เจ็นเนอรัลปรายู้ธไปหาเสียงเจียงใหม่เที่ยวนี้ ผิดท้องที่ พลาดยุทธวิธี อ๊ะป่าวคับ
หลังจากเข็นตะหานสองพันนายออกจากค่าย ตำหวดอีกพันสองร้อยราย ไว้ปกป้องคุ้มกันภัยอย่างดีแล้ว
ทั่นก้ออกเดิดตลาดหาเสียงย่าน sensitive ที่สุดต่อความนิยมคณะยึดอำนาจ ‘ตลาดนัดชุมชนไทยช่วยไทย คนไทยยิ้มได้’ ทำการไฮป๊าร์คทันใด
แย็ปก่อนด้วย "ประเทศไทยเป็นของทุกคนซึ่งประชาชนต้องเป็นผู้กำหนด...จะต้องมีผู้นำที่เข้มแข็งและเลือกคนดีเข้ามาทำหน้าที่"
จากนั้นก็ฮุคตามหมัดสอง “ซึ่งขอให้เข้าใจว่าเชียงใหม่ไม่ได้เป็นเพียงจังหวัดเดียวในประเทศไทย จึงขออย่าทำลายอาณาจักร อย่าปลุกปั่นเพราะไทยเป็นรัฐเดี่ยวซึ่งจะแบ่งแยกไม่ได้”
(http://news.voicetv.co.th/thailand/225522.html)
ตรงนี้แหละที่ทั่นนาโย้กคลาดเคลื่อนไปนิด (คราวนี้ดีหน่อยแค่เคลื่อน ก่อนๆ น่ะคนละเรื่องยันเลย มโนล้วนเกือบทั้งนั้น) อาจเป็นเพราะใส่ใจและ sensitive กับข่าว ‘แอสทีวี’ มากไปหน่อย
หรืออาจเป็นเพราะตอนนั้นทั่นไม่ได้ตรวจข่าวทุกวันทุกกรอบทุกฉบับเหมือนตอนนี้ เลยหลุดไปบ้างเฉพาะไอ้ที่มันมีความสำคัญต่อประชาธิปไตย อย่างข่าวนี้ ‘ประกาศตั้ง สปป.ล้านนา รุดให้กำลังใจนักวิชาการ สปป. Sat, 2013-12-28 12:37’ ที่ว่า
“ประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ประมาณ ๑๐๐ คน รวมตัวกันเข้าให้กำลังใจการเคลื่อนไหวของ สปป. และมีการแถลงประกาศรวมตัวจัดตั้งเป็น ‘สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนา’ เพื่อสนับสนุนแนวทางเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยต่อไป”
คัดของเก่าเอารายละเอียดเพิ่มอีกนิด ให้พวกโสพิศลุงตู่ดูกัน จะได้รู้ว่าทั่นนาโย้กสำคัญผิดเรื่องไร
“โดยเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนยองรักประชาธิปไตย กลุ่มรถเครื่องโบราณ กลุ่มรถจักรยานโบราณ กลุ่มไซเบอร์เชียงใหม่-ลำพูน กลุ่มคนรักทักษิณลำพูน และสมาชิกอีกหลายคนที่ไม่ได้สังกัดกลุ่มใดมาก่อน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเกาะเกี่ยวกลุ่มประชาธิปไตยต่างๆ เข้าเป็นเครือข่ายและทำกิจกรรมร่วมกันในพื้นที่ โดยเฉพาะหน้าคือการผลักดันการเลือกตั้งวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗”
(http://prachatai.com/journal/2013/12/50754)
เขาพูดกันเรื่องเลือกตั้ง เรื่องประชาธิปไตยไม่จำบัง ที่ทั่นบอกให้รอ รอพวกทั่นได้ ‘ทำ’ ตำบอนตะบันกันก่อน
อย่างเรื่องน้ำแล้งไม่เป็นไร ใหชาวบ้านเก็บกักน้ำไว้เวลาฝนตก ฝนไม่ตกลูกไล่ของทั่นจะไปยกเมฆข้ามเขามาให้
น้ำจืดมีน้อย แต่น้ำทะเลมีเยอะ เลยต้องซื้อเรือดำน้ำมือสองของจีนมาไว้ dumb เล่นซักสามลำ สนนราคาถูกมาก ๓๖ พันล้านเท่านั้นเอง สงสัยจะเอาไว้งมหอยสนุกแน่
แต่ว่ามันมี implication ลึกกว่านั้นเยอะ นี่ก็หนึ่งละ ที่ The Diplomat ตั้งข้อสังเกตุไว้
“...การตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปได้ที่จะทำให้ใครอื่นอ่านเจตนาว่า นี่เป็นสัญญานแห่งการเข้าไปอิงแอบแนบชิดยิ่งขึ้นของประเทศไทยต่อจีน ในขณะที่ความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาอยุ่ในภาวะสั่นคลอนนับแต่มีการทำรัฐประหารขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว”
(http://thediplomat.com/…/how-did-china-just-win-thailands-…/)
อีกเรื่องที่สำคัญมากมาก ที่พวกทั่นหั่นโครงการรถไฟความเร็วสูงราคา ๒.๒ ล้านๆ รัฐบาลเลือกตั้ง เพื่อจะได้สถาปนาโครงการใหม่เก๋กว่า ความเร็วแค่ปานกลาง (ปรัชญาพุทธมั้ง) มูลค่า ๓.๓ ล้านล้าน (อย่างน้อยก็เลขสวยกว่า ถ้าใช้ ‘เลขไทย’ ไม่มีหางกระหวัด)
แถมมี Sweet deals อีกแน่ะ นี่ฟังจาก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่า กทม. เขาตั้งข้อสงสัยไว้นะ ว่า “ทำไม MOU รถไฟไทย-จีน ต้องเก็บเงื่อนไขเงินกู้เป็นความลับ’ ตามนี้
