วันศุกร์, มกราคม 01, 2559

คุณประยุทธ จันทร์โอชา ครับ หากสงสารบ้านเมือง ก็ไปซะเถอะครับ




คุณประยุทธ จันทร์โอชา ครับ

สิ่งที่คุณพูดเมื่อวานนี้ที่สุราษฎร์ธานี
ตอกย้ำชัดครับ
ว่าคุณไม่มีความรู้ ไม่มีความเข้าใจในเรื่องที่คุณพูด

คุณพล่าม ว่า

"ประเทศไทยมีคน 70 ล้านคน อยู่ในระบบภาษี 10 ล้านคน
เหลือเสียภาษีประมาณ 4 ล้านคน
อีก 6 ล้านคน ลดหย่อนตรงนั้นตรงนี้
ดังนั้น 4 ล้านคน ถือเป็นหลักของประเทศ
เพื่อนำมาขับเคลื่อนประเทศ"

นี่เรียกว่า พล่ามแบบไม่รู้ ไม่มีความรู้ความเข้าใจสักนิด

การนำประชาชนทุกคนเข้าในระบบภาษีนั้นเป็นเรื่องดีครับ
แต่คนที่คิดจะทำ และจะลงมือทำ
ควรมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ตัวเองจะทำก่อนสักนิด

ไม่ใช่ไม่รู้ แล้วก็พล่ามแสดงความงี่เง่าออกมา

คุณประยุทธ ครับ รู้ไหมครับ
ประเทศไทยเก็บภาษีได้ปีละประมาณสองล้านล้านบาท
จากกรมสรรพากรประมาณ 1.7 ล้านบาท
จากกรมสรรพาสามิตอีกราว 3 แสนล้านบาท

ไอ้ที่คุณว่า 4 ล้านคนที่เสียภาษี
แล้วบอกเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนประเทศน่ะ
เพื่อใช้เป็นเหตุผลว่าทุกคนควรเข้าสู่ระบบภาษีน่ะ

เป็นการพล่ามแบบไม่รู้อย่างโง่บัดซบเลยครับ

ภาษีที่กรมสรรพากรเก็บได้ 1.7 ล้านบาทนั้น
เป็นภาษีบุคคลธรรมดาแค่ 2.8 แสนล้านเท่านั้นครับ

จิ๊บจ๊อยมาก แล้วจะขับเคลื่อนประเทศได้อย่างไร

เงินภาษีที่เป็นตัวขับเคลื่อนจริง ๆ นั้น
มาจากเงินภาษีสองตัวครับ

หนึ่ง คือภาษีจากบริษัทห้างร้านต่าง ๆ
ที่เรียกว่าภาษีนิติบุคคล ประมาณ 5.6 แสนล้านบาท

สอง คือภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บจากประชาชนทุกคน
เป็นภาษีทางอ้อมที่ทุกคนต้องจ่ายเมื่อจับจ่ายใช้เงิน
เป็นภาษีที่เก็บได้มากที่สุดครับ
ประมาณ 7.2 แสนล้านบาท

ภาษีมูลค่าเพิ่มนี่แหละครับคือตัวหลักขับเคลื่อนประเทศ
ภาษีมูลค่าเพิ่มนี่แหละครับมาจากประชาชนจน ๆ มากที่สุด
ที่คุณเข้าใจผิด ๆ ว่า พวกเขาไม่ได้เสียภาษี

ประชาชนทุกคนล้วนเสียภาษีทั้งนั้นครับ
บางคนเสียทางตรง บางคนเสียทางอ้อม

ทีหลังก่อนจะพล่ามอะไร
ให้แสดงถึงความรู้ในเรื่องนั้น ๆ ก่อนครับ

อย่าดีแต่พล่าม

อีกเรื่องที่คุณพูด
คือเรื่องใส่ข้อมูลอาชีพ-รายได้ลงในบัตรประชาชน

คุณอ้างว่าเพื่อเป็นข้อมูลช่วยคนยากจน
ใช้ขึ้นรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี
และในอนาคตก็อาจสามารถขึ้นรถไฟฟ้าฟรีได้

มั่วไปใหญ่เลยครับ

รถเมล์ รถไฟฟรีทุกวันนี้ ดีอยู่แล้วครับ
ที่บอกว่า เป็นรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี จากภาษีประชาชน

