จับจนได้ ๑๔ นักศึกษาจากกลุ่มต้านรัฐประหารหน้าหอศิลป์และกลุ่มดาวดิน ที่คล้องแขนกันเป็นกลุ่ม ‘ประชาธิปไตยใหม่’
จับอย่างก้าวร้าว เจ้าเล่ห์ ไร้ยางอาย
ทุกอย่างที่ประธานรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน ชาร์ล ซานติเอโก ว่าไว้ ในการเรียกร้องให้คณะผู้ปกครองของไทยยกเลิกข้อหาต่างๆ ทั้งหมด และปล่อยตัวพวกเขาจากการคุมขัง
(http://www.aseanmp.org/…)
“มันเป็นเรื่องน่าอาย ความชอบธรรมใดไม่เหลือเลยสำหรับคณะปกครองที่ก้าวร้าวและจับกุมนักศึกษาซึ่งไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าลุกขึ้นเรียกร้องสิทธิของพวกตนโดยสันติ” แถลงการณ์ APHR ดังมาจากกรุงจาการ์ต้า
“ชุมชนนานาชาติและเพื่อนบ้านของประเทศไทย ไม่อาจที่จะตกอยู่ในความเพ้อฝันได้ว่าคณะทหารจะคืนประชาธิปไตยให้แก่ประเทศในเร็วๆ นี้”
เช่นเดียวกับองค์การ Human Rights Watch “เรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกสื่อสารกับรัฐบาลไทยให้ยุติการคุกคามและให้เคารพหลักสิทธิขั้นพื้นฐานตามหลักสากลด้วย"
“พร้อมกับกล่าวว่า หลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศระบุ ห้ามรัฐบาลใช้ศาลทหารพิจารณาคดีพลเรือนในขณะที่ศาลพลเรือนยังใช้การได้อยู่”
(http://news.voicetv.co.th/thailand/224544.html)
“แถลงการณ์ระบุว่า การจับกุมตามอำเภอใจครั้งล่าสุดนี้เป็นอีกครั้งที่ทำให้เห็นว่ารัฐบาลทหาร ไม่ได้เต็มใจจะผ่อนการปกครองที่กดขี่ของตัวเองลงเลย”
(http://prachatai.org/journal/2015/06/60022…)
เก่า เก่า same same กับพฤติกรรมของคณะยึดอำนาจไทยตลอดปีกว่าๆ ที่ผ่านมา มากบ้างน้อยบ้าง แต่ว่าแอบอ้าง มุสา และหน้ายิ้มหลังยิงเรื่อยมา
ลูกเกด -ชลธิชา แจ้งเร็ว นักศึกษาหญิงคนเดียวที่โดนจับครั้งนี้ |
ไม่ใช่เพราะมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังอย่างที่พวกตัวใหญ่ในคณะยึดอำนาจ ไม่ว่าจะเป็น ผบ.ทบ. รมว. กลาโหม หรือ ‘บิ๊กตู่’ หัวหน้าใหญ่ อ้างกัน (ดู Thanapol Eawsakul ที่https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/923637941036379)
มิใยที่พวกนักศึกษาชี้แจงกระจ่างแจ้งแล้วว่า “ตามที่มีข่าวว่าเรามีกลุ่มทุนอยู่เบื้องหลัง เราขอชี้แจงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเราทั้งหมดคือประชาชน ผู้หวงแหนสิทธิ์ และผู้รักประชาธิปไตย ทุกสิ่งที่เราทำเปิดเผยต่อสาธารณะชนทุกประการ”
(http://www.prachatai.org/journal/2015/06/59999)
และนี่คือผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง เสียงจริง เปิดตัวแล้วเมื่อเย็นวันที่ ๒๗ มิถุนายน ศกนี้ ทางรายการ Thai Voice Media โดย จอม เพชรประดับ
