วันอาทิตย์, มกราคม 03, 2559

อ๊ะ พอเข้าลึกปีใหม่ มีอะไรแปลก ‘ลิงหลอกเจ้า’




อ๊ะ พอเข้าลึกปีใหม่ มีอะไรแปลก ‘ลิงหลอกเจ้า’

นับแต่ new year resolutions ของทั่นตู่ “จะพูดน้อยลง หงุดหงิดน้อยลง ทะเลาะน้อยลง และเป็น good guy”

ก็มาถึง “หึ่ง ชวน หลีกภัย คัมแบ็คหัวหน้า ปชป.”



ตามข่าวเดลินิวส์ว่า “ยังมีความกังวลเรื่องปัญหาภายในพรรคและการยอมรับของสมาชิกพรรคอยู่ ทำให้มีการเสนอชื่อของ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกรอบ เพื่อจัดการปัญหาภายในพรรค”

(http://www.dailynews.co.th/politics/370707)

นั่นหลังจาก พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล โพสต์เฟชบุ๊ค วันขึ้นปีใหม่ “ภาพถ่ายหลังสุด (เมื่อครู่นี้เอง) กับหัวหน้าชวน หลีกภัย ที่บ้านจังหวัดตรัง”




ก่อนหน้านั้นไม่ถึงวันมีข่าว “สุรินทร์ พิศสุวรรณ พร้อมแล้ว เข้าชิงหัวหน้าพรรค ปชป.” แต่ก็ไม่ทันข้ามวัน เจ้าตัวออกมาปฏิเสธไม่เป็นความจริง เพียงแต่

“สื่อมวลชนเสนอว่าควรจะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นคำถามที่ไม่ได้ตอบ และก็ย้อนกลับไปว่า คุณรู้หรือไม่ว่าการเป็นหัวหน้าพรรคคือการเตรียมตัวเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคต” เท่านั้น

(http://www.posttoday.com/politic/407862)

ก็เลยมีคนไปขุดเอาข่าวไทยรัฐเมื่อต้นเดือนกันยายน ที่นายพิเชษฐให้สัมภาษณ์ถึงการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศสนับสนุนรัฐธรรมนูญฉบับเรือแป๊ะของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ว่า

“ต่อไปนี้ประชาธิปัตย์จะลำบาก เพราะคนกลุ่มหนึ่งเอาชื่อพรรคไปก่อพฤติกรรมที่ไม่ตรงกับอุดมการณ์ดั้งเดิมของพรรค ผู้ที่ไม่เห็นด้วยก็นิ่งเฉยเพราะเกรงใจผู้มีอำนาจที่ครอบงำพรรค

สิ้นยุคนายชวน หลีกภัย ภายในพรรคเปลี่ยนแปลงไปมาก เต็มไปด้วยหัวหลักหัวตอ บ้างก็หนีหายไปจากพรรค บ้างก็ทนโท่อยู่อย่างจำนน อย่างเจ็บปวด”

(http://www.thairath.co.th/content/522518)

ผู้ที่ขยันติดตามการขยับขับเคลื่อนทางการเมืองของพรรคแมลงสาบย่อมทราบว่าการ ‘เปลี่ยนแปลงไปมาก’ ของพรรค ปชป. รวมถึงกรณีที่อดีตแกนนำ กปปส. ที่ปัจจุบันเป็นประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชน แอบไปทำลับๆ ล่อๆ เหมือนจะเป็นกิ๊กกับผู้ว่าการ กทม. นัยว่าหมายจะหักดิบพวกแก๊งไอติม

หลังจากมีอดีต ส.ส. กทม. ของพรรค ปชป. สายไอติมสองคนออกมาจี้ผู้ว่าฯ ให้แถลงบัญชีจัดซื้อจัดติดตั้งกล้องซีซีทีวีเมื่อสองเดือนที่แล้ว

เมื่อวานนี้นายวัชระ เพชรทอง ประกาศจะร่วมกับนายวิลาส จันทร์พิทักษ์ ร้องเรียน ปปช. และ สตง. กรณีมูลค่าประดับไฟลานคนเมือง ๓๙ ล้าน และการต่ออายุรถไฟฟ้า กทม. อีก ๓๐ ปี ทั้งที่ยังไม่หมดสัมปทาน

“ไหนว่าทั้งชีวิตนี้เราดูแล มาถึงวันนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ยังไม่ยอมรับโทรศัพท์นาย...โกรธอะไรกันหนักหนาถึงไม่ยอมรับโทรศัพท์” นายวัชระเหน็บแรง

(http://www.thairath.co.th/content/557333)

ทางด้านนายวิลาสเปิดแถลงข่าวบ้างว่า จะเข้าไปยื่นหนังสือต่อ ปปช. และ สตง. ในวันที่ ๖ มกราคม เรื่องการประดับไฟลานคนเมืองนั้น บริษัทคิวริโอ ทัวร์แอนด์ทราเวิล เพิ่งขอขออนุญาตดำเนินการจำหน่ายและประดับไฟกับกรมธุรกิจการค้าก่อนหน้า กทม. ประกาศเชิญเอกชนเข้าร่วมนิดเดียว แล้วยังสามารถเข้าดำเนินงานได้เลยแม้ยังไม่มีการเซ็นต์สัญญา

