จาก ‘ดาวดิน’ ถึง ‘หน้าหอศิลปฯ’ #ไอ้พวกนักกิจกรรม กำลังอาละวาด
June 18, 2015
ที่มา เวป After Shake
คืนวันแห่งการเติบโตของผม เป็นช่วงวัยแห่งการได้ทำความรู้จักกับอาชีพแปลกๆ เช่น ‘นักพัฒนาเอกชน’ บ้างล่ะ ‘นักเคลื่อนไหวทางสังคม’ บ้างล่ะ ‘นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม’ บ้างล่ะ กระทั่ง ‘นักกิจกรรมทางสังคม’
ไอ้พวกนักต่างๆ เหล่านี้ มักถูกตั้งคำถามจากนักประกอบอาชีพปกติ เช่น ข้าราชการหรือพนักงานบริษัทเอกชนว่า
“พวกมึง ทำมาหาแดกอะไรกันวะ”
ทำไมถึงมีเวลาออกมาทำอะไรที่พวกนักประกอบอาชีพปกติรู้สึกว่า สร้างความไม่ปกติให้สังคม
คืนวันแห่งการเรียนรู้ในชุดนักศึกษา ทำให้ผมเองเลือกวิถีชีวิตแบบ ‘ไอ้พวกนักกิจกรรม’ หลังสำเร็จการศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย เช่นเดียวกับเพื่อนๆ หลายคนซึ่งเคยทำกิจกรรมกับกลุ่มดาวดิน มหาวิทยาลัย ขอนแก่น และอีกเช่นเดียวกับเพื่อนๆ อีกหลายคน ซึ่งออกไปปรากฏตัวหน้าหอศิลปฯ จนถูกควบคุมตัวพร้อมกับน้องๆ นักศึกษาหลายมหาวิทยาลัย ซึ่งหากจะใช้สรรพนามเหมารวม ไอ้พวกนักกิจกรรมเหล่านี้ว่า ‘พวกเรา’ ก็คงไม่ผิดแปลกจากข้อเท็จจริงนัก
และพวกเรานี่แหละที่ลงพื้นที่ออกไปเห็นความเป็นจริงของสังคมผ่านกิจกรรมค่ายอาสา เอาสถานะความเป็นนักศึกษาเข้าไปในชุมชน ไปอยู่กับเขา เรียนรู้จากเขา แบบที่ อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เคยกล่าว จนทำให้พอเข้าใจว่าบ้านนี้เมืองนี้มีความเหลื่อมล้ำต่ำสูง ที่มาจากปัญหาเชิงโครงสร้าง การรวมศูนย์อำนาจ การกระจายทรัพยากรที่ไม่เป็นธรรม
และพวกเรานี่แหละที่มักออกมา เคลื่อนไหวในประเด็นทางสังคมต่างๆ ไม่ว่าต่อรัฐบาลที่คุณผู้อ่านจะชอบ หรือไม่ชอบ ด้วยเหตุผลที่ว่ารัฐบาลเหล่านั้นไม่ว่ามาจากค่ายพรรคการเมืองใด หน้าที่ของเขาคือการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน หาใช่การสร้างการพัฒนาที่เหยียบย่ำบนคราบน้ำตาของประชาชน นั่นเป็นสิทธิประชาธิปไตยทางตรงที่เราเรียกร้อง จากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
พวกเราเองเคยหยุดเรียน ลาเรียนเป็นเดือนๆ ไปเป็นอาสาสมัครช่วยน้ำท่วม กินนอนอยู่ในเต็นท์ข้างถนน ในขณะที่เสียงก่นด่าการทำงานของรัฐบาล รวมถึงผู้ว่าฯ กทม.ดังระงมอยู่ในโลกโซเชี่ยล
ไม่ว่าในนามนักกิจกรรมทางสังคม หรือนักเคลื่อนไหวทางสังคม หรือจะนักอะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่พวกเรายึดถือกันอยู่จนเสมือนเป็นคัมภีร์แห่งชีวิต นั่นคือวิธีการกับเป้าหมายต้องไปด้วยกัน
หากอยากให้สังคมมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เราก็ต้องใช้วิธีการ กระบวนการที่เป็นประชาธิปไตยอย่างถึงที่สุด เพื่อไปถึงสิ่งนั้น มิใช่ใช้วิธีการประชาธิปไตยอันบิดเบี้ยว หรือประชาธิปไตยแค่ครึ่งใบ มาบังคับให้คนอื่นๆ อดทนทำตามสิ่งที่เรียกว่า ‘ปฏิรูปประเทศไทย’
ผมเขียนมาถึงบรรทัดนี้ก็รู้สึกว่าตนเอง พรั่งพรูถ้อยคำที่มีความหมายเอนเอียงไปทางฟากฝั่งไอ้พวกนักกิจกรรมไปหน่อย อย่างไรเสียผมบอกกับกองบรรณาธิการแล้วว่า งานเขียนของผมหาใช่บทสรุปของข้อเท็จจริง นั่นหมายความว่ามันเป็นเพียงทัศนะที่ผมมีต่อโลก หาใช่การตัดสินโลก ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนถกเถียงกันได้ตามเหตุและผล