“MOU ครั้งที่ ๔ ระบุว่า จะพิจารณาจำนวนเงินกู้และเงื่อนไขเงินกู้จากธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกของสาธารณรัฐประชาชนจีนภายหลังจากการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการแล้วเสร็จ ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกันว่า กระทรวงการคลังของประเทศไทยจะเป็นผู้สนับสนุนเงินลงทุนเพื่อให้โครงการเริ่มก่อสร้างได้ตามกำหนดเวลา
ที่สำคัญ ใน MOU ครั้งนี้มีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ทั้งสองฝ่ายให้การรับรองว่าข้อมูลเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเงินกู้ที่มีการหารือในการประชุมครั้งนี้ถือเป็นความลับ”
ดร.สามารถแกเผยเรื่องน่าคิด “แต่ผมทราบมาว่าจีนจะไม่ร่วมลงทุนก่อสร้างรถไฟเส้นทางดังกล่าวกับไทยตามที่ผมได้โพสต์มาแล้วหลายครั้ง แต่จีนจะให้ไทยกู้เงินบางส่วนเพื่อใช้ในการก่อสร้าง พร้อมทั้งจีนจะรับจ้างก่อสร้างงานบางส่วนที่ผู้รับเหมาไทยไม่ถนัด อีกทั้ง จีนจะขายขบวนรถไฟ รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ที่ไม่มีในไทย
หากรูปแบบการลงทุนเป็นไปเช่นนั้นจริง จีนก็จะไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงในกรณีที่โครงการขาดทุน แต่จีนจะได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยเงินกู้ การได้งานก่อสร้าง การขายขบวนรถไฟและวัสดุอุปกรณ์ รวมทั้งการมีเส้นทางออกทะเลอีกเส้นทางหนึ่ง”
(http://www.thanonline.com/index.php…)
สวี้ทไหมล่ะ กะว่าที่มหามิตรใหม่ ที่พูดกันมากแล้วว่า รังแต่จะทำให้มิตรเก่าน้อยใหญ่ผลักไส ไม่ใยดี ไม่ยี่หระกับราชอาณาจักรไทยยิ่งขึ้น
ทำให้เขาพูดได้เต็มปากว่าตราบใดที่ไม่มีเลือกตั้งเสรี ไม่มีนิติธรรมทางกฏหมาย ไม่มีเสรีภาพในการแสดงออก ขาด public polity ที่อิงแอบประชาชน ก็ยากสำหรับพวกเขาจะอ้อล้อตามใจคณะยึดอำนาจไทย
โดยที่อียู หรือสหภาพยุโรป ได้แถลงย้ำอีกครั้ง “จะไม่ลงนามในข้อตกลง ‘พันธมิตรและความร่วมมือ’ กับประเทศไทย จนกว่าไทยจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย”
(http://m.news.thaipbs.or.th/content/)
ทำนองเดียวกับล่าสุดที่แผนกประชาธิปไตยในกระทรวงต่างประเทศสหรัฐมีรายงานเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศต่างๆ ระบุถึงประเทศไทยเอาไว้ด้วยสำนวนสลวยทางการทูต
“คณะทหารกระทำการโค่นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ล้มล้างรัฐธรรมนูญ และจำกัดเสรีภาพมหาชนอย่างร้ายแรง ความพยายามต่อมาของรัฐบาลทหารที่จะร่างรัฐธรรมนูญใหม่และจารึกจิตสำนึกทางการเมืองของพวกตน ก่อให้เกิดข้อกังขาว่าเป้นกระบวนการที่ขาดความหลากหลาย”
(http://www.state.gov/…/r…/hrrpt/humanrightsreport/index.htm…)
หากแต่ทั่นรองฯ ฝ่ายต่างประเทศของรัฐบาลคณะยึดอำนาจ พลเอก ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร ออกมาโต้แย้งโดยรวมว่า
“นำข้อมูลด้านเดียวจากสื่อ และองค์กรเอ็นจีโอต่างๆ โดยไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลซ้ำกับทางกระทรวงการต่างประเทศ...(ทั้งที่) “กระทรวงการต่างประเทศได้เสนอข้อเท็จจริงบ่อยครั้งกับทางสหรัฐ พร้อมทั้งเคยเชิญให้ผู้แทนสหรัฐมาเยี่ยมชมการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ไทยในจุดที่มีข้อห่วงกังวลแล้ว
พร้อมตั้งข้อสังเกตกับประเทศที่เป็นผู้ประเมิน ว่ามีการประเมินประเทศดังกล่าวด้วยความเป็นธรรมหรือไม่”
(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1435576666)หม่
แหม่ อันนี้คงตอบได้ไม่ยากมั้ง จะเป็นธรรมกับฮุนต้าไทยหรือไม่ นั่นเป็นประเด็นรอง ข้อสำคัญอยู่ว่า ไอ้ที่ชี้แจง แถลง จัดฉากให้เขาดูน่ะ เขาไม่เชื่อต่างหาก
เขาเชื่อสื่อกับองค์การสิทธิสากลมากกว่าไง