก็ต
คนตายเป็นร้อย กลับทำให้โอกาสเปลี่ยนจากวิกฤตหดน้อยลง
มิใยที่ พล.อ.ประวิตรจะพยายามแยกประเด็นเรือฟีนิกส์ที่ล่มเป็นกิจการนอมินี่ของทุนจากจีน
ต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับมาตรการกู้ภัยและช่วยเหลือค้นหาศพผู้เคราะห์ร้ายจำนวนร้อย
เจ้าของเรืออาจฝ่าฝืนกฎของกรมเจ้าท่า
ดึงดันส่งเรือนักท่องเที่ยวออกทะเลทั้งที่มีพายุคลื่นลมแรงก็ตาม
แต่ความผิดยิ่งกว่านั้นอยู่ที่การบริหารจัดการท่องเที่ยวทางทะเลของไทย ไม่ได้มาตรฐานในด้านความปลอดภัยเป็นหลักใหญ่
หากกฎระเบียบและมาตรการท่องทะเลไทยมีประสิทธิภาพ
การฝ่าฝืนนำเรือออก (ไม่ว่าจะโดยต่างชาติหรือไทย) ไม่ควรที่จะเกิดขึ้น มิหนำซ้ำไทยมีพฤติกรรม
“เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตบนท้องถนนมากที่สุดในโลก โดยองค์การอนามัยโลก (WHO)
จัดอันดับให้” ด้วยแล้ว