เพียงแต่ผมอยากขอพื้นที่ในการอธิบายสิ่งที่กำลังเป็นไปในประเทศของเรา เกี่ยวกับความเข้าใจที่ท่านมีต่อ ไอ้พวกนักกิจกรรม แท้จริงแล้วไอ้คนพวกนี้มันไม่ได้มีพิษสงอะไรต่อความมั่นคงของประเทศนี้หรอกครับ
แต่มันช่วยไม่ได้ที่การเรียกร้องประชาธิปไตย เท่ากับการคัดค้านรัฐประหาร มันช่วยไม่ได้ที่การพูดเรื่องละเมิดสิทธิชุมชนในรัฐบาลชุดปัจจุบัน เท่ากับการคัดค้านรัฐประหาร
มันช่วยไม่ได้ที่การยืนยันเรื่องค่าแรง 300 บาท การเรียกร้อง ILO 87,98 กลายเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะมันอาจกลายเป็นการคัดค้านรัฐประหาร
มันช่วยไม่ได้ที่มหาวิทยาลัยหลายแห่ง ออกนอกระบบราชการได้ง่ายดาย และถูกมองว่าเป็นผลพวงจากการรัฐประหาร มันช่วยไม่ได้ที่การคัดค้านเหมืองทองคำกลายเป็นเรื่องเดียวกับการคัดค้านรัฐประหาร
แน่นอน…
มันไม่มีใครช่วยอะไรได้ ในขณะที่ราคายางพารายังคงตกต่ำ ชาวนายังคงไม่ได้รับค่าชดเชยจากการสั่งห้ามทำนา และร่างพ.ร.บ. ที่ประชาชนไม่เห็นด้วยหลายฉบับ ยังคงถูกทยอยเข็นเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในขณะที่สภาปฏิรูปซึ่งเป็นความหวังของคนบางกลุ่มกำลังจะถูกยุบในไม่ช้า
และเมื่อมีมนุษย์บางจำพวก เช่น #ไอ้พวกนักกิจกรรม พยายามจะออกมาบอกกล่าว เรียกร้อง ต่อสู้ หรือคัดค้านปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากวันที่ 22 พ.ค. 2557
พวกเขากลับถูกกล่าวหาว่ารับเงินคนไกลบางคนมาเคลื่อนไหว…
ตราบใดที่ยังมีความไม่เป็นธรรมอยู่ พวกผมต้องออกมายืดเส้นยืดสายบ้าง ใครจะว่าเป็น ไอ้พวก (นักกิจกรรม) หน้าเดิม ออกมาอาละวาดอีกตามเคย ก็ว่ากันไป
มันช่วยไม่ได้จริงๆ ครับ
จำเริญๆ
เขียนเมื่อ 12 มิ.ย. 58
คืนวันแห่งการเติบโตของผม เป็นช่วงวัยแห่งการได้ทำความรู้จักกับอาชีพแปลกๆ เช่น ‘นักพัฒนาเอกชน’ บ้างล่ะ ‘นักเคลื่อนไหวทางสังคม’ บ้างล่ะ ‘นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม’ บ้างล่ะ กระทั่ง ‘นักกิจกรรมทางสังคม’
ไอ้พวกนักต่างๆ เหล่านี้ มักถูกตั้งคำถามจากนักประกอบอาชีพปกติ เช่น ข้าราชการหรือพนักงานบริษัทเอกชนว่า
“พวกมึง ทำมาหาแดกอะไรกันวะ”
ทำไมถึงมีเวลาออกมาทำอะไรที่พวกนักประกอบอาชีพปกติรู้สึกว่า สร้างความไม่ปกติให้สังคม
คืนวันแห่งการเรียนรู้ในชุดนักศึกษา ทำให้ผมเองเลือกวิถีชีวิตแบบ ‘ไอ้พวกนักกิจกรรม’ หลังสำเร็จการศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย เช่นเดียวกับเพื่อนๆ หลายคนซึ่งเคยทำกิจกรรมกับกลุ่มดาวดิน มหาวิทยาลัย ขอนแก่น และอีกเช่นเดียวกับเพื่อนๆ อีกหลายคน ซึ่งออกไปปรากฏตัวหน้าหอศิลปฯ จนถูกควบคุมตัวพร้อมกับน้องๆ นักศึกษาหลายมหาวิทยาลัย ซึ่งหากจะใช้สรรพนามเหมารวม ไอ้พวกนักกิจกรรมเหล่านี้ว่า ‘พวกเรา’ ก็คงไม่ผิดแปลกจากข้อเท็จจริงนัก
และพวกเรานี่แหละที่ลงพื้นที่ออกไปเห็นความเป็นจริงของสังคมผ่านกิจกรรมค่ายอาสา เอาสถานะความเป็นนักศึกษาเข้าไปในชุมชน ไปอยู่กับเขา เรียนรู้จากเขา แบบที่ อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เคยกล่าว จนทำให้พอเข้าใจว่าบ้านนี้เมืองนี้มีความเหลื่อมล้ำต่ำสูง ที่มาจากปัญหาเชิงโครงสร้าง การรวมศูนย์อำนาจ การกระจายทรัพยากรที่ไม่เป็นธรรม
