อ่า วันนี้ขออนุญาติเยี่ยวรถศาลพระภูมิ สอดเรื่องของผู่ใหญ่ (เพราะอยู่นาน) หน่อยละกัน
เรามันพวก ‘เด็กหัวเท่ากำปั้น ๒๓๙ ปี’ อ่านเรื่องที่คนแก่ของ ‘เมืองสำคัญของโลกก่อนที่อเมริกาจะเกิดตั้งหลายร้อยปี' เล่าถึงการสนทนากับอุปทูตอเมริกันแล้ว มันอั้นไม่อยู่
บ่องตง ทั่นปฏิญญาฟินแลนด์สำคัญผิดตนเองไม่เป็นไร อย่าอ้างเอาคนไทยอื่นหลงไปด้วย
อย่างประเด็นไทยเกิดก่อนอเมริกาหลายร้อยปี นั่นไม่ได้ทำให้ ‘เป็นเมืองสำคัญของโลก’ นะทั่น
สมัยสเปน ดั๊ทช์ อังกฤษ ฝรั่งเศสล่าอาณานิคมนั่น สยามรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้ มิใช่เพียงเพราะนโยบายไผ่ลู่ลมของผู้ปกครองไทยสมัยนั้น ยอมตัดเนื้อบางส่วนให้เขาไป เพื่อจะได้รักษาร่างกายเอาไว้
แต่ด้วยเหตุว่า สยามไม่ได้มีความสำคัญในสายตาพวกเขามากพอที่จะกระสันต์เอาให้ได้ทั้งยวง ทั้งราชอาณาจักร นั่นเป็นหลักใหญ่
พวกเขาไม่ยอมปล่อยพม่า ขะแมร์ ลาว จาม มาเลย์ อินโด ฟิลิปีโน ก็เพราะเห็นว่าพวกนั้นน่าอภิรมย์กว่าตะหาก
แล้วเรื่องที่ไปถามเขาทำไมไม่เชิญบิ๊กตู่ไปร่วมงาน นี่ก็นึกไม่ถึงว่าคนที่อวดรู้เหลือล้ำชนิด “เรียนการเมืองอเมริกันมามากพอที่จะสอนคนอเมริกันได้” จะบ้องตื้นปานนั้น
หรือว่าตั้งใจพูดให้ทั่นผู้นำชื่นใจ
การจัดงานวันประกาศอิสระภาพของสหรัฐอเมริกา เป็นที่ทราบกันทั่วไปในวงการทูตว่าเขาเน้น ‘ประชาธิปไตย’ เขาถึงได้เชิญทั้งพวก Pro-Thaksin และ Anti-Thaksin งัย
แล้วจะให้ดีทั่นเจ้าทฤษฎีฟินแลนด์น่าจะไปอ่านคำให้การของว่าที่เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย นายกลิน เดวี่ส์ ที่แถลงไว้ต่อกรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐ เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน เสียก่อน
ก็อาจไม่ต้องมาเขียนภาษาไทยให้ฝรั่งขำกันคิกคักอย่างนี้
(ถ้าไม่ทราบจะหาอ่านได้ที่ไหน ลองไปเว็บนี้สิ http://thaienews.blogspot.com/2015/06/gen-prayut.html เราก็ได้อ่านเรื่องทั่นผู้ใหญ่ปฏิญญาจากเว็บนี้เหมือนกัน http://thaienews.blogspot.com/2015/06/blog-post_62.html)
อ่านแล้วจะเห็นว่ามันไม่ค่อยเข้าท่าเข้าทียังไง ที่จะเชิญหัวหน้าคณะยึดอำนาจโค่นล้มทำลายประชาธิปไตยไปร่วมงานเฉลิมฉลองประชาธิปไตย
แล้วที่ไปสั่งสอนเขา “มิให้ยะโสกับผู้ใหญ่” ว่า “ถ้ายูยังมีท่าทีแบบนี้ เอกอัครราชทูตของอเมริกันก็อย่าเพิ่งส่งมา” โหยนี่ทั่นเองน่ะสำคัญผิดไปมากมายเลยละ
เขาไม่ได้จะส่งทูตมาเจริญสัมพันธไมตรีอะไรมากไปกว่าธรรมเนียมปฏิบัติตามปกติ แต่ที่เขาอาจมีเจตนาเบื้องหลังที่ส่ง ‘ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเกาหลีเหนือ’ มาเป็นทูตไทยนะทั่น
แหม เคยได้ยินแว่วๆ มาว่า พวกปราชญ์เขามองอะไร มักมองไปถึง implications ด้วยมิใช่หรือ
ส่วนที่เหน็บเขาว่า “อยากบอกรัฐบาลของผมว่า ถ้าอเมริกันเป็นอย่างนี้ ผมจะเรียกเอกอัครราชทูตไทยกลับจากวอชิงตัน” ก็เป็นเรื่องระหว่างทั่นผู้ใหญ่กับทั่นผู้นำหละ
น่าจะลองนะ ดูซิว่าใครต้องการใครมากกว่ากัน
เติมนิด เพื่อยืนยันข้อสันนิษฐานที่ว่า สถานทูตสหรัฐไม่เชิญทั่นนายกฯ ไปงานวันชาติอย่างที่ปราโมทย์ นาครทรรพต้องการ อาจเพราะเขาไม่อยากอี๋อ๋อกับพวกยึดอำนาจจากรัฐบาลเลือกตั้ง ฉีกรัฐธรรมนูญ และจำกัดอิสรภาพมหาชนอย่างร้ายแรง จนทำให้เขาไม่ไว้ใจก็ได้
"Meanwhile, governments in China, Egypt, Eritrea, Ethiopia, Iran, Russia, and Saudi Arabia, among others, continued
to stifle free and open media and the development of civil society through the
imprisonment of journalists, bloggers, and non-violent critics. In Thailand, the military overthrew a
democratically-elected government, repealed the constitution, and severely
limited civil liberties; subsequent efforts by the military government to
rewrite the country’s constitution and recast its political intuitions raised
concerns about lack of inclusivity in the process."