มาอีกเป็นชุดสุดยอด โพลดันประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อ ทั้ง ‘นิด้า’ กะ ‘ดุสิต’ มาเป็นแท็กทีมหมัดหนึ่งสอง
NIDA Poll บอกว่าสำรวจคนพันสองร้อยกว่า ในวันที่ ๓๐-๓๑ สิงหา พบ ๖๑ เปอร์เซ็นต์เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปหลังเลือกตั้งครั้งหน้า (ถ้าจะมี)
แถมลงรายละเอียดวิธีการประชาธิปไตยไทยๆ ของคสช. ว่า จำนวนผู้ตอบคำถามมากที่สุดเรื่องนี้ ๓๓ เปอร์เซ็นต์ยอมให้ ‘เหมาะสม’ ถ้าจะมาด้วยหนทาง ‘คนนอก’
อีกโพลของสวนดุสิต เน้นเรื่องใช้มาตรา ๔๔ ปราบทุจริต (ฝ่ายตรงข้าม กับพวกผิดเส้นผิดสาย) ว่า ๗๒ เปอร์เซ็นต์เห็นกะตาว่าทุจริตลดลงฮวบ เพราะทำให้คน (ฝ่ายตรงข้าม กับพวกผิดเส้นผิดสาย) กลัว
เจ๋งกว่านั้น ๗๙ เปอร์เซ็นต์เห็น (แบบดวงตาเห็นธรรม มั้ง) ว่าไอ้มาตราวิเศษที่ ๔๔ นี้ “ควรใช้ต่อไป”
อันนี้ไม่มุสา (ตรวจสอบได้กับรายงานข่าว http://www.thairath.co.th/content/711878)
ไม่งั้นโพลประเด็นต่อมาเรื่อง “อยากฝากอะไรถึงผู้ใช้อำนาจ ม.๔๔” ๗๗ เปอร์เซ็นต์ขออย่าใช้เกินขอบเขต น้อยว่าที่ต้องการให้ใช้โลด ๒ เปอร์เซ็นต์ ถึงจะจิ๊บจ้อยก็น้อยกว่า แสดงถึงความไม่มั่นใจหรือไม่กล้าตั้งข้อฉงนกับ คสช.
สรุปจากสองโพลนี่แสดงว่า ‘บิ๊กตู่’ ไม่ใช่แค่มาแรง แต่ยังจะไปโลดเสียด้วย นักวิชาการที่ไหนจะมาทำนายว่าไปไม่รอด สู้โหรกับ ‘โหน’ (และเห็บ) ไม่ได้หรอก
พวกหัวหมอ (นักกฎหมาย) เขารวบรวมความศักดิ์สิทธิ์ของ ม.๔๔ เอาไว้ ในช่วงสองปีกับสี่เดือนหลังจากเปลี่ยนอำนาจเบ็ดเสร็จกฎอัยการศึกมาเป็นอำนาจเด็ดขาดมาตรา ๔๔ คสช. ฟันพวกไม่อยู่ในครรลองของคณะรัฐประหารไปแล้ว ๙๙ คดีเป็นอย่างต่ำ
(รายละเอียดที่นี่ https://www.ilaw.or.th/node/3679)
จะฟันถูกฟันผิด (แบบไทยๆ ที่ต้องลองผิดลองถูกไปก่อน) ยังไม่แน่ทั้งนั้น รอดูกันอีก ๕-๒๐ ปี
อย่างเช่นออกคำสั่ง ๓/๒๕๕๘ ให้ทหารเป็นเจ้าพนักงานความมั่นคง แทรกแซงได้ทุกเรื่องในกระบวนการบังคับใช้กฎหมาย กับคำสั่งเฉพาะที่ ๑/๒๕๕๘ (วันที่ ๒ พฤษภาคม ๕๘) “แต่งตั้ง พลตรี อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ให้เป็นประธานกรรมการ ในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล”
จากนั้นวันที่ ๑๐ สิงหาคมปีเดียวกัน “ให้รัฐสามารถนำเงินกองทุน (สลากกินแบ่งรัฐบาล) มาใช้ในการดำเนินโครงการตามนโยบายของรัฐที่จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมได้” จนมาถึง ๓๐ เดือนตุลาคมปีนั้น
“ให้บุคคล คณะบุคคล คณะทํางาน คณะกรรมการ หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ได้รับแต่งตั้งตามกฎหมาย หรือได้รับมอบหมายจากหัวหน้า คสช. คสช. นายกฯ ครม.หรือคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว...