และพวกเรานี่แหละที่มักออกมา เคลื่อนไหวในประเด็นทางสังคมต่างๆ ไม่ว่าต่อรัฐบาลที่คุณผู้อ่านจะชอบ หรือไม่ชอบ ด้วยเหตุผลที่ว่ารัฐบาลเหล่านั้นไม่ว่ามาจากค่ายพรรคการเมืองใด หน้าที่ของเขาคือการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน หาใช่การสร้างการพัฒนาที่เหยียบย่ำบนคราบน้ำตาของประชาชน นั่นเป็นสิทธิประชาธิปไตยทางตรงที่เราเรียกร้อง จากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
พวกเราเองเคยหยุดเรียน ลาเรียนเป็นเดือนๆ ไปเป็นอาสาสมัครช่วยน้ำท่วม กินนอนอยู่ในเต็นท์ข้างถนน ในขณะที่เสียงก่นด่าการทำงานของรัฐบาล รวมถึงผู้ว่าฯ กทม.ดังระงมอยู่ในโลกโซเชี่ยล
ไม่ว่าในนามนักกิจกรรมทางสังคม หรือนักเคลื่อนไหวทางสังคม หรือจะนักอะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่พวกเรายึดถือกันอยู่จนเสมือนเป็นคัมภีร์แห่งชีวิต นั่นคือวิธีการกับเป้าหมายต้องไปด้วยกัน
หากอยากให้สังคมมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เราก็ต้องใช้วิธีการ กระบวนการที่เป็นประชาธิปไตยอย่างถึงที่สุด เพื่อไปถึงสิ่งนั้น มิใช่ใช้วิธีการประชาธิปไตยอันบิดเบี้ยว หรือประชาธิปไตยแค่ครึ่งใบ มาบังคับให้คนอื่นๆ อดทนทำตามสิ่งที่เรียกว่า ‘ปฏิรูปประเทศไทย’
ผมเขียนมาถึงบรรทัดนี้ก็รู้สึกว่าตนเอง พรั่งพรูถ้อยคำที่มีความหมายเอนเอียงไปทางฟากฝั่งไอ้พวกนักกิจกรรมไปหน่อย อย่างไรเสียผมบอกกับกองบรรณาธิการแล้วว่า งานเขียนของผมหาใช่บทสรุปของข้อเท็จจริง นั่นหมายความว่ามันเป็นเพียงทัศนะที่ผมมีต่อโลก หาใช่การตัดสินโลก ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนถกเถียงกันได้ตามเหตุและผล
เพียงแต่ผมอยากขอพื้นที่ในการอธิบายสิ่งที่กำลังเป็นไปในประเทศของเรา เกี่ยวกับความเข้าใจที่ท่านมีต่อ ไอ้พวกนักกิจกรรม แท้จริงแล้วไอ้คนพวกนี้มันไม่ได้มีพิษสงอะไรต่อความมั่นคงของประเทศนี้หรอกครับ
แต่มันช่วยไม่ได้ที่การเรียกร้องประชาธิปไตย เท่ากับการคัดค้านรัฐประหาร มันช่วยไม่ได้ที่การพูดเรื่องละเมิดสิทธิชุมชนในรัฐบาลชุดปัจจุบัน เท่ากับการคัดค้านรัฐประหาร
มันช่วยไม่ได้ที่การยืนยันเรื่องค่าแรง 300 บาท การเรียกร้อง ILO 87,98 กลายเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะมันอาจกลายเป็นการคัดค้านรัฐประหาร
มันช่วยไม่ได้ที่มหาวิทยาลัยหลายแห่ง ออกนอกระบบราชการได้ง่ายดาย และถูกมองว่าเป็นผลพวงจากการรัฐประหาร มันช่วยไม่ได้ที่การคัดค้านเหมืองทองคำกลายเป็นเรื่องเดียวกับการคัดค้านรัฐประหาร
แน่นอน…
มันไม่มีใครช่วยอะไรได้ ในขณะที่ราคายางพารายังคงตกต่ำ ชาวนายังคงไม่ได้รับค่าชดเชยจากการสั่งห้ามทำนา และร่างพ.ร.บ. ที่ประชาชนไม่เห็นด้วยหลายฉบับ ยังคงถูกทยอยเข็นเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในขณะที่สภาปฏิรูปซึ่งเป็นความหวังของคนบางกลุ่มกำลังจะถูกยุบในไม่ช้า
และเมื่อมีมนุษย์บางจำพวก เช่น #ไอ้พวกนักกิจกรรม พยายามจะออกมาบอกกล่าว เรียกร้อง ต่อสู้ หรือคัดค้านปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากวันที่ 22 พ.ค. 2557
พวกเขากลับถูกกล่าวหาว่ารับเงินคนไกลบางคนมาเคลื่อนไหว…