ไม่ใช่เพราะมีการเล่นแผน ‘น้ำผึ้งหยดเดียว’ อย่างที่ สุวนัย ภรณวลัย ซ้ายเก่าศิษย์เปรตกู้ ‘คนระยำ’ ตามที่ ‘ใบตองแห้ง’ อ้างถึง
ข้อเขียนสุวนัยใส่ไคล้ว่านักศึกษาออกมายั่วยุให้ทางการจับกุมเป็นชนวนให้มวลชนเสื้อแดงออกมา ‘ลุกฮือ’ แล้วทหารเข้าปราบเป็นการนองเลือดอีกครั้ง สุวนัยทำทีเชื่อว่างานนี้จุดไม่ติด ทหารจะไม่ทำรุนแรงอย่างเคย
แต่ “ผมกลับมองว่า มวลชนที่สนับสนุน คสช. ก็คงออกมาปะทะกับมวลชนเสื้อแดงอยู่ดี” อันนี้สุวนัยรู้อะไรลึกๆ ละมั้ง
เพราะมีรายงานของพวกนักศึกษาจากในพื้นที่ระบุว่า ก่อนการจับกุมมีกลุ่มต่อต้านนักศึกษาไปชุมนุมยกป้ายใช้ถ้อยคำแบบเดียวกับที่พวกผู้นำ คสช. ว่าไว้ “นักศึกษาไม่เรียนหนังสือ” เทือกนั้น
ครั้นนักข่าวเข้าไปสอบถามก็โบ้ยให้ไปหาชายคนหนึ่งในเสื้อสีน้ำเงิน พอนักศึกษาถูกจับกันไปแล้ว ชายเสื้อน้ำเงินคนนั้นส่งสัญญานไปยังกลุ่มต่อต้านนักศึกษา พากันเก็บป้ายแยกย้ายกลับทันที
พฤติกรรมอย่างนี้มีทางเป็นไปได้แค่สองอย่าง ถ้าไม่ ‘จัดฉาก’ ก็ ‘ก่อกวน’
ส่วนพฤติกรรม ‘ไม่อำพราง’ มีเยอะ อาทิ การจับกุมในวันศุกร์ นี่เป็นชั้นเชิงวิชามารเหนือกว่า ‘อสุรกุ๊ย’ ให้ติดวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ทั้งเจ้าหน้าที่และทนายจำเลยไม่สามารถรวบรวมเอกสารหลักฐานได้ทันการ สำหรับคำร้องและการอนุมัติประกันตัว
พวกนักกิจกรรมรู้ดีในแท็คติค ‘แถมฟรี’ ควบคุมตัวสามวัน ชั้นเชิง คสช. นี้
หากแต่ว่าคราวนี้เจ้าหน้าที่มีทีเด็ดใหม่ กักรถทนาย “เพือค้นหาวัตถุพยานการกระทำผิดของผู้ต้องหา” และอายัติโทรศัพท์มือถือนักศึกษา
ครั้นทนายแย้งว่าโดยหลักกฎหมายแล้วการตรวจค้นวัตถุพยานต้องกระทำในที่เกิดเหตุ หรือต้องมีหมายศาล
ตำรวจ สน.ชนะสงคราม (เจ้ากรรมนายเวร) “ได้เรียกรถยกเพื่อมายกรถทนายนำไปยังสน.ชนะสงครามเพื่อทำการตรวจค้นแม้เจ้าตัวจะไม่ยินยอม”
ท้ายที่สุดปรากฏว่า คืนนั้น ทนายศิริกาญจน์ เจริญสิริ ต้องนอนเฝ้ารถของเธอทั้งคืน มีการออกหมายในวันเสาร์ และคำสั่งควบคุมตัวทั้ง ๑๔ คน ๑๒ วันในเบื้องต้น โดยจะเริ่มสอบปากคำจำเลยในวันจันทร์
เหล่านี้แหละคือวิธีการของ คสช. ที่ พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก ในฐานะรองเลขาธิการ คสช. วจีกรรมไว้ว่า
“การแสดงออกของนักศึกษาเราก็เปิดพื้นที่ให้...ผมอยากให้ผู้สื่อข่าวช่วยบอกกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศด้วย ที่มักออกมาพูดว่า คสช.ไม่เปิดพื้นที่การแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี...
ซึ่งในความเป็นจริงมัน (ไม่) ใช่”