ในกรณีที่บุคคลข้างต้นดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ และได้กระทําโดยสุจริต ย่อมได้รับความคุ้มครอง ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย”
จนมาถึงต้นปี ๕๙ เปิดการตรวจสอบ “ผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการพลเรือน ผู้บริหารและข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และกรรมการสำนักงานกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) รวม ๕๙ คน” (คำสั่ง ๑/๒๕๕๙)
ตามด้วยคำสั่ง ๒/๒๕๕๙ “ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ สสส. จำนวน ๗ ราย พ้นหน้าที่”
ต่อจากนั้นก็ฟันเละในเรื่องเล็กเรื่องน้อยของการบริหารราชการ ปลดคนโน้นย้ายคนนี้ พอได้จังหวะดีกลางเดือนมิถุนา ๕๙ มีคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับ ๒๘/๕๙ ออกมาโชะ
“ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานดำเนินการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๑๕ ปี ตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษา (อนุบาล)”
รายละเอียดต่อไปดูเผินๆ ก็ดูดี แต่มีคนตาคมทักว่า เอ๊ะ ๑๕ ปีเริ่มแต่อนุบาล ก็เท่ากับชั้นมัธยมปลาย ‘ไฮสกูล’ ไม่ฟรีแล้วหรือนี่ จึงมีการท้วงถามเป็นเรื่องใหญ่จากน้องเพ็นกวิน พริษฐ์ ชีวารักษ์ นักเรียน ม.๕
ตลอดปีนี้ (๕๙) ยังมีการใช้ ม.๔๔ ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบอีกยี่สิบกว่าฉบับ จนมาโป๊ะเชะที่คำสั่ง ๕๐/๕๙ “ให้หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระงับการปฏิบัติราชการ หรือหน้าที่ในกรุงเทพมหานครเป็นการชั่วคราว”
ทำเอาชาว กทม. หน้าม้านเกิดอาการซึมเศร้า หลังจากกระชุ่มกระชวยกับน้ำรอระบายบนถนนของกรุงเทพฯ สองวันก่อนหน้า เปิดช่องหัวหน้าพรรคแมลงสาปประกาสตัดญาติอย่างทางการ ไม่รู้ไม่เห็นด้วย
เป็นผลให้ คสช. ทำท่าจะไปลิ่วไม่เหลียวอะไรทั้งนั้น นอกจากทัพเรือแจ้งอีกหน ผ่านทาง @WassanaNanuam เรื่องซื้อเรือดำน้ำ (เอาแน่)
“แจงความสำคัญเรือดำน้ำในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ปีละ (แค่) ๒๔ ล้านล้านบาท และเป็นยุทโธปกรณ์ที่เป็น Force Multiple” ยังอ้าง
“อ่าวไทยไม่ตื้น ยกอดีต-ปัจจุบัน เรือดำน้ำนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ก็เข้ามาฝึกในอ่าวไทย เสมอๆ”
หัวหน้าใหญ่เตรียมผลงานไว้ไปอ้างกับ จี-๒๐ ไม่ทันไร บังเกิดเหตุผู้ต้องหา ‘นั่ง’ ผูกคอตายในเรือนจำ ‘ดีเอสไอ’ ด้วย ‘ถุงเท้า’
จะอ้างว่าเจ้าพนักงานพยายามปั๊มหัวใจช่วย เลย ‘ตับแตก’ ก็ฟังไม่ขึ้น แถมคนไม่เชื่อตัวเอ้ ดันเป็นนัก ‘เก็บขยะแผ่นดิน’ จอมพลิ้วซะอีก
“นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความระบุถึงการเสียชีวิต นายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพังงา สาขาท้าย...น่าจะเป็นการฆาตกรรมที่มีเจ้าหน้าที่ภายในกรมสอบสวนคดีพิเศษรู้เห็นเป็นใจร่วมมือกับมือสังหาร”
ครั้น พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ออกมาศอกกลับ “คนที่พูดมีข้อมูลมากน้อยแค่ไหน เป็นกรรมการตรวจสอบหรือไม่ ออกมาพูดจาทำให้สังคมสับสน...
การออกมาพูดแบบนี้ไม่ค่อยมีวุฒิภาวะ เป็นถึงนายพลเป็นถึงแพทย์ต้องมีจรรยาบรรณ”
(http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1472910745)
เป็นอันทำให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลฯ ต้องแสดงภววิสัย custodian “ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่าผมไม่ได้ขัดแย้งอะไรกับดีเอสไอ กลับสนับสนุนให้กำลังใจดีเอสไอให้สืบหามือสังหารเพื่อสาวไส้ไปถึงผู้บงการ”
อ้างทฤษฎี conspiracy สมคบคิดใน “ฐานะที่เคยเป็นเสนาธิการฝ่ายยุทธการและการข่าว”
ว่ามี “ผู้เกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงโฉนดที่ดินเป็นผู้บงการ โดยได้รับความร่วม (มือ) จากดีเอสไอ เพื่อทำให้ดีเอสไอกลายเป็นหน่วยงานชั่วร้าย”
และแถอย่างช่ำชองสมกับเป็นนักเก็บขยะตัวยงว่า “นายธวัชชัย (ผู้ตาย) เป็นเพียงแค่ตัวละครจากคดีปลอมแปลงโฉนดที่ดิน ที่บังเอิญมีความเหมาะสมที่จะนำไปสังหาร เพื่อทำให้สังคมหลงทาง”
(http://www.dailynews.co.th/regional/521268)
‘หลงทาง’ เหมือนอย่างเรื่อง “เอ็มโอยู #ซื้อข้าว ๒ ล้านตัน ระหว่าง คสช.ไทย กับ รัฐบาลจีน” หรือเปล่า
เรื่องนั้น Alongkorn Cheurkit เขียนไว้บนเฟชบุ๊คว่า “ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาปีกว่าแล้ว เอ็มโอยูส้นตีนนี่ก็ยังไม่มีผลอะไร เพราะทางรัฐบาลจีนทำเป็นเฉย นิ่ง เงียบ ไม่ยอมเปิดออเดอร์สั่งซื้อ”
ที่สำคัญคือ รัฐมนตรี คสช. “ไปร่วมตอกเสาเริ่มโปรเจค...กับตัวแทนจีนเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากการก่อสร้างต้องล่าช้า #รัฐบาลไทยจะต้องชดใช้ค่าเสียหายตรงนี้ด้วย”
เขาว่า “ตราบใดที่รถไฟ ไทย-จีน ยังเจรจาไม่ลงตัว ยังไม่เสร็จสรรพในข้อสัญญาระหว่างกัน...#มึงรอไปเถอะไอ้ไทยเอ๋ย”
เหล่านี้แหละหรือคือความเหมาะสม สำหรับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ต่อจากนายกฯ คนนอก ๕ ปี