ตราบใดที่ยังมีความไม่เป็นธรรมอยู่ พวกผมต้องออกมายืดเส้นยืดสายบ้าง ใครจะว่าเป็น ไอ้พวก (นักกิจกรรม) หน้าเดิม ออกมาอาละวาดอีกตามเคย ก็ว่ากันไป
มันช่วยไม่ได้จริงๆ ครับ
จำเริญๆ
เขียนเมื่อ 12 มิ.ย. 58
ooo
คนพาล?
...
วินธัย ชี้ ‘7ดาวดิน-9หน้าหอศิลป์’ ไม่มามอบตัวเจอหมายจับ ย้ำพ่อแม่จะโดนด้วย
Thu, 2015-06-18 19:50
ที่มา ประชาไท
โฆษก คสช. ขีดเส้นตาย ‘7ดาวดิน-9กลุ่มหน้าหอศิลป์’ ไม่มอบตัว โดนหมายจับแน่ ย้ำพ่อแม่โดนด้วย เหมือนกรณีเด็กแว๊น แนะช่องทางแสดงความเห็นรัฐบาลเปิดช่องไว้มาก ไม่จำเป็นต้องละเมิดกฎหมาย
18 มิ.ย. 2558 มติชนออนไลน์ รายงานว่า พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีในวันที่ 18 มิ.ย. เป็นวันสิ้นสุดการผ่อนผันเข้ารายงานของนักศึกษากลุ่มดาวดินตามหมายเรียก ของ สภ.เมืองขอนแก่น ในข้อกล่าวหา "ร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไป" หากไม่มารายงานตัว เป็นไปได้ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจำเป็นต้องเพิ่มระดับเป็นการออกหมายจับว่า การกระทำของกลุ่มนักศึกษาดังกล่าวที่ผ่านมา เป็นลักษณะพยายามทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เชิงยั่วยุสร้างความวุ่นวายในสังคม ละเมิดกฏหมาย และกระบวนการยุติธรรม ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้อะลุ่มอะหล่วยให้มาตลอด แต่หากไม่เข้าใจ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องบังคับใช้กฏหมายให้เป็นกฏหมาย ทั้งนี้หากต้องการแสดงความคิดเห็นใดๆ รัฐบาลก็เปิดช่องทางไว้จำนวนมากให้สามารถนำเสนอได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการละเมิดกฎหมาย
ดังนั้นหากวันนี้ยังไม่มารายงานตัว เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดเงินประกันตัวจำนวน 50,000 บาท พร้อมทั้งออกหมายจับ ในข้อหาฝ่าฝืนประกาศ คสช.ที่ 7/2557
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่อาจพิจารณาเชิญผู้ปกครองของนักศึกษากลุ่มดังกล่าวมาเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย โดยเทียบเคียงกับกรณี เด็กแว้นที่เมื่อกระทำผิด ผู้ปกครองต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของลูกหลานด้วย
นอกจากนี้ในวันที่ 19 มิ.ย. นี้ จะเป็นวันสุดท้ายของการผ่อนผัน ที่กลุ่มนักศึกษาที่จัดกิจกรรมหน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ จำนวน 9 คน ซึ่งต้องเข้ามารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นกัน หากไม่มารายงานตัวก็จะใช้แนวทางเดียวกับที่จะดำเนินการกับนักศึกษาที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มดาวดิน
"ทั้งนี้ผมอยากฝากไปถึงครอบครัวผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลานของตนว่า ไม่ควรกระทำการที่ขัดต่อกฏหมายบ้านเมือง และที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามให้โอกาสและลงโทษในสถานเบาที่สุดแล้ว แต่หลายคนยังมีพฤติกรรมกระทำผิดซ้ำซาก ไม่เป็นไปตามที่เคยรับปากเจ้าหน้าที่ไว้เมื่อคราวที่ปล่อยตัวไป ครั้งนี้จึงต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าได้ให้โอกาสมามากพอแล้ว" พ.อ.วินธัย กล่าว