(http://www.pptvthailand.com/news/21204)




ฝักฝ่ายในพรรคแมลงสาบออกมาสาวกันเละไม่พอ สื่ออิสระสายเอ็นจีโอออกมาช่วยสืบด้วย ว่าบริษัทคิวริโอนี้ไม่ใช่คนอื่นไกลที่ไหน แต่เป็นผู้สนับสนุนพรรค ปชป. รายไม่ย่อยเลยละ

โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ บริษัทคิวริโอบริจาคเงินให้พรรคประชาธิปัตย์ไว้ ๑ ล้านบาท

(http://www.isranews.org/isranews-news/item/43788-iiiwww.html)

อาการจิกกันในเข่งของพรรคที่ไม่เคยชนะเลือกตั้งมาเป็นเวลาสองทศวรรษเช่นนี้ จะว่าไม่แปลกคงไม่ใช่ ในเมื่อนายวัชระพูดอวดอ้างว่า “ไม่ทำตามประเพณีแมลงวันไม่ตอมแมลงวันกันเอง หรือพวกเสือไม่กินเนื้อเสือด้วย ไม่ละเว้นแน่นอน จะไม่ได้ฮั้วกันบนคราบน้ำตาของประชาชน เหมือนบางพรรคการเมืองเด็ดขาด”

อีกทั้งกรณีศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคยังมีสถานะเป็นผู้ถูกปลดออกจากราชการ แม้จะอุทธรณ์อยู่ก็มิได้ทำให้ความเชื่อมั่นในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคยังคงเหนียวแน่นมากนัก

“ขณะเดียวกันก็ยังต้องรอดูท่าทีของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ที่แม้จะประกาศตัวไม่เล่นการเมือง แต่ก็ยังคุมเสียง ส.ส.ภาคใต้และภาคอีสานในพรรคประชาธิปัตย์บางส่วนอยู่”

เกมช่วงชิงภายใน ปชป. เช่นนี้น่าจะเป็นผลจากกรณีที่โพลแรงดันใต้ปีก คสช. เกิดการสวิงสวาย จากตัวเลข ๙๙ ปรับใหม่เป็น ๙๘ มาถึงขณะนี้โพลดุสิตตีกลับเป็นลบ ๙๐

“ส่วนเรื่องความผิดหวังของประชาชนในรอบปี ๒๕๕๘ นั้น ส่วนใหญ่ร้อยละ ๙๐.๓๖ ระบุการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ความยากจน พืชผลเกษตรราคาตกต่ำ

รองลงมาร้อยละ ๘๘.๑๕ การปราบปรามทุจริตยังไม่สำเร็จ ยังมีการทุจริตอยู่ ร้อยละ ๖๘.๗๕ คือการร่างรัฐธรรมนูญยังมีปัญหาข้อขัดแย้ง ขณะที่ร้อยละ ๕๗.๕๒ ระบุการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน และร้อยละ ๕๕.๙๓ เรื่องการปฏิรูปประเทศยังไม่เกิดผลที่เป็นรูปธรรม”

(http://www.thairath.co.th/content/557196)

นี่เป็นความแปลกเสียจนมีคนตั้งข้อสงสัยอย่างลมๆ แล้งๆ ว่าเขาจะเปลี่ยนหัว คสช. กันฤๅ ในเมื่อคำชมจาก ‘ป๋า’ ไม่สามารถสยบความจริงในเรื่องตัวเงินให้ขยายผลออกมาได้

ถ้อยแถลงของรองปลัดกลาโหมแม้จะปัดสวะออกไปไกลจากกองทัพ ก็มิได้ทำให้ขยะหมดไป ตัวเลขต่างๆ ยังคงลอยอยู่รายรอบให้เขี่ยคุ้ย จนนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สามารถชี้เป้าเงินจากโรงเรียนนายสิบ ๑๐๖ ล้าน อันเป็นเงินหลวง ไหงไปลงอยู่ในกระเป๋ามูลนิธิราชภักดิ์ได้เล่า




ประจวบกับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญแจ้งถึงความคืบหน้าว่าร่างใกล้จะเสร็จแล้ว เหลือแต่บทเฉพาะกาล ทั้งนี้มีเนื้อหารายละเอียดของกลไกในการป้องกันซื้อเสียงได้ชงัด เช่นห้ามลงเลือกตั้งตลอดชีวิต




แล้วยังไม่เอาแนวคิดคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูป (คปป.) มาใช้เพื่อการปรองดอง ดังที่มีคนเสนอไว้ด้วย เชื่อว่าร่างฯ จะต้องผ่านประชามติในเดือนกรกฎาคมแน่ ถ้าไม่ผ่านก็จะเอาผิดกับผู้ที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ไม่ยอมรับ

(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1451737043)

รูปการณ์ส่อไปในทางที่จะต้องเอาเลือกตั้งเป็นสรณะ จึงมีความพยายามปรับกระบวนของพรรคแมลงสาบ รอรับการเลือกตั้งที่หวังจะมาแน่ในอีกปีครึ่ง ซึ่งจะเป็นการต่อสู้ด้วยชั้นเชิงการเมืองล้วนๆ โดยไม่อาจหวังในกรณีพิเศษ ‘เทพอุ้มสม’ ได้ดั่งเคยแล้ว