คนจน คนรวย สามารถใช้บริการได้หมด
อย่างเท่าเทียมกัน

และปกติ คนไม่จน เขาไม่ขึ้นหรอกครับ
ไม่ว่ารถเมล์ฟรี รถไฟฟรี เขาไม่ขึ้นหรอก

ทีนี้ ถ้าคุณใช้บัตรประชาชนในการขึ้นฟรี
ก็จะเป็นการแบ่งแยกประเภทประชาชนทันทีครับ

เป็นภาพที่ไม่สวยเลยสำหรับประชาชนและประเทศชาติ

นึกภาพดูสิครับ
ประชาชนคนนั่งในรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี
จะถูกจัดเป็นพวก "จน" เป็นชนชั้นไม่มีจะกิน

ขณะที่แบบเดิม รถเมล์ รถไฟฟรีจากภาษีประชาชน นั้น
อย่างไรก็ให้ภาพที่ดีว่า ใครก็ขึ้นได้ ไม่ว่ารวยหรือจน

อย่าให้บ้านเมืองถอยหลังไปถึงห้าสิบปีก่อนเลยครับ
เหมือนประเทศอเมริกาที่แบ่งแยกคนขาว-คนดำ

รถเมล์ รถไฟ ร้านอาหาร โรงหนัง แม้กระทั่งห้องน้ำ
หากคนขาวใช้ คนดำห้ามใช้

เป็นการแบ่งแยกชนชั้นและหมู่พวก

อยากเห็นเมืองไทยเป็นแบบนั้นเหรอครับ
คนจนนั่งรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี
คนมีเงินนั่งรถเมล์อีกประเภท รถไฟอีกประเภท

ไม่สวยเลยครับ

เรื่องรถไฟฟ้าฟรีก็เหมือนกัน
แค่เรื่องสามสิบบาทรักษาทุกโรค คุณยังบ่นว่าเปลือง
แล้วดันสะเออะคิดเรื่องรถไฟฟ้าฟรี

รถไฟฟ้าน่ะ คนจนเขาไม่มีเงินพอที่จะขึ้น
ก็อย่าไปเดือดร้อนแทนเขาเลยครับ

แค่รถเมล์ รถไฟ จากภาษีประชาชนก็พอแล้ว
แค่เรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรคเขาก็พอใจแล้ว
(หาเรื่องจะเลิก 30 บาทอยู่ตลอด เพื่อทำลายผลงานทักษิณ
พอหาเรื่องที ก็โดนด่าโดนต้านที ก็ออกมาแถว่าไม่เลิกไปที)

หากไปคิดถึงเรื่องรถไฟฟ้าฟรี
จะจ่ายเอกชนเท่าไร มีวิธีอย่างไร
จะเหมาจ่ายแบบรถเมล์รถไฟ ไม่ไหวแน่ ๆ ครับ ไม่คุ้มแน่ ๆ
จะแยกขบวนรถไฟฟ้า ก็เป็นการแบ่งแยกประชาชน

รถไฟฟ้าน่ะ
ไม่ได้วิ่งไปวกวนตามถนนเหมือนรถเมล์นะครับ

คนจนอยู่ห่างเส้นทางรางรถไฟฟ้ามาก
ใครจะถ่อมาขึ้น

รถไฟฟ้าวิ่งไปตามเส้นทางธุรกิจเป็นหลัก
คนจนที่ไหนทำงานย่านธุรกิจจนต้องใช้รถไฟฟ้า

คิดอะไร ทำอะไร ให้มันเข้าท่าหน่อยเถอะครับ
ให้ประชาชนเห็นว่า รู้งาน เป็นงาน
ไม่ใช่พล่ามตะบัน รู้ทุกเรื่อง แต่ไม่ได้เรื่องสักเรื่อง

คุณยึดอำนาจมากว่าปีครึ่งนี่
ผมเห็นคุณทำเรื่องเข้าท่า และน่าจะทำได้ดีอยู่เรื่องเดียวครับ

คือขับตุ๊ก ๆ

หากสงสารบ้านเมือง ก็ไปซะเถอะครับ
ไปขับตุ๊ก ๆ ดีกว่า

นะครับ

ตระกองขวัญ