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ส่วนกลุ่มใดๆที่ได้เคลื่อนไหวด้วยการสนับสนุนการกระทำที่ละเมิดกฏหมาย ควรหยุดโดยทันที รวมไปถึงกลุ่มกิจกรรมที่กำลังจะรวมตัวขึ้นมาใหม่ด้วย. ขณะนี้เจ้าหน้าที่ติดตามอยู่ตลอด หากยังมีความพยายามจะฝ่าฝืนกฏหมาย ภาครัฐก็จำเป็นต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดเช่นกัน
นศ.กลุ่มดาวดินยืนกรานไม่ไปรายงานตัว ด้าน คสช.ชี้มีเวลาอีกเจ็ดวัน
...
วินธัย ชี้ ‘7ดาวดิน-9หน้าหอศิลป์’ ไม่มามอบตัวเจอหมายจับ ย้ำพ่อแม่จะโดนด้วย
Thu, 2015-06-18 19:50
ที่มา ประชาไท
โฆษก คสช. ขีดเส้นตาย ‘7ดาวดิน-9กลุ่มหน้าหอศิลป์’ ไม่มอบตัว โดนหมายจับแน่ ย้ำพ่อแม่โดนด้วย เหมือนกรณีเด็กแว๊น แนะช่องทางแสดงความเห็นรัฐบาลเปิดช่องไว้มาก ไม่จำเป็นต้องละเมิดกฎหมาย
18 มิ.ย. 2558 มติชนออนไลน์ รายงานว่า พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีในวันที่ 18 มิ.ย. เป็นวันสิ้นสุดการผ่อนผันเข้ารายงานของนักศึกษากลุ่มดาวดินตามหมายเรียก ของ สภ.เมืองขอนแก่น ในข้อกล่าวหา "ร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไป" หากไม่มารายงานตัว เป็นไปได้ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจำเป็นต้องเพิ่มระดับเป็นการออกหมายจับว่า การกระทำของกลุ่มนักศึกษาดังกล่าวที่ผ่านมา เป็นลักษณะพยายามทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เชิงยั่วยุสร้างความวุ่นวายในสังคม ละเมิดกฏหมาย และกระบวนการยุติธรรม ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้อะลุ่มอะหล่วยให้มาตลอด แต่หากไม่เข้าใจ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องบังคับใช้กฏหมายให้เป็นกฏหมาย ทั้งนี้หากต้องการแสดงความคิดเห็นใดๆ รัฐบาลก็เปิดช่องทางไว้จำนวนมากให้สามารถนำเสนอได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการละเมิดกฎหมาย
ดังนั้นหากวันนี้ยังไม่มารายงานตัว เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดเงินประกันตัวจำนวน 50,000 บาท พร้อมทั้งออกหมายจับ ในข้อหาฝ่าฝืนประกาศ คสช.ที่ 7/2557
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่อาจพิจารณาเชิญผู้ปกครองของนักศึกษากลุ่มดังกล่าวมาเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย โดยเทียบเคียงกับกรณี เด็กแว้นที่เมื่อกระทำผิด ผู้ปกครองต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของลูกหลานด้วย
นอกจากนี้ในวันที่ 19 มิ.ย. นี้ จะเป็นวันสุดท้ายของการผ่อนผัน ที่กลุ่มนักศึกษาที่จัดกิจกรรมหน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ จำนวน 9 คน ซึ่งต้องเข้ามารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นกัน หากไม่มารายงานตัวก็จะใช้แนวทางเดียวกับที่จะดำเนินการกับนักศึกษาที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มดาวดิน
"ทั้งนี้ผมอยากฝากไปถึงครอบครัวผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลานของตนว่า ไม่ควรกระทำการที่ขัดต่อกฏหมายบ้านเมือง และที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามให้โอกาสและลงโทษในสถานเบาที่สุดแล้ว แต่หลายคนยังมีพฤติกรรมกระทำผิดซ้ำซาก ไม่เป็นไปตามที่เคยรับปากเจ้าหน้าที่ไว้เมื่อคราวที่ปล่อยตัวไป ครั้งนี้จึงต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าได้ให้โอกาสมามากพอแล้ว" พ.อ.วินธัย กล่าว
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ส่วนกลุ่มใดๆที่ได้เคลื่อนไหวด้วยการสนับสนุนการกระทำที่ละเมิดกฏหมาย ควรหยุดโดยทันที รวมไปถึงกลุ่มกิจกรรมที่กำลังจะรวมตัวขึ้นมาใหม่ด้วย. ขณะนี้เจ้าหน้าที่ติดตามอยู่ตลอด หากยังมีความพยายามจะฝ่าฝืนกฏหมาย ภาครัฐก็จำเป็นต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดเช่นกัน
ooo
ที่มา บีบีซีไทย
ภานุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์ หนึ่งในนักศึกษากลุ่มดาวดินที่ถูก สภ.เมืองขอนแก่นเรียกไปรายงานตัว เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า วันพรุ่งนี้ (19 มิ.ย.) ถึงกำหนดสิ้นสุดการผ่อนผันตามหมายเรียกให้ไปรายงานตัว แต่ทางกลุ่มยืนยันว่าจะไม่ไปรายงานตัวเนื่องจากเห็นว่าการชุมนุมของพวกตนเป็นเพียงการแสดงออกของบุคคลธรรมดนหนึ่ง และเห็นว่ากฎหมายที่เจ้าหน้าที่ใช้บังคับเพื่อออกหมายจับนั้นไม่มีความเป็นธรรม
นายภานุพงศ์ บอกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ใช้วิธีกดดันด้านจิตใจและครอบครัวด้วยการอ้างอิงว่าจะนำพ่อแม่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทั้งที่นักศึกษาที่เคลื่อนไหวเป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะ หากพวกตนจะถูกจับกุมก็จะยอมรับโทษ แต่จะไม่ยอมรับผิด เพราะเชื่อมั่นว่าการแสดงความคิดเห็นของตนเป็นเสรีภาพที่จะกระทำได้โดยไม่ได้ละเมิดผู้ใด
นายภานุพงศ์ กล่าวด้วยว่า นักศึกษากลุ่มดาวดินเคลื่อนไหวเรียกร้องเพื่อให้แก้ปัญหาให้ชาวบ้านซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาของรัฐที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบที่เกิดกับชาวบ้าน และทำให้ชาวบ้านต้องยอมจำนนกับนโยบายที่รัฐกำหนด
ทั้งนี้ นอกเหนือจากการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับผลกระทบจากโครงการของรัฐแล้ว นักศึกษากลุ่มดาวดินได้ดำเนินกิจกรรมอื่น อาทิ การชูป้ายต่อต้านรัฐประหารเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว และเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมปีนี้ รวมทั้งไม่ไปรายงานตัวตามหมายศาลเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) บอกบีบีซีไทยว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่อะลุ้มอล่วยกับนักศึกษามาโดยตลอด และในกรณีนี้เชื่อว่าเจ้าหน้าจะให้เวลาอีก 7 วันที่จะตัดสินใจว่าจะมารายงานตัวหรือไม่ ซึ่งหากไม่มาก็จะต้องตั้งข้อกล่าวหา พ.อ.วินธัย เห็นว่าการแสดงความเห็นของนักศึกษาเป็นสิ่งที่กระทำได้ แต่การไปรวมตัวกันในสถานที่ที่สื่อให้เห็นว่าเป็นการเมือง แสดงออกให้รู้สึกถึงความขัดแย้ง ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง หากมีข้อสงสัยสามารถทำหนังสือขอเข้าพบเจ้าหน้าที่ได้ หรือหากต้องการแสดงออกก็มีเวทีสาธารณะในท้องถิ่นให้แสดงออก ไม่ใช่เคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดเป็นประเด็นหรือมีวัตถุประสงค์อย่